บทที่ 3 หนังสด
7 เดือนก่อน
The Drug Race
‘โห ที่นี่มันสุดยอดไปเลยแฮะ’ ดวงตาหวานกวาดมองไปรอบตัวด้วยความตื่นตาตื่นใจ เป็นครั้งแรกที่ฉันได้มาเหยียบสถานที่แบบนี้ มันให้ความรู้สึกตื่นเต้น ท้าทาย เร้าใจสุด ๆ ไปเลย
‘โถ่ ๆ ยัยคุณหนูบนหอคอยงาช้าง แกตื่นเต้นแบบไม่เก็บอาการเลยนะยะ’ แยมส้ม เพื่อนรักเพื่อนร้ายเพื่อนตายที่คบหากันมาตั้งแต่มอต้น นับรวม ๆ หกปีกว่ายื่นมือมาผลักหน้าผากฉันแรง ๆ ด้วยความหมั่นไส้ ฉันหันไปบู้ปากใส่ ดวงตาวิบวับจับจ้องไปทางสนามแข่งซึ่งมีรถแข่งหลายคันกำลังประชันความเร็วกันอยู่
‘อย่ามาแซะฉันนะ แกก็รู้นี่ว่าชีวิตฉันมันน่าอดสูแค่ไหน พูดเรื่องนี้แล้วนอยด์’
‘เออ ๆ ก็เพราะรู้ไงฉันถึงพาแกมาเปิดหูเปิดตาเนี่ย แต่ว่านะ… ห้ามให้เจ้ขิมรู้เรื่องนี้เด็ดขาดเชียว ไม่งั้นเจ้แกได้มาแหกอกอีแยมแน่ ๆ’ แยมส้มทำหน้าตาขนลุกขนพอง ฉันอดขำท่าทางของนางไม่ได้
‘เจ้ขิมไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้นสักหน่อย แกก็เว่อร์’ พี่สาวฉันออกจะน่ารักเรียบร้อย แถมยังใจดีโคตร ๆ ถึงแม้ช่วงระยะหลังมานี้นิสัยเจ้จะเปลี่ยนไปเหมือนเป็นคนละคนก็เถอะ
‘เออ ถ้าเมื่อก่อนน่ะใช่ แต่ถ้าเป็นเจ้แกร่างอวตารตอนนี้ละก็… ฉันอาจจะไส้ทะลักเลยก็ได้นะ’
Rrr…
‘นั่นไง เจ้แกนี่ตายยากโคตร ๆ เลยว่ะ’
ฉันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูชื่อคนโทรเข้า เป็นเจ้ขิมจริง ๆ ด้วย เหลือบตามองแยมส้มเล็กน้อย มันทำหน้าประมาณว่า ‘ห้ามพูดว่าอยู่ที่นี่เด็ดขาด’
โอเค… รู้เรื่อง
ฉันเดินแยกออกมาด้านหลัง พยายามหาที่ที่สงบที่สุด แต่มันก็หายากเหลือเกิน ไหนจะเสียงเครื่องยนต์จากรถแข่งบนสนาม ไหนจะเสียงตะโกนเชียร์ของผู้คน ไหนจะเสียงจากไมคโครโฟนนั่นอีก
‘ไม่รับก็ไม่ได้อีก’ ขมวดคิ้วบ่นใส่โทรศัพท์ที่ยังดังอย่างต่อเนื่อง ก่อนจะชะงักเท้ามองไปทางตู้คอนเทนเนอร์ซึ่งตั้งตระหง่านเรียงรายอยู่ตรงหน้า มันไม่ใช่ตู้ธรรมดาทั่วไปแต่ถูกดัดแปลงให้กลายเป็นที่พักผ่อนของพวกนักแข่งและยังเป็นร้านรวง ผับบาร์ต่าง ๆ อีกด้วย
ถ้าเป็นด้านในนั้นน่าจะลดเสียงรอบตัวลงไปได้หน่อยหรือเปล่า…
ฉันเดินมาหยุดยืนหน้าตู้ ๆ หนึ่ง ไม่สิ มันเรียกว่าบล็อกหรือเปล่านะ เงยหน้ามองเลขสิบเหนือประตูทางเข้า ที่นี่เป็นบล็อกเดียวเลยก็ว่าได้ที่ด้านหน้าเงียบสงบมาก ๆ ไร้ผู้คนจอแจ ฉันมองซ้ายมองขวา ลองจับที่จับประตูแล้วเปิดเบา ๆ
ไม่ได้ล็อกแฮะ…
งั้น… ขออนุญาตเข้ามาคุยโทรศัพท์สักสองนาทีแล้วกันนะ
ฉันแทรกตัวเข้ามาด้านในบล็อกสิบ ความรู้สึกแรกที่สัมผัสได้ก็คือความหนาวเย็นจากเครื่องปรับอากาศและความมืดสลัว ภายในมีดวงไฟเพียงดวงเดียวส่องสว่างอยู่ กวาดตามองการตกแต่งด้านในด้วยความรู้สึกทึ่งเล็กน้อย นี่มันบ้านคนชัด ๆ เลยไม่ใช่หรือไง…
ห้องรับแขกขนาดย่อม ๆ ถูกตกแต่งด้วยดีไซน์เรียบ ๆ ทว่ากลับดูสบายตาอย่างบอกไม่ถูก โทนสีภายในห้องกลมกลืนกัน แม้จะออกทึม ๆ อยู่บ้างแต่เป็นความดาร์กที่ลงตัวอย่างน่าประหลาด
Rrr…
เสียงเรียกเข้าดังอีกครั้ง ฉันละความสนใจจากการตกแต่งรอบตัวกดรับสายพี่สาวซึ่งโทรมาเป็นสายที่สี่แล้ว
‘ค่า…’
[ให้ตายเถอะยัยซอ! ทำไมถึงเพิ่งรับสายล่ะห๊ะ?!] น้ำเสียงเหวี่ยง ๆ จากปลายสายเรียกรอยยิ้มมุมปาก พี่สาวฉันมักจะเม้งแตกเสมอถ้าฉันรับสายช้า เจ้ขิมเป็นคนเดียวในโลกที่รักและห่วงฉันมากที่สุด ถึงที่ผ่านมาเราจะไม่ได้อยู่ด้วยกันตลอดเวลา เพราะฉันต้องอยู่โรงเรียนประจำ แต่เราก็สนิทกันมากที่สุด และฉันก็รักเจ้มากที่สุดเช่นกัน
‘เค้าไม่ได้ยินอ่ะเจ้ ขอโทษทีจ้า’ ฉันทำเสียงสดใสเพื่อไม่ให้ปลายสายจับพิรุธ เวลาหนีเที่ยวทีไรเจ้ขิมหูไวตาไวทุกทีเลย
[อยู่ไหนเนี่ยสายซอ ทำไมป่านนี้ยังไม่กลับบ้าน?]
