บทที่ 3 ตอนที่ 3
ธีโอวางแก้วเปล่าลงกับโต๊ะเตี้ยตรงหน้า ก่อนจะลุกขึ้นยืน เควินรีบลุกขึ้นยืนเช่นกัน
“แล้วนายจะมีความสุข อ้อ ฉันลืมบอกไป คนรู้จักของฉันที่อยู่เมืองไทยเล่าให้ฟังว่า... วรัญญาหย่าขาดกับสามีคนไทยแล้ว และตอนนี้ก็กำลังจะเดินทางกลับมาที่อเมริกาอีกครั้ง”
กรามแกร่งของเควินขบแน่น แต่ก็พยายามที่จะระงับโทสะเอาไว้ “ฉันไม่อยากได้ยินชื่อของผู้หญิงคนนี้อีก”
ธีโอระบายยิ้มบางๆ “นี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่ฉันจะเอ่ยถึงผู้หญิงคนนี้นั้น ฉันก็แค่อยากให้นายเตรียมให้พร้อม เพราะไม่แน่... วรัญญาอาจจะคิดกลับมาหานายก็เป็นไปได้”
“ขยะยังไงก็คือขยะ”
“ได้ยินนายพูดแบบนี้ฉันก็โล่งใจแล้วล่ะ เอาเป็นว่าฉันกลับก่อน นายเองก็พักผ่อนเถอะ”
“ฉันจะให้คนขับรถไปส่ง”
“ไม่ต้องหรอก ฉันไปเองได้ ไว้โทรคุยกัน”
เมื่อธีโอยืนยันความต้องการเช่นนั้น เควินจึงไม่อยากขัดเพื่อน แม้จะรู้สึกเกรงใจก็ตาม
“เดินทางปลอดภัยนะธีโอ ขอบใจนายมาก”
“อืมม์ แล้วเจอกัน”
เควินเดินตามร่างสูงใหญ่ระดับเดียวกันกับตัวเองของธีโอออกไปยังหน้าตัวคฤหาสน์ รถสปอร์ตหรูสีทองจอดเทียบอยู่
“โชคดีธีโอ”
“ขอบใจมาก เคน ฉันไปล่ะ”
สองหนุ่มโบกมือลาให้แก่กัน ก่อนที่ธีโอจะก้าวหายเข้าไปในรถสปอร์ตคันงาม ไม่ช้ามันก็แล่นจากไปด้วยความเร็ว เควินยิ้มบางๆ ก่อนจะระบายลมหายใจออกมาทางปาก
เขาคบหาเป็นเพื่อนกับธีโอและเมเตโอมาตั้งแต่เรียนระดับไฮสคูล จนกระทั่งตอนนี้เวลาผ่านเลยมานานหลายสิบปีแล้ว พวกเขาก็ยังคบหา และรักใคร่กลมเกลียวกันเหมือนเดิม
“คุณเคนคะ ป้าขอรบกวนเวลาสักครู่ได้ไหมคะ”
เสียงสุภาพจากป้าเดซี่แม่บ้านประจำคฤหาสน์หรูดังขึ้นด้านหลัง และนั่นก็ทำให้เควินหยุดคิดเรื่องราวในอดีตไปชั่วขณะ พร้อมกับหมุนตัวไปเผชิญหน้ากับเจ้าของเสียง
“ว่าไงครับป้าเดซี่”
ผู้หญิงวัยกลางคนรูปร่างท้วมในชุดฟอร์มประจำคฤหาสน์คาสโตรเซ่นยืนยิ้มกว้างอยู่ตรงหน้า
“เอ่อ เรื่องที่คุณเคนให้ป้าประกาศรับสมัครสาวใช้มาทดแทนแม่เมญ่าน่ะค่ะ”
คิ้วเข้มหนาดำที่อยู่เหนือดวงตาคมกริบรียาวหวานฉ่ำเลิกสูงขึ้น ก่อนจะเอ่ยถาม
“มีอะไรหรือครับ”
“คือว่า... มีคนมาสมัครกันเยอะมากเลยค่ะ แล้วป้าก็ไม่รู้ว่าจะคัดเลือกเอาคนไหนดี ป้าก็เลยจะมาขอความคิดเห็นจากคุณเคนน่ะค่ะ ว่าควรจะทำยังไงดี”
เควินระบายยิ้ม พลางมองหน้าคู่สนทนานิ่ง
“ผมว่ามันไม่ใช่เรื่องยากเกินความสามารถของป้าเดซี่นี่เลยนะครับ”
คำตำหนิที่แฝงมากับคำถามของเควินทำให้ป้าเดซี่รู้สึกละอายใจไม่ใช่น้อย “เอ่อ ป้าขอโทษค่ะคุณเคน แต่พอมีคนมาสมัครกันเยอะ มีตัวเลือกเยอะแบบนี้ ป้าก็เลยรู้สึกว่ามันตัดสินใจยากน่ะค่ะ”
