บทที่ 2 สัมผัสร้าย 1 เอาเล่นๆ

“เทียน”

“....” ฉันไหวตัวเล็กน้อย ชำเลืองมองหน้าเค้กเพื่อนรักที่นั่งรถขากลับจากหัวหินมาด้วยกัน

“ไหวมั้ย เครียดเรื่องสร้อยข้อมือเหรอ หรือไม่สบาย”

“หืม ก็นิดหน่อยน่ะ” ฉันเข้าใจว่าเค้กคงเห็นสีหน้าอมทุกข์ของฉันแล้วเดาไปตามสถานการณ์ที่เกิด

เมื่อคืนเรามีปาร์ตี้สระว่ายน้ำกัน แล้วฉันดันทำสร้อยข้อมือที่พี่แสงซื้อให้หายไปตอนไหนก็ไม่รู้ ทุกคนช่วยกันหาแล้วแต่ไม่เจอ ฉันเลยโทรหาพี่แสง บอกเรื่องทำสร้อยหาย ก็โดนบ่นแหละ นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้ฉันกลับไปที่สระว่ายน้ำคนเดียว… แล้วก็เจอกับหมาป่าอย่างเรซเข้า

เอาตรงๆ ฉันไม่คิดว่าจะเจอเขาที่นั่น และต่อให้เจอ ก็ไม่มีใครคิดหรอกว่าจะโดนจู่โจมแล้วจับกดด้วยความรู้สึกที่ร้อนแรงแบบนั้น ทำไมฉันถึงไม่ร้องให้คนช่วย เมื่อคิดย้อนกลับไปก็ยิ่งโมโห โกรธตัวเองที่ใจง่ายได้ขนาดนั้น หมอนั่นต้องคิดว่าฉันร่านแน่ๆ โธ่ อยากตายชะมัด

“หรือเมารถ” นิกที่กำลังขับรถเอ่ยถามเล่นๆ แต่ก็แอบเป็นห่วงอยู่ในที ฉันไม่เคยมีประวัติเมารถมาก่อน ทุกคนรู้ดี

“เปล่า ไม่ใช่หรอก”

“เห็นบ่นว่าปวดหัว แล้วได้ยากินหรือยัง” เสียงทิวเพื่อนชายอีกคนที่นั่งเบาะหน้าคู่คนขับดังขึ้น

“ยัง”

จะเอาเวลาไหนไปกินล่ะ อีกอย่างฉันไม่ได้ป่วยจริงๆ สักหน่อย ก็แค่รู้สึกแย่กับเรื่องเมื่อคืนแต่บอกใครไม่ได้ ฮือ รันทด

“ไม่มียาด้วยสิ นิกจะแวะเติมน้ำมันป๊ะ”

เค้กเอ่ยขึ้นมาอย่างไม่อาจนิ่งดูดาย

“แวะๆ เทียนก็ซื้อยามากินด้วยสิ ร้านสะดวกซื้อที่ปั๊มน่าจะมียาขาย”

“อื้ม ตั้งใจไว้แบบนั้นเหมือนกัน”

ฉันตอบออกไปตามปกติ หลังจากนั้นบทสนทนาบนรถก็เปลี่ยนไป และค่อยๆ เงียบลงในที่สุด หันมาอีกทียัยเค้กก็หลับแล้วเรียบร้อย จะมีก็แต่เสียงของทิวที่ดังขึ้นเป็นพักๆ เพื่อชวนนิกคุย จะได้ไม่หลับเวลาขับรถ

จนกระทั่งถึงปั๊ม

ฉันปลุกเค้กที่หลับจนน้ำลายย้อยให้ตื่น ไหวมั้ยนั่น ดูท่าทางอิดโรยกว่าฉันซะอีก

“เค้ก”

“หืม ถึงแล้วเหรอ”

“อืม ไปหาของกินกัน”

ฉันบอกแล้วลงจากรถ ระหว่างนั้นรถอีกสองสามคันก็ทยอยเข้ามาในปั๊ม คันหนึ่งวิ่งเข้ามารอเติมน้ำมัน อีกสองคันขับเลยไปจอดที่จุดพักรถหน้าร้านสะดวกซื้อ หนึ่งในนั้นมีบีเอ็มดับเบิลยูสีเหลืองด้วย

...เรซ

หัวใจฉันกระตุกไหว จู่ๆ ก็ก้าวเท้าไม่ออก

“อ้าวเทียนหยุดทำไม มาสิ”

เค้กเพิ่งเดินแซงไปไม่กี่ก้าวหันกลับมามองอย่างประหลาดใจ

“เอ๊ะ อื้ม…”

