บทที่ 7 ไม่มีทางเลือก

และนั่นคือเหตุการณ์ล่าสุดที่ฉันเจอกับสิงห์คำราม มันผ่านมาหลายเดือนแล้ว ตั้งแต่นั้นเราก็ไม่มีเรื่องให้ข้องเกี่ยวกันอีกเลย เหมือนคำกล่าวจีนที่ว่า ‘น้ำบ่อไม่ยุ่งกับน้ำคลอง’ ฉันกับเขาก็เช่นกัน เราต่างคนต่างอยู่นับแต่วันนั้น และฉันก็ลืมมันไปหมดแล้ว แม้แต่จูบแสนหวานนั่น…

จูบเหรอ…

“...” สองตาเผลอจ้องริมฝีปากหนาด้วยความลืมตัว ทำไมกันนะ ทั้งที่ฉันลืมเรื่องวันนั้นไปแล้วแท้ ๆ แต่สิ่งเดียวที่มันยังตราตรึงไม่จางหายไปสักทีก็คือรอยจูบของเขา…

แม้ว่าหลังจากนั้นไม่นานฉันจะได้คบกับจีซัส แต่เราก็แค่คบกันโดยไม่ได้เกินเลยอะไรกัน เพราะฉันมีเส้นแบ่งชัดเจนกับจีซัสมาตลอด อย่าว่าแต่มีเซ็กส์กันเลย แม้แต่จูบฉันยังไม่ให้เขาด้วยซ้ำ และเรื่องนี้ค่อนข้างเป็นประเด็นในการระหองระแหงกันของเราสองคนมาเสมอ จีซัสขี้หึงและขี้หวงจนเกินไป เขาอยากครอบครองฉันทั้งตัวและหัวใจ ซึ่งนั่นไม่ใช่สิ่งที่ฉันต้องการ จนกระทั่งวันนี้มันถึงคราวแตกหักไปแล้ว

ฉันไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมตัวเองต้องมีเส้นแบ่งให้กับจีซัสด้วย ทั้งที่คนเป็นแฟนกันจะจูบหรือกอดกันมันเป็นเรื่องธรรมดาแท้ ๆ หรือเพราะว่าฉันยังฝังใจกับจูบของสิงห์คำรามกันนะ… เพราะแบบนั้นฉันถึงทำใจจูบกับใครไม่ได้งั้นเหรอ?

“…” สิงห์คำรามถอยตัวออกไป เขาเบี่ยงหน้าหนี อาจเพราะเห็นว่าฉันกำลังจ้องริมฝีปากเขาอยู่ เขาดูไม่สบอารมณ์เล็กน้อย แค่เล็กน้อยจริง ๆ ก่อนจะเปลี่ยนกลับมาเย็นชาเช่นเดิม “ถ้าตื่นแล้วก็กลับบ้านเธอไปซะ”

เขาออกปากไล่โดยไม่มองหน้ากัน ฉันขมวดคิ้วมองไปรอบ ๆ ตัว นี่เป็นห้องนอนของเขางั้นเหรอ การตกแต่งไร้ชีวิตชีวาสมกับเป็นเขาจริง ๆ

สิงห์คำรามเดินออกจากห้องไปแล้ว ฉันสะบัดศีรษะไล่ความมึนสองสามที พยายามจะลุกจากเตียง แต่โลกมันเอียงซะเหลือเกินจนต้องนั่งลงที่เดิม นี่ฉันดื่มไปหนักแค่ไหนกัน เมื่อกี้มันยังไม่มึนขนาดนี้เลยนี่

จริงสิ ต้องโทรหาเจ้ขิมก่อน...

“…แบตหมด” โทรศัพท์เครื่องบางถูกยัดใส่กระเป๋าตามเดิม ฉันเมาขนาดนี้จะให้กลับเองก็คงไม่ไหว โทรศัพท์ก็ดันมาแบตหมด งั้นขอนอนพักให้สร่างเมาสักหน่อยแล้วกันค่อยกลับ

คิดได้ดังนั้นร่างฉันก็ซวนเซจึงล้มตัวลงนอนอัตโนมัติ พอหัวถึงหมอนฉันก็หลับลึกทันที

ในฝัน… ฉันรู้สึกหนาวมาก มันหนาวจนร่างกายสั่นไปหมด สองมือยกขึ้นกอดตัวเองแน่น ทว่าครู่ต่อมากลับรู้สึกถึงความอบอุ่นบางอย่างโอบอุ้มรอบตัว มันเป็นความอุ่นสบายจนไม่อยากจะลืมตาตื่นสักนิด

.

.

.

ปัง

เสียงปิดประตูเบา ๆ ดังขึ้นพร้อมกับร่างสูงเจ้าของห้องนอนที่เพิ่งก้าวออกมา เขาเดินมานั่งลงบนโซฟา ดวงตาสีนิลเฉยชาเหลือบมองบานประตูห้องนอนเล็กน้อย นาฬิกาบนผนังบอกเวลาตีหนึ่ง ปกติดึกขนาดนี้เขาควรจะนอนหลับไปแล้ว แต่เพราะถูกแย่งห้องนอนและที่นอนไป ร่างสูงจึงต้องระเห็จออกมานอนบนโซฟาแทน

เมื่อครู่สิงห์คำรามเข้าไปในห้องนอนเพราะเห็นว่าร่างบางเงียบหายไปเกือบชั่วโมง เขานึกว่าเธอจะเดินตามออกมาเพื่อกลับบ้านกลับช่องของตัวเอง ทว่ากลับไร้แม้แต่เงาของเธอ เขานั่งรอสักพักจนรู้สึกว่ามันนานเกินไปแล้วจึงเดินกลับไปเข้าไปดู ปรากฏว่าร่างบางที่ควรจะกลับบ้านสักทีนั้นกลับนอนขดตัวคุดคู้อยู่บนที่นอนเขา

สิงห์คำรามได้แต่ถอนใจ คร้านจะยุ่งวุ่นวายกับเธอเต็มทีแล้ว งั้นก็รอให้เธอตื่นแล้วค่อยกลับไปเองแล้วกัน ทว่าตอนจะเดินออกจากห้องเขาถูกเสียงหวานรั้งสองเท้าเอาไว้ เธอครางเบา ๆ ว่าหนาวซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนสุดท้ายเขาต้องเดินย้อนกลับมาคลุมผ้าห่มให้ร่างบาง

น่ารำคาญจริง ๆ

ร่างสูงทิ้งตัวลงนอนบนโซฟา เลิกนึกถึงเรื่องก่อนหน้าแล้วหลับตาลง เขาไม่ชอบวุ่นวายกับใคร แม้กระทั่งกับน้องชายตัวเองอย่างเสือพยัคฆ์ ถ้าไม่จำเป็นเขาก็จะไม่ยุ่ง สิงห์คำรามมีพื้นที่ของเขา มีโลกของเขาค่อนข้างชัดเจน และไม่เคยยอมให้ใครก้าวเข้ามาได้ง่าย ๆ สายซอนับว่าเป็นผู้หญิงคนแรกที่เขาพาเข้ามาในอาณาเขตของตัวเองแบบนี้

แต่จะว่ายังไงดี สำหรับเขาแล้วเธอไม่ได้พิเศษไปกว่าคนอื่นเลยสักนิด การที่เขาพาเธอกลับมาที่คอนโดนั่นเพราะไม่มีทางเลือก เขาไม่รู้จักบ้านเธอ และเธอก็เมามาก ยังไงซะเธอก็เป็นแฟนเก่าของนับกาล เพื่อนที่มีเพียงไม่กี่คนของเขา จะปล่อยทิ้งไว้แบบนั้นก็ทำไม่ลง

เอาเถอะ พรุ่งนี้ค่อยไล่เธอกลับไปแล้วกัน

.

.

.

[บทบรรยาย สายซอ]

ปึง ๆ ๆ

เสียงทุบประตูดังมาจากที่ไกล ๆ แม้มันจะไม่ดังมาก แต่ก็ปลุกฉันให้ลืมตาตื่นขึ้นมาได้ หัวมันหนักไปหมด มึนจนอยากจะนอนต่ออีกสักรอบถ้าไม่ติดว่าได้ยินเสียงคุ้นเคยดังลอดประตูห้องนอนเข้ามา

“น้องสาวฉันอยู่ที่ไหน?!”

โอ้… นั่นมันเสียงเจ้ขิมนี่… อย่าบอกนะว่า…

“สายซอ! แกอยู่ที่นี่หรือเปล่า?!”

ตายแล้ว! เจ้มาที่นี่ได้ยังไงกันเนี่ย!

ฉันรีบตะลีตาเหลือกลงจากเตียงวิ่งไปเปิดประตูห้องนอนด้วยความรวดเร็ว เห็นร่างบางของเจ้สายขิมกำลังมองหาฉันอยู่ในห้องนั่งเล่น

“เจ้…” ทันทีที่เจ้หันมาตามเสียงเรียก เจ้รีบเดินเข้ามาดึงฉันออกจากห้องนอน จับหมุนซ้ายหมุนขวาตรวจเช็คร่างกายจนฉันที่มึนหัวอยู่แล้วยิ่งมึนหัวมากกว่าเดิมอีก นี่ถ้าหมุนอีกนิดฉันจะอ้วกเอาได้นะ!

“แกเป็นอะไรหรือเปล่า เขาทำอะไรแกหรือเปล่ายัยซอ?!”

“เขา?” ฉันเลิกคิ้วถาม ก่อนมองไปทางหน้าประตูคอนโดซึ่งมีร่างสูงของสิงห์คำรามยืนอยู่ ข้างกายเขามีผู้ชายอีกคนยืนพิงขอบประตูมองมาทางพวกเราด้วย และฉันจำหน้าเขาได้ทันที

เขาคือ เสือพยัคฆ์ น้องชายของสิงห์คำรามไงล่ะ!

“ใช่ ผู้ชายคนนั้นทำอะไรแกหรือเปล่า แล้วทำไมแกถึงมาอยู่ที่นี่หะ เจ้โทรหาก็ไม่ติด บ้านก็ไม่กลับ เป็นห่วงจะตายอยู่แล้ว” เจ้ขิมยิงคำถามยาวเหยียดจนฉันต้องยกมือขึ้นห้าม เวียนหัวจะแย่แล้ว ตอนนี้ฉันแฮงค์มาก ๆ บอกเลยว่ายังไม่พร้อมจะคุยอะไรทั้งนั้นอ่ะ

“เดี๋ยว ๆ หยุดก่อนเจ้ เค้าไม่เป็นไร ไม่มีใครทำอะไรเค้าหรอก” ฉันมองไปทางสิงห์คำรามที่ยืนทำหน้าไร้อารมณ์มองมาทางพวกเรา “เอ่อ… เอาเป็นว่าเรากลับกันก่อนเหอะ เดี๋ยวเค้าเล่าให้ฟัง”

ฉันลากเจ้ขิมออกมาจากห้องโดยเลี่ยงที่จะสบตากับร่างสูงทั้งสองให้มากที่สุด นึกถึงเรื่องเมื่อคืนแล้วอยากจะกัดลิ้นตาย นี่ฉันเมาถึงขนาดไม่ระวังตัวนอนหลับในห้องผู้ชายแปลกหน้าขนาดนี้ได้ยังไงกัน ไม่รู้ว่าโชคดีหรือโชคร้ายที่ผู้ชายคนนั้นคือสิงห์คำราม มันอาจเป็นโชคดีที่เพราะเป็นเขา ฉันก็เลยยังปลอดภัยไร้การสึกหรอ

แต่ไอ้ที่โชคร้ายก็คือ… ทำไมต้องผู้ชายคนนี้ด้วยน่ะสิ!

บทก่อนหน้า
บทถัดไป