บทที่ 8 ตอนที่ 8
“เพราะถ้าคุณแซคโผล่เข้ามาในห้องน้ำเมื่อไหร่ ฉันจะจับคุณแซคปล้ำ”
แล้วหล่อนก็ยกมือขึ้นป้ายน้ำตา ก่อนจะรีบวิ่งหายเข้าไปในห้องน้ำทันที
“ผู้หญิงแพศยา”
แซคคารีย์คำรามในลำคอด้วยความเกลียดชัง ก่อนที่เขาจะตวัดขาลงจากเตียง และเดินไปเปิดหน้าต่างให้กว้างออก สายลมเย็นฉ่ำพัดเข้ามาปะทะร่างหนุ่มเต็มแรง แต่ก็ไม่ได้ทำให้เรือนกายหนาวเหน็บได้เท่ากับความเย็นยะเยือกที่เกิดขึ้นภายในหัวใจได้เลยแม้แต่น้อย
“นารี... คุณหายไปไหน”
อลินดาก้าวออกมาจากห้องน้ำในชุดนอนของนารีรัตน์ผู้เป็นเจ้าสาวตัวจริง หล่อนกระชับเสื้อคลุมเนื้อเนียนแน่น ขณะก้าวเท้าเดินกลับมายังเตียงนอน ผู้ชายตัวโตยืนหันหลังอยู่ที่หน้าต่าง หล่อนได้ยินเขาพูดโทรศัพท์กับใครบางคนด้วยน้ำเสียงระรัวเร็ว ไม่นานเขาก็ตัดสายสนทนา และหันขวับมามองหล่อนที่กำลังจะก้าวเท้าขึ้นไปบนเตียง
“เธอจะทำอะไรน่ะ”
คนที่นั่งลงบนเตียงชะงัก หันไปมองคนใจร้ายอย่างไม่เข้าใจ
แซคคารีย์เดินมาหยุดข้างเตียง และกระชากแขนของหล่อนให้ลงมาจากเตียงอย่างไม่ปรานีปราศรัย
“คุณแซคจะทำอะไรคะ”
ร่างของหล่อนถูกเหวี่ยงแรงๆ จนล้มลงไปกับพื้นพรม หล่อนช้อนตามองเขาด้วยความไม่พอใจ
“เธอไม่มีสิทธิ์ขึ้นไปนอนบนเตียงกับฉัน” สายตาของเขาเต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราด “ที่ข้างตัวฉันคือที่สำหรับนารีคนเดียวเท่านั้น จำเอาไว้ด้วย”
คนฟังหัวใจปวดร้าวแสนสาหัส แต่ก็พยายามที่จะสะกดกลั้นน้ำตาเอาไว้
“งั้นฉันนอนที่โซฟาก็ได้ค่ะ”
“ไม่ได้”
หล่อนได้ยินคำพูดของเขาก็เม้มปากแน่น ก่อนจะกัดฟันลุกขึ้นยืนแต่ก็โซเซนักเพราะสองขาอ่อนแรงเหลือเกิน
“งั้นฉันนอนกับพื้นห้อง หน้าเตียงของคุณแซคก็ได้”
เขายิ้มเลือดเย็น เดินเข้ามาหยุดตรงหน้าของหล่อน กลิ่นกายที่เต็มไปด้วยความเซ็กซี่ของแซคคารีย์ทำให้หล่อนมึนเมาและลุ่มหลงได้เสมอไม่เคยเปลี่ยน แต่ก็จำต้องเก็บซ่อนเอาไว้ให้ลึกสุดใจ
“เธอนอนในห้องนอนกับฉันไม่ได้หรอก เพราะฉันไม่มั่นใจว่าเธอจะหน้าด้านขึ้นมานอนบนเตียงกลางดึกหรือเปล่า”
“ฉันมีศักดิ์ศรีพอค่ะ สาบานว่าจะไม่ทำแบบนั้น”
“ผู้หญิงอย่างเธอเชื่อถือได้ที่ไหนกัน”
เขาย้อนกลับมาอย่างเจ็บแสบ และก็ยิ่งตอกย้ำให้หล่อนทุกข์ทรมานเหลือเกิน
“งั้นฉันจะไปนอนข้างนอกห้องค่ะ”
“ไม่ได้ เดี๋ยวคนใช้เห็น แล้วจะเอาไปนินทา ฉันไม่ชอบเป็นขี้ปากของคนใช้”
อลินดากระแทกลมหายใจออกมาแรงๆ มองเขาอย่างหมดความอดทน
“แล้วสรุปจะให้ฉันนอนตรงไหนคะ หรือว่าจะให้ขึ้นไปนอนบนฝ้าเพดาน”
แซคคารีย์ไม่สนใจคำพูดประชดประชันของหล่อนเลย เขาหัวเราะเหยียดหยัน
“ห้องน้ำ”
“คะ?”