ฉันรีบสะบัดความรู้สึกแย่ๆ ทิ้ง แล้วเดินมาหาเค้ก พยายามไม่มองไปทางนั้นแต่เสียงเรียกจากคะนิ้งที่เพิ่งเปิดประตูลงจากรถอีกคันก็ทำให้ฉันกับเค้กต้องหันไปสนใจอย่างเลี่ยงไม่ได้ แต่โชคดีที่ตอนนั้นเรซเดินออกห่างรถไปแล้ว ทำให้ฉันอึดอัดน้อยลง แต่ก็แอบเศร้านิดๆ ที่เห็นว่าหมอนั่นไม่พยายามมองมาทางฉันเลย หรือเขาจะลืมมันไปแล้ว จำได้หรือเปล่าว่าจู่โจมฉันหนักขนาดไหน จะว่าไปตอนนั้นก็เหมือนเขากำลังเมาอยู่นิดๆ ด้วยสิ ชักร้อนใจยังไงไม่รู้ จู่ๆ ก็อยากเดินเข้าไปถามให้มันรู้แล้วรู้รอด

ฉันมองตามแผ่นหลังของเรซที่ผลุบหายเข้าไปในร้านสะดวกซื้อด้วยความคิดที่กำลังสับสน

“เทียน เทียน!”

“ห๊ะ… อะไร มีอะไร”

ฉันสะดุ้งเฮือกเพราะเสียงเรียกที่ดังผิดปกติของเค้ก เล่นเอาตกใจนิดหน่อย

“จะไปเข้าห้องน้ำก่อน ไปด้วยมั้ย หรือว่าจะไปซื้อยาเลย”

“เทียนเป็นไรเหรอ” คะนิ้งได้ยินเค้กพูด หันมามองหน้าฉันอย่างสงสัย

“อ่อ ปวดหัวนิดหน่อย ไม่เป็นไรมากหรอก เอ่อ ไปเข้าห้องน้ำก่อนก็ได้” ฉันหันมาพูดกับเค้กในประโยคหลังเพราะแอบเห็นเรซเพิ่งเข้าร้านสะดวกซื้อไป ถ้าเลือกได้ ก็อย่าเพิ่งให้ฉันเจอเขาตอนนี้เลย มันบอกไม่ถูกอ่ะ บางทีก็อยากเดินเข้าไปถาม บางทีก็หดหู่ใจจนอยากหนีไปให้พ้นๆ แต่อย่างที่คนเคยว่าไว้ หนีอะไรก็หนีได้ แต่หนีความจริง หนียังไงก็ไม่พ้น

ฉันเปิดประตูออกจากห้องน้ำมาก็เจอคะนิ้งกำลังยืนล้างมืออยู่หน้ากระจก

“ออกมานานแล้วเหรอ เค้กล่ะ”

ฉันเดินมาเปิดก๊อกน้ำข้างๆ ล้างมือ เห็นประตูห้องน้ำเปิดทุกบานเลยสงสัยว่าเค้กหายไปไหน

“ไปแล้ว”

“อ้าวเหรอ” ฉันพยักหน้าแล้วสอดสายตามองหากระดาษทิชชู่มาเช็ดมือที่เปียก

“เออว่าแต่เทียนมีอะไรกับเรซหรือเปล่า”

ฉันหันขวับทันที

“ทำไมถามแบบนั้น” ใจฉันสั่นขึ้นมาทันที แอบกลัวว่าคะนิ้งจะรู้ แต่แววตาของคะนิ้งกลับกลมแป๋วอย่างคนที่ไม่รู้อะไรเลย

“คือนิ้งเห็นเทียนมองเรซ เลยสงสัยน่ะ แล้วมีอะไรหรือเปล่า”

“อ้อ เอ่อ ไม่… ไม่มีหรอก แค่มองเฉยๆ”

“งั้นเหรอ อืม นิ้งคงคิดมากไปเอง”

คำพูดนิ้งชักนำให้ฉันรู้สึกสงสัย ชะงักเท้าที่เกือบจะเดินถึงประตูห้องน้ำแล้วมองหน้าเพื่อนชัดๆ มันก็ไม่ได้อะไรมากหรอก แค่ตงิดๆ อยากถามให้เคลียร์

“คิดอะไร”

“คิดว่าเทียนชอบเรซน่ะสิ”

“ห๊ะ!?”

กึก

“ใครนะ ...ที่ชอบเรซ” เสียงส้นรองเท้าหนังหยุดกึกหน้าประตูห้องน้ำ พร้อมกับคำถามข้องใจ ยัยผู้หญิงที่มากับเรซ

“ลูกตาล” คะนิ้งขานชื่ออีกฝ่ายด้วยท่าทางตกใจ

“เอ่อคือ… แค่แซวกันเล่นๆ ไม่มีไรหรอก”

“หึ ไม่มีก็ดี จริงๆ ฉันไม่ถือหรอกนะ เรซหล่อขนาดนั้นไม่แปลกหรอกถ้าจะมีคนชอบ แต่ก็ได้แค่ชอบนั่นแหละ” ลูกตาