บทที่ 5 Let’s go on summer holiday

“อืออ”

ผมลืมตาตื่นขึ้นมาตอนเกือบๆ จะสิบโมงเช้า แต่ก่อนจะลืมตาผมก็ไม่ลืมที่จะเอามือไปวาดบนที่นอนข้างๆ ตัวคนที่ผมนอนกอดมันเมื่อคืน ทั้งที่เมื่อคืนแม่งก็บอกให้ใส่เสื้อผ้านอนมันก็ยังดื้อจะนอนเปลือยอ่อยอยู่ได้ ผมละเหนื่อยใจกับมันจริง แล้วนี่มันก็หายไปไหนก็ไม่รู้

ผมค่อยๆ ดันตัวเองขึ้นมาแต่ก็ยังไม่ทันที่จะได้ลุกไปไหน ไอ้ทิวมันก็เดินเข้ามาในห้องแถมแต่งตัวโคตรหล่ออย่างกับไปเดินแบบ สงสัยมันเพิ่งจะกลับมาจากข้างนอกซึ่งผมก็ยังสงสัยอยู่ดีแหละว่ามันจะไปข้างนอกทำไมแต่เช้า

"อ้าว ตื่นได้แล้วเหรอวะ? กูนึกว่าซ้อมตาย!" มันพูดพร้อมกับเดินไปวางมือถือกับกุญแจรถลงที่โต๊ะหน้ากระจก

“แล้วไปไหนมาวะ?” ผมถามพร้อมกับลุกขึ้นมานั่งบิดขี้เกียจไปด้วย

“ไปโรงพยาบาล”

“ไปทำไมหรือว่ามึงไม่สบาย?” ผมยังบิดขี้เกียจต่อ

“ส่งนิดหน่อย”

“ใครวะนิดหน่อย เด็กมึงเหรอ?”

“ไอ้ทิน นี่มึงเอาคนอื่นมาที่ห้องทั้งๆ ที่ไม่รู้จักแม้แต่ชื่อนี่นะ”

“แฮะๆ ขอโทษทีว่ะ กูลืม”

“แล้วมันก็เป็นเพราะมึงนั่นแหละ!” มันหันมากระแทกเสียงใส่เหมือนว่าผมทำอะไรผิด หรือว่าเมื่อคืนนี้ผมรุนแรงกับน้องเขาหนักเกินไปเหรอ?

“เฮ้ย! อะไรวะ? มึงอย่ามาโทษกูคนเดียวดิ มึงนั่นแหละตัวดีเลย” ผมรีบเอามือชี้หน้าไอ้ทิวเพื่อโยนความผิดให้มันเต็มๆ เพราะเรื่องนี้จะมาโทษผมคนเดียวได้ยังไงกันล่ะ ยังไงก็ต้องโทษมันด้วยแหละถ้าน้องเขาต้องเข้าโรงพยาบาลเพื่อรักษาตัวน่ะ

“เดี๋ยวนะไอ้ทิน นี่มึงคิดไปถึงไหนวะ? กูแค่ไปส่งน้องเค้าไปเรียนพยาบาล แทนมึงเฉยๆ”

“หา! เรียนพยาบาล?”

“ก็เออไง! แล้วมึงก็เป็นคนบอกน้องเค้าเองว่าจะไปส่งเรียนด้วย” ไอ้ทิวมันมองหน้าผม ก่อนจะถอดเสื้อออกแล้วเดินไปหยิบผ้าขนหนูมาพันรอบเอวแล้วจึงถอดกางเกง บ็อกเซอร์กับกางเกงในสีขาวออกมาโยนใส่ในตะกร้า เพราะมันรู้ว่าผมไม่ชอบให้มันเดินตัวเปล่าในห้องทั้งที่คอนโดที่เราอยู่สูงเกินกว่าคนข้างล่างจะมองเห็นได้ แถมตึกที่สูงพอๆ กับคอนโดนี่ก็อยู่ตั้งห่างอย่างกับเกลียดกัน ซึ่งถ้าไม่ใช่กล้องส่องทางไกลก็ไม่มีทางมองเห็นหรอก แต่ยังไงผมก็ไม่ชินซักที

“แฮะๆ เรื่องนั้นกูก็ลืมว่ะ” ผมเกาหัวแกรกๆ ก่อนยิ้มแหยๆ ให้มัน

“ไอ้ประสาท แม่งก่อนจะกินก็รับปากเขาไปส่งๆ พอได้กินแล้วเสือกลืมหมดเลยนะมึงเนี่ย!” พูดเสร็จไอ้ทิวก็เดินมานั่งข้างๆ เตียงก่อนจะเอามือมายีหัวผมอย่างกับเป็นเด็กงั้นแหละ

“สัด!! กวนตีนละ แม่งเล่นหัวกู” ผมว่าแล้วปัดมือมันออก

“งั้นตื่นแล้วก็ไปอาบน้ำห้องตัวเองโน้น จะได้ไปกินข้าวกัน กูซื้อข้าวมันไก่มาให้แล้ว” มันสั่งพร้อมกับลุกขึ้น แต่ว่าผมก็เร็วกว่ามันเพราะตอนนี้มือผมคว้าที่แขนมัน ก่อนที่มันจะหันหน้ามาเลิกคิ้วข้างหนึ่งใส่

“ไปก็ได้ แต่ว่าช่วยกูก่อนได้ไหม สงสัยมันยังค้างอยู่ว่ะ” ผมทำเสียงอ้อนมัน ก่อนที่มันจะมองไปตรงกลางกายที่แข็งโด่เป็นเสาธงดันบ็อกเซอร์จนตุงขึ้นมา

“สัด!! กูว่าหมู่นี้มึงชักจะหื่นมากไปแล้วนะ?”

“นา นะ ช่วยกูหน่อย” นี่กูถึงขั้นอ้อนมึงแล้วนะเว้ยเฮ้ย!

“เฮ้อ!” เสียงมันถอนหายใจแรง แต่สุดท้ายมันก็ผลักตัวผมให้นอนลงไปก่อนจะเลิกเสื้อกล้ามตัวบางๆ ของผมให้เลยไปเหนือหัวนมสีเนื้อ ก่อนที่มันจะใช้ลิ้นร้อนตวัดดุนดันไปรอบๆ ป้านนมพร้อมกับเลียไรขนที่หัวนมอันเป็นจุดขายของผมอย่างทะนุถนอม จนไรขนเปียกชุ่มไปด้วยน้ำลายของมัน

“ชอบเล่นขนกูขนาดนี้อย่าบอกนะว่ามึงอยากจะมีเหมือนกูบ้าง?” ไอ้ทิวหันมามองหน้าผมทีหนึ่งแต่ไม่ตอบ ก่อนที่มันจะกลับไปก้มตวัดเลียขนหน้าท้องผมแทน

มือไอ้ทิวบีบขยำน้องชายผมไปด้วย ก่อนที่มันจะกระตุกบ็อกเซอร์ที่ผมใส่อยู่ลงมาจนท่อนเอ็นที่แข็งอยู่แล้วของผมเด้งออกมาจนปะทะกับริมฝีปากอุ่นๆ ของมัน

“แข็งสัด! อยากมากรึไงวะ?” มันถามแต่ก็ไม่ได้ต้องการคำตอบเพราะทันทีที่พูดจบมันก็ใช้มือรูดหนังที่หุ้มส่วนปลายหัวบากลงมา ก่อนจะใช้ปลายนิ้วโป้งเขี่ยไปตรงรอยแยกที่เริ่มมีน้ำใสๆ ไหลออกมาเล่น

“ซี๊ดด อย่าเขี่ยดิวะ อือ ใช้ปากมึงดิ” ผมครางสั่งเสียงสั่น แต่ก็ยังยกสะโพกสู้กับนิ้วของมันตลอดเวลา

“อย่าเรื่องมาก เดี๋ยวจะกินข้าวแล้วกูไม่อยากเลอะปาก” มันดุ ผมเลยจะแกล้งเอาคืนมันบ้างเลยเอื้อมมือไปกะว่าจับท่อนเอ็นมันมาเล่นบ้าง แต่ไอ้ทิวกลับขยับตัวหนีไม่ยอมให้จับง่ายๆ

“มึงจะหนีกูทำไมวะ? มาให้กูจะ จับ อืม บะ แบบนั้นดีแล้วเพื่อน ซี๊ด” ผมที่กำลังงอแงก็ต้องตัวแข็งเกร็งแล้วครางเสียงกระเส่าทันทีที่มันใช้ปากครอบลงมาที่น้องชายผม

ไหนว่ากลัวปากเลอะไงวะ?

“ซี๊ด..อืม..” ผมครางดังขึ้นยิ่งได้เห็นปากสีแดงๆ ของมันขยับอมท่อนเอ็นของผมแบบนี้ บอกเลยว่าถึงไม่แพ้ก็ต้องยอมแล้ว

ผมตัวสั่นเป็นลูกหมาตกน้ำ แต่ก็ไม่คิดจะเอาเปรียบมันเลยพยายามจะเอื้อมมือไปหาน้องชายมัน แต่มันก็ขยับหลบแล้วผละปากมาว่าผม

"ไม่เล่น อีกอย่างกูก็ไม่ได้เซ็กส์จัดเหมือนมึง เงี่ยนบ่อยๆ แล้วสุขภาพจะไม่ดี"

ผมอยากจะหยุมหัวไอ้คนรักสุขภาพเหลือเกิน แม่งทีเมื่อคืนแม่งยัดเอาๆ ไม่เห็นห่วงสุขภาพเลยสักนิด

ไอ้ทิวก้มลงมาแลบลิ้นเลียตรงหัวบานสีชมพูผมอีกครั้ง ก่อนจะไล่จากรอยแยกเล็กไปจนถึงเส้นเอ็นเล็กๆ รอบ ๆ ลำ มันใช้ลิ้นเก่งเป็นบ้า ฟงแฟนแม่งก็ไม่มี ไม่รู้ไปเอาวิชาแบบนี้มาจากไหนกัน

“อือ ไอ้ทิว กะ กูเสียววะ อืออ” ผมมองดูหน้ามันแล้วก็เกิดคำถามขึ้นมาในหัวว่าทำไมหน้าเพื่อนผมมันดูหวานขึ้นมาได้วะ?

มันถอนปากออกพร้อมกับน้ำลายที่ยืดเป็นสายอย่างน่าจับมาจูบปากชะมัด

ไม่ไหวแล้วโว้ย!! ผมลุกขึ้นไปประกบปากแลกลิ้นกับไอ้ทิวโดยใช้ลิ้นแย่งน้ำลายของมันมาเป็นของผมให้หมด แต่มันก็ไม่ยอมแพ้ยังรุกผมกลับมาจนแทบจะหายใจไม่ทัน พร้อมกับมือของมันที่มาจับท่อนเอ็นของผมแล้วชักขึ้นลงอย่างหนักหน่วงและรุนแรง จนผมรู้สึกเจ็บนิดๆ แต่ก็ถูกความเสียวมากลบในวินาทีต่อมา

“อืม ไอ้ทิวกูจะเสร็จแล้ว มึงใช้ปากกับกูหน่อยดิ” ผมส่งเสียงอ้อนให้มันทำตามที่ขอ แต่มันก็ยังไม่ยอมทำตามง่ายๆ

“นะ ทิวเพื่อนรัก ถ้ามึงปล่อยไว้แบบนี้เดี๋ยวกูปล่อยออกมาเปื้อนที่นอนมึงนะ” ผมขู่ ก่อนจะมองไปบนที่นอนสะอาดๆ ของมันไปด้วย

ในที่สุดเหมือนมันจะนึกอะไรได้ มันก็ส่ายหน้าเล็กน้อย ก่อนจะอ้าปากลงไปครอบท่อนเอ็นของผมและเริ่มดูดมันแรงๆ และแน่นอนว่าเมื่อความเสียวที่ใกล้จะมาถึงจุดสุดยอด พอมาโดนความอุ่นของโพรงปากและการใช้ลิ้นระดับเทพแบบนี้ ไม่นานน้ำของผมก็พ่นออกมาในโพรงปากของมันอย่างมากมาย

