บทที่ 4 อารมณ์ค้าง
ผมเอนตัวนอนลงเพื่อเอาท่อนเอ็นที่แข็งกร้าวยัดเข้าไปในช่องทางรักด้านหลังที่เริ่มบวมเป่งแบบรวดเดียวมิดจนนิดหน่อยสะดุ้งเฮือกพ่นลมออกจากปากเบาๆ ก่อนที่ท่อนเอ็นอีกแท่งจะแทงเข้าไปในร่องรักทีเดียวมิดลำเช่นกัน
น้องนิดหน่อยได้แต่กัดปากล่างตัวเองเพราะความเสียวล้นปรี่ แววตาดูบินล่องลอยยามที่ผมกับไอ้ทิวเป็นผู้ควบคุมจังหวะการทำของตัวเอง เพราะการที่ถูกรุกหนักจากทั้งข้างหน้าและข้างหลังพร้อมๆ กับแบบนี้ถ้าใจไม่ถึงอาจสลบไปแล้ว แต่นี่นิดหน่อยก็ยังขยับสะโพกร่อนสวนจังหวะกลับมาเป็นบางครั้ง
“อืมม อ่า พวกพี่อึดจังเลยนะ อืออ”
ผมอดแปลกใจไม่ได้ที่นิดหน่อยเองก็เก่งและอึดที่สามารถทนพวกผมมาได้จนถึงตอนนี้ ถึงแม้จะดูเกือบหมดแรงอยู่หลายครั้งแต่ก็ไม่ยอมแผ่วเลย
งานนี้ผมเลยมั่นใจว่าจะเสร็จทันก่อนนิดหน่อยสลบแน่ๆ
“อืมม ขยับแรงๆ อีกครับ อ่า!” ไอ้ทิวกัดปากร้องลั่นทำหน้าเบ้จนผมนึกว่ามันจะเสร็จไปแล้ว และเพื่อไม่ให้มันทิ้งห่างผมเลยรีบขยับซอยสะโพกเข้าออกเป็นการใหญ่ โดยที่มือก็ยังบีบเค้นก้นนิ่มๆ ขาวๆ ที่มีรอยแดงไปด้วยจนตอนนี้คงจะมีรอยช้ำเพิ่มไปอีกแน่นอน
“อ่า นะ นิดหน่อย อืออ ไม่ไหวแล้ว อร๊ายยยย!!” นั่นคือคำสุดท้ายที่น้องเค้าร้องออกมา ก่อนที่จะสลบไปโดยที่พวกผมสองคนยังไม่เสร็จเลยเนี่ยนะ
อีกแล้ว.. เป็นแบบนี้อีกแล้ว!
คิดแล้วก็อยากดึงผมตัวเองระบายอารมณ์ แต่ก็อย่างที่ผมเคยบอกแหละว่าถ้าเมื่อไหร่ที่ผมทรีซั่ม แล้วได้เห็นหุ่นของไอ้ทิวมัน อารมณ์หื่นของผมจะรุนแรงมากขึ้นหลายเท่าตัว ซึ่งมันก็คงจะเหมือนๆ กับไอ้ทิวนั่นแหละที่ผมก็ยังไม่เคยเห็นมันเสร็จตอนทรีซั่มซักครั้ง แถมยังต้องมานั่งอารมณ์ค้างเติ่งแบบนี้ทุกทีเหมือนกัน
แต่ถ้าจะให้ผมเอาน้องนิดหน่อยต่อก็คงไม่ล่ะ เพราะผมไม่มีอารมณ์กับการลักหลับซะด้วย สู้เอาน้องชายมาชักเอาเองยังดีกว่า พูดแล้วผมก็ใช้นิ้วเกี่ยวถุงยางทิ้งก่อนจะนอนแผ่ไปบนเตียงแล้วค่อยๆ รูดรั้งน้องชายตัวเองจนกลับมาสู้มืออีกครั้ง
ในขณะที่ผมกำลังจะได้เห็นสวรรค์อยู่ตรงหน้า จู่ๆ มือผมก็ถูกปัดออกไป ก่อนจะเป็นมือของไอ้ทิวมาจับแทน
“มานี่ กูทำให้ แบบนี้ทุกทีเลยมึงนี่” มันหันมาสบตากับผมก่อนจะเอาปากอุ่นๆ ครอบลงมาที่น้องชายผมจนสุดโคน จากนั้นมันก็ใช้ลิ้นตัวเองตวัดหัวบานภายในอุ้งปากอย่างชำนาญ จนผมเองถึงกับสูดปากด้วยความเสียวขั้นสุด แถมไม่วายต้องดึงตัวมันขึ้นมาบนเตียงด้วย
ป๊อก! เสียงของท่อนเอ็นผมที่หลุดออกจากมันดังมาก
ผมถอดถุงยางของมันทิ้ง ก่อนที่จะอ้าปากลงไปครอบที่น้องชายของมันคืนบ้าง มือข้างหนึ่งก็ตะปบขยำก้นของมันจนเนื้อปลิ้นออกมาตามง่ามนิ้ว ส่วนอีกข้างก็ลูบไล้ไปที่หน้าอกแน่นเนียนของมันพร้อมกับสะกิดหัวนมสีชมพูจนมันแข็งสู้มือ
“อืม ไอ้ทิน มึงนี่ใช้ลิ้นเก่งกว่าน้องนิดหน่อยอีกนะ ซี๊ดด!” ไอ้ทิวมันปรายตาลงมามองปากผมที่กำลังรูดเข้าออกก่อนยกยิ้มที่มุมปากอย่างพอใจ ก่อนที่มือของมันจะเอื้อมลงมาจับหัวของผมเพื่อให้โยกไปตามอารมณ์ของมันบ้าง
“อือ เบาๆ แฮ่กๆ เบาๆ หน่อยดิวะ ให้กูได้หายใจบ้างครับ!” ผมว่าให้มันหลังจากฝืนดันหัวตัวเองออกมาเพื่อหอบเอาอากาศเข้าปอดอย่างรวดเร็ว เพราะความที่มันเล่นกดหัวผมซะแรงเพื่อจะให้อมน้องชายมันจนสุดโคนแบบนั้น มันลึกจนเกือบจะปิดช่องลมได้เลยนะนั่น
“โทษทีว่ะ! ก็มึงอะเสือกใช้ปากเก่งฉิบหาย ใครจะไปทนได้วะ?” มันยังเถียง
ผมรำคาญเลยดันตัวมันให้นอนลงไปแทน ก่อนจะคลานไปคร่อมหน้ามันเอาไว้ปล่อยให้หัวบานสีชมพูไปอยู่ตรงกับปากของมัน ซึ่งมันที่รู้งานดีเลยคว้าน้องชายผมเอาไว้พร้อมกับอ้าปากครอบมันลงไป
ส่วนผมก็ทำเช่นเดียวกับมันคือเอาปากครอบทั้งดูดทั้งเลียของมันอย่างหื่นกระหายโดยที่ไม่มีใครยอมใครกันเลยจริงๆ
ในที่สุดไอ้ทิวมันก็กระตุกตัวพร้อมกับฉีดน้ำอุ่นๆ เข้ามาจนเต็มปากผมอย่างทันตั้งตัว แถมมันยังเสือกเอามือมากดหัวผมไว้อีก แล้วผมจะทำยังไงล่ะ ในเมื่อไม่มีทางเลือกผมเลยต้องกลืนน้ำของมันลงคอไปในที่สุด
แม่งหยะแหยงฉิบหาย!
“ไอ้สัดทิว!! กูบอกแล้วว่าอยากแตกในปากกู ไอ้เชี่ย! มันสกปรก!” ผมคายน้องชายมันออกมาแล้วโวยวายใส่โดยที่มันไม่ได้ตอบโต้ผมเลย นอกจากครางเท่านั้น
“อืมม ไอ้เชี่ยทิว ซี๊ดด อย่าดูดแรงซิวะ อืออ เดี๋ยวกูปล่อยในปะ..ปากมึงนะ อะ อ่า!” ไม่ทันที่ผมจะพูดจบประโยค ไอ้ทิวมันก็เร่งจังหวะดูดจนผมกลั้นเอาไว้ไม่อยู่จริงๆ เลยต้องปล่อยให้เลยตามเลยเหมือนกัน แต่มันกลับกลืนลงคอง่ายๆ แถมยังดูดทำความสะอาดน้องชายของผมจนหมดจดอีกด้วย
“ไม่เห็นสกปรกเลย เห็นไหมว่ากูยังกินของมึงเลยเนี่ย” มันหันมาทำตาเยิ้มใส่ แต่ผมรู้สึกขนลุกแปลกๆ เลยรีบวิ่งเข้าไปเข้าห้องน้ำเพื่อล้างคราบคาวที่ติดตัวออกไป
พอออกมาจากห้องน้ำผมก็เห็นมันจัดการใส่เสื้อผ้าให้น้องนิดหน่อยเสร็จแล้ว ก่อนที่มันจะก้มลงเก็บถุงยางที่หล่นอยู่ที่พื้นไปทิ้งถังขยะ
“แล้วเอาไงล่ะทีนี้?” ไอ้ทิวหันมาถามผม ผมก็ได้แต่เกาหัวแกรกๆ จะให้ทำไงได้ละนี่มันก็ตั้งตีสามกว่าแล้ว จะไปส่งน้องเค้าก็ไม่รู้ว่าจะต้องไปส่งที่ไหนเพราะสลบอยู่ อีกอย่างน้องก็คงระบมด้วยแหละเล่นโดนหนักขนาดนั้น
“งั้นก็ปล่อยให้น้องเค้านอนนี่แหละ เดี๋ยวกูก็ไปนอนห้องมึงแล้วกัน แล้วมึงแม่งก็ไปใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อยด้วย แม่งมาเดินโทงๆ แบบนี้น่าเกลียดฉิบหาย” ผมไล่มันพร้อมกับหยิบเสื้อกล้ามกับบ็อกเซอร์มาใส่ทำท่าไม่สนใจมันอีก
“แหม อะไรวะ? พอเสร็จสบายตัวแล้วก็ไล่กูเลยนะ ทีเมื่อกี้แม่งยังตาวาวมองหุ่นกูอยู่เลย” มันพูดจบแล้วก็เดินกลับออกไปที่ห้องของมัน ส่วนผมก็ได้แต่นึกในใจว่าตัวเองเป็นอย่างที่ไอ้ทิวมันว่าจริงๆ เหรอวะ?
จริงๆ แล้วสถานะของผมสองคนมันโคตรชัดเจนมากๆ ว่าเป็นเพื่อนกิน เพื่อนเที่ยว เพื่อนร่วมสถาบัน และเพื่อนร่วมนอนแต่ผมกับมันก็ไม่เคยมีอะไรเกินเลยนอกจากทางปากเท่านั้น และมันก็จะเป็นเช่นนั้นต่อไป
หวังว่านะ!