‘อ้อ เค้าอยู่บ้านเพื่อนอ่ะ พอดีมีโปรเจกต์ต้องทำ เจ้ก็รู้นี่ว่าปีหนึ่งโปรเจกต์เยอะแค่ไหน’ ฉันกับเจ้ขิมเรียนคณะเดียวกัน สาขาเดียวกัน มันเป็นความบังเอิญที่ฉันดันชอบด้านออกแบบเหมือนเจ้ ตอนแรกฉันก็แค่คิดว่าสาขาที่เจ้ขิมเรียนมันน่าสนใจ แต่พอเห็นการออกแบบของเจ้จากโปรเจกต์ที่เจ้ทำเมื่อปีก่อน ฉันตัดสินใจทันทีว่าจะเดินตามรอยเจ้บ้าง
เจ้ขิมคือไอดอลของฉันในทุก ๆ เรื่อง
[แล้วไม่โทรบอกกันเลยนะยัยตัวดีนี่ คราวหลังจะกลับสายก็บอกเจ้ด้วย ม้าถามเจ้จะได้ตอบให้]
‘ค่า ๆ ขอโทษค่า คราวหน้าเค้าจะโทรบอกนะ…’
กริ๊ก…
เสียงจากหน้าประตูดังขึ้นเบา ๆ ฉันหันมองด้วยความตกใจ รีบมองหาที่หลบ มือก็ป้องปากกระซิบบอกปลายสาย
‘แค่นี้ก่อนนะเจ้ ไว้เค้าจะรีบกลับ’ ไม่พูดพร่ำทำเพลงกดวางสายแล้วปิดเครื่องทันที ร่างของฉันยืนแนบชิดระหว่างผนังกับตู้เย็นเครื่องใหญ่ มันหาที่หลบอื่นไม่ได้แล้ว พอเห็นช่องว่างตรงนี้ก็รีบเข้ามาโดยไม่ทันคิดว่าไฟอาจจะดูดฉันตายได้
‘อื๊อ… แฮ่ก…’ เสียงครางหวานทำฉันสะดุ้งเล็กน้อย หัวใจเต้นระรัวด้วยความตื่นตกใจ
อะไรล่ะนั่น… ทำไมถึงมีเสียงผู้หญิงครางกันล่ะ?
‘อ่า… ไม่ไหวแล้ว… มินนี่รอไม่ไหวแล้ว…’
หน้าฉันร้อนเห่อขึ้นมาทันที ถึงฉันจะเติบโตมาจากโรงเรียนประจำแถมยังเป็นโรงเรียนหญิงล้วน ก็ใช่ว่าฉันจะใสซื่อไร้เดียงสาซะจนไม่รู้ว่าเสียงครางกระเซ้านั่นมันคืออะไร
วันนี้มันวันมหาวิปโยคอะไรของฉันกัน… ทำไมต้องมาตกอยู่ในสถานการณ์แอบฟังหนังสดของชาวบ้านด้วย แล้วฉันจะออกไปจากตรงนี้ได้ยังไงกันล่ะเนี่ย
‘มินนี่ทำเอง… อ่า…’ เสียงหวานกระเซ้านั่นยังคงดังต่อเนื่อง ฉันยกมือขึ้นปิดหน้า อยากจะตัดประสาทการรับรู้ทั้งหมดของตัวเองเหลือเกิน ฉันยังเวอร์จิ้นอยู่นะ ต้องมาฟังอะไรพวกนี้นี่มันน่าอายเกินไปแล้ว ‘อ่า… สะ สิงห์’
หืม… เมื่อกี้เธอครางชื่อใครออกมากันนะ?
‘สะ สิงห์… อ่า…’
สิงห์งั้นเหรอ…
ในชีวิตฉันเคยเจอผู้ชายที่ชื่อสิงห์อยู่แค่คนเดียว และเขาก็เป็นคนที่โคตรไม่น่าเข้าใกล้ ทั้งเย็นชา ทั้งอันตราย มนุษยสัมพันธ์ติดลบสุดขั้ว ไม่น่า… คงไม่ใช่เขาคนนั้นหรอกมั้ง…
แต่แหม… ต่อมเผือกมันสั่นระริกเลยนี่น่ะสิ! ถ้าหากว่าผู้ชายที่กำลังเล่นหนังสดกับเธอคนนั้นอยู่คือเขาคนนั้นขึ้นมาจริง ๆ มันก็อดไม่ได้ที่จะ เอ่อ… แอบดูสักหน่อย