“การตัดสินใจของป้าเดซี่คือที่สุด ใครก็ได้ ขอแค่ขยัน ไม่เกี่ยงงาน ไม่ใช่สาววัยรุ่น และไม่ใช่สายของนักข่าว แค่นั้นครับ” เควินพูดจบก็จะเดินจากไป แต่ป้าเดซี่เรียกเอาไว้เสียก่อน
“เอ่อ... แล้ว... แล้วถ้าป้าทำพลาดล่ะคะ”
“ป้าเดซี่ก็จะตกงานยังไงล่ะครับ”
ริมฝีปากของเควินระบายยิ้ม แต่ดวงตาสีน้ำเงินอมดำกลับลุกเป็นไฟจนน่าสะพรึงกลัว
“ผมขอตัวนะครับ”
“เอ่อ ค่ะ... ค่ะ คุณเคน”
เควินเดินห่างออกไปแล้ว แต่ป้าเดซี่ก็ยังคงยืนนิ่งด้วยความวิตกกังวลอยู่ที่เดิม
“รับแค่ตำแหน่งเดียว แต่มาสมัครกันเป็นพัน แล้วแบบนี้จะรู้ได้ยังไงว่าคนไหนเป็นนักข่าวปลอมตัวมา เฮ้อออ”
ป้าเดซี่ถอนหายใจยาวเหยียด ก่อนจะเดินคอตกกลับออกไป
“อะไรนะคะหัวหน้า จะไล่ธารออก!”
วรันธารา กิติรัตน์ นักข่าวสาวพร้อมลุยแต่ไม่พร้อมเสียงอุทานด้วยความตกใจ ใบหน้าสวยหวานซีดเผือด
“หัวหน้าล้อเล่นใช่ไหมคะ”
แม้สองหูจะได้ยินอย่างชัดเจน แต่ก็อดที่จะหลอกตัวเองต่อไปไม่ได้
“ผมพูดเรื่องจริง สิ้นเดือนนี้คุณไม่ต้องมาทำงานที่ SUN TIMES อีกแล้ว”
“หัว... หัวหน้า...”
คราวนี้หญิงสาวไม่อาจจะหลอกตัวเองได้อีกแล้ว วรันธาราหน้าซีดขาวราวกับกระดาษ เม็ดเหงื่อในมือผุดขึ้นมามากมายราวกับดอกเห็ดยามหน้าฝน
“ธาร... ธารทำงานไม่ดีเหรอคะ ทำไม... ทำไมหัวหน้าถึงได้คิดจะปลดธารออกล่ะคะ หัวหน้าคะ...”
หล่อนพยายามวิงวอน แต่แอนโทนี่หัวหน้างานวัยสี่สิบห้าปีกลับไม่ไยดี แถมยังสาดซัดวาจาร้ายกาจใส่อีกอย่างไม่ไว้หน้า
“นี่ต้องให้ผมสาธยายความไม่เอาไหนให้ฟังจริงๆ เหรอคุณวรันธารา”
“หัวหน้าคะ แต่ธาร... ธารรักอาชีพนักข่าวมากนะคะ และธารก็มั่นใจว่าตัวเองทำงานดีไม่แพ้คนอื่น หัวหน้าให้โอกาสธารสักครั้งนะคะ"
“ผมให้โอกาสคุณมานานหลายเดือนแล้วคุณวรันธารา แต่ข่าวของคุณมันขายไม่ได้เลย คุณก็เห็นอยู่นี่ ผมจำเป็นต้องหาบุคลากรคนใหม่มาเพื่อความอยู่รอดของสำนักพิมพ์ของเรา”
“แต่... แต่ข่าวที่ธารทำ... มันเป็นข่าวที่สร้างสรรค์สังคมทั้งนั้นเลยนะคะ เป็นข่าวที่ควรจะให้ประชาชนได้รับรู้”
“แล้วมันขายได้ไหมล่ะ เห็นไหมว่ายอดขายหนังสือพิมพ์ของเรามันตกต่ำลงไปมากแค่ไหน ถ้าผมไม่ตัดคนไร้ประสิทธิภาพอย่างคุณออกไป องค์กรของเราก็จะต้องล่มสลาย ซึ่งผมยอมไม่ได้ ผมจะไม่มีวันทำลายหม้อข้าวของตัวเองเด็ดขาด”
“แต่ธารจำเป็นต้องใช้เงินนะคะหัวหน้า ธารคงออกจากงานไม่ได้”
“นั่นไม่ใช่สิ่งที่ผมต้องรับรู้ ผมรู้อย่างเดียวคือว่าเดือนหน้าคุณจะไม่ใช่นักข่าวของซันไทมส์อีกแล้ว”