“อะ อ่า อึ๊บ อะไออะ? (อะไรวะ)” แล้วผมก็ต้องตกใจเมื่ออยู่ๆ มันก็ถอนปากออกจากน้องชายของผม ก่อนจะเลื่อนมาประกบปากผมแล้วปล่อยน้ำขุ่นของผมที่มันเอาไว้เข้ามาในปากผมจะเกือบสำลัก

“ลูกมึงดูแลเองนะ พอละกูจะไปอาบน้ำ แล้วก็อย่าพยายามเซ็กส์จัดให้มากนักนะ มันไม่ดีต่อสุขภาพ” ว่าแล้วไอ้ทิวก็เดินยิ้มๆ เข้าห้องน้ำไปทั้งๆ ที่ท่อนเอ็นมันก็ตุงแทบจะทะลุผ้าขนหนูอยู่แล้ว สงสัยมันจะรีบเข้าไปช่วยตัวเองในห้องน้ำต่อแน่ๆ

ส่วนผมก็ต้องกลืนลูกของตัวเองลงคอไง จากนั้นก็เลิกสนใจมันแล้วลุกขึ้นเดินกลับไปที่ห้องตัวเองเพื่อที่จะได้อาบน้ำแล้วออกมากินข้าวซักที

ไม่นานทั้งผมกับมันก็ออกมาที่ห้องนั่งเล่น เพื่อจะนั่งกินข้าวมันไก่ที่มันซื้อมาตอนไปส่งน้องนิดหน่อยที่โรงพยาบาล

“ปิดเทอมนี้มึงมีแพลนจะไปไหนหรือเปล่า?”

“ไม่อะ พอดีพ่อกับแม่กูเขาไปเยี่ยมพี่สาวกูที่เยอรมัน กูขี้เกียจไปก็เลยไม่ได้กลับบ้าน แล้วมึงถามทำไม?”

“ไม่มีอะไร ก็แค่จะถามว่ากูจะกลับบ้านมึงอยากไปเที่ยวบ้านกูหรือเปล่า?” ผมตาโตทันทีเพราะอยากไปเปลี่ยนบรรยากาศก็หน้าร้อนแบบนี้มันจะมีที่ไหนเหมาะไปกว่า ‘โอ้ทะเลแสนงาม’ เพราะบ้านไอ้ทิวมันเป็นรีสอร์ตอยู่ที่เกาะพงันไงล่ะ เคยได้ยินแต่มันเล่าให้ฟัง

“ไปๆๆ กูไปด้วย” ผมรีบวางช้อนแล้วตอบอย่างไม่ต้องคิด

“อืม งั้นเดี๋ยวกูจะจองตั๋วเครื่องบินเผื่อมึงละกัน” ผมพยักหน้าให้มัน ก่อนที่ภาพในหัวจะล่องลอยไปไกลแล้ว คิดดูซิ น้ำทะเลสีสวย ชายหาดทรายสีขาว บิกินี่ตัวจิ๋ว นมโตๆ ฟลูมูนปาร์ตี้ แอนด์เอาท์ดอร์ แค่คิดผมก็ฟินเนเร่แล้ว

“ทำไมมึงต้องทำหน้าแบบนั้นด้วยวะ” ไอ้ทิวมันสะกิดถามผม

“เฮ้ย! กูก็แค่คิดอะไรไปเรื่อยเท่านั้น”

“ไอ้ทิน กูขอเตือนเลยนะว่ามึงอย่าไปทำเชี่ยอะไรรุ่มร่ามที่นั่นนะ เมืองแม่งเล็กแล้วเขาก็รู้จักกูกันหมด”

“เออน่า มึงก็บ่นเป็นคนแก่ไปได้” ผมก็รับปากมันไปงั้นๆ แหละ เพราะเขารู้จักมันแต่ไม่ได้รู้จักผมนี่หน่า

แบบนี้สิถึงจะเรียกว่า Summer holiday!

บทก่อนหน้า
บทถัดไป