“เธอฟังไม่ผิดหรอก เธอต้องเข้าไปนอนในห้องน้ำ และห้ามออกมาจนกว่าจะเช้า”
อลินดาช็อกอ้าปากค้าง นี่มันอะไรกัน ศักดิ์ศรีของหล่อนยังถูกเขาเหยียบขยี้ด้วยฝ่าเท้าไม่สาแก่ใจอีกหรือไง
“คุณแซคต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ ใครจะไปนอนในห้องน้ำได้คะ”
“ก็เธอยังไงล่ะ”
เขายิ้มเยาะ และเดินไปหยิบหมอนโยนหายเข้าไปในห้องน้ำ
“เข้าไปได้แล้ว และอย่าโผล่หน้าออกมาให้ฉันเห็น จนกว่าจะเช้า เข้าใจไหม”
“ไม่ค่ะ ฉันไม่ทำแบบนั้นหรอก”
หล่อนปฏิเสธทั้งน้ำตา เกลียดเขานักที่ย่ำยีความเป็นคนของหล่อนแบบนี้ แต่แรงของหล่อนหรือจะสู้ผู้ชายร่างยักษ์อย่างแซคคารีย์ได้ สุดท้าย เขาก็ผลักหล่อนเข้าไปในห้องน้ำได้สำเร็จ
“คุณแซค... ทำอย่างนี้ไม่ได้นะคะ”
“อย่าโวยวายน่า ห้องน้ำฉันออกจะสะอาด ความจริงน่าจะสะอาดและกว้างกว่าห้องนอนของเธอที่บ้านเสียอีก”
เขาปิดประตูใส่หน้าหล่อนอย่างเลือดเย็น และเมื่อหล่อนพยายามจะหมุนลูกบิดเปิดประตูก็พบว่าเขาเอาแม่กุญแจมาล็อกประตูด้านนอกเอาไว้เสียแล้ว
“คุณแซค ล็อกประตูทำไมคะ เปิดสิคะ”
“ถ้าฉันไม่ล็อกประตู ผู้หญิงแพศยาอย่างเธอก็จะย่องออกมากลางดึกน่ะสิ อย่าคิดว่าฉันรู้ไม่เท่าทันเธอนะ อลินดา”
อลินดาทั้งทุบบานประตู ทั้งร้องตะโกนให้เขาเปิด แต่เขาก็ใจดำราวกับอีกา สุดท้ายแล้ว หล่อนก็อ่อนแรง ทรุดกายนั่งลงกับพื้นห้องน้ำ และร่ำไห้เงียบๆ ยอมรับชะตากรรมของตัวเองอย่างไร้ทางเลือก
“คนใจร้าย...”
มือเล็กขาวสะอาดยกขึ้นปิดหน้า และก็ปลดปล่อยให้ความโศกเศร้าเสียใจที่อัดแน่นอยู่ภายในหัวใจสำแดงฤทธิ์เดชออกมาอย่างเต็มที่ ร้องไห้ให้สาสมกับความใจร้ายของแซคคารีย์ที่สาดซัดเข้าใส่หล่อนอย่างไร้ความปรานี
เช้าวันต่อมา... อลินดารู้สึกตัวตื่นขึ้นมาด้วยความเมื่อยขบ เพราะตัวเองนั่งหลับพิงอยู่กับขอบประตูห้องน้ำ ไม่ได้นอนอย่างที่ควรจะเป็น
ร่างเล็กขยับตัวลุกขึ้นยืนด้วยความอ่อนแรง เลื่อนตัวตรงไปที่กระจกเงาเหนืออ่างล้างหน้า มองภาพสะท้อนของผู้หญิงหน้าตาเสื่อมโทรมในนั้นด้วยความเวทนา
ตาบวมเป่ง ใต้ตาก็คล้ำราวกับเป็นญาติสนิทกับหลิงฮุ้ย ช่างน่าเกลียดเหลือเกิน
กลีบปากอิ่มเม้มแน่นเป็นเส้นตรง เมื่อคืนที่ผ่านมามันเป็นยิ่งกว่าฝันร้ายสำหรับหล่อน หล่อนถูกขอร้องแกมบังคับให้สวมรอยเป็นนารีรัตน์ สวมรอยเป็นพี่สาวฝาแฝดของตัวเองอย่างไม่มีทางเลือก และเมื่องานเลี้ยงจบสิ้นลง ก็หวังว่าละครฉากนั้นจะจบลงไปด้วย แต่มันกลับไม่ได้เป็นอย่างที่คิดฝันเอาไว้ เมื่อแซคคารีย์บอกให้หล่อนทนอยู่กับเขาในฐานะเมียคั่นเวลาจนกว่าจะตามหานารีรัตน์ที่หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยเจอ
หล่อนพยายามที่จะโต้แย้ง พยายามที่จะทัดท้านแล้ว แต่ผู้ชาย เผด็จการอย่างแซคคารีย์ก็เอาเหตุผลของตัวเองเป็นใหญ่เสมอ แต่การสวมรอยเป็นนารีรัตน์ก็ยังไม่ทุกข์ทรมานแสนสาหัส เท่ากับการถูกแซคคารีย์แสดงความเกลียดชังขยะแขยง จนต้องโยนหล่อนเข้าไปนอนในห้องน้ำ
น้ำตาไหลพรากออกมาไม่หยุด และหล่อนก็ยังยืนร่ำไห้อยู่หน้ากระจกอีกนาน หากประตูห้องน้ำไม่เปิดออกกะทันหันเสียก่อน พร้อมกับร่างของแซคคารีย์ในชุดทำงานเรียบหรูปรากฏขึ้น
“อาบน้ำแต่งตัว เธอจะต้องไปทำงาน”
“แต่ฉันอยากกลับบ้าน”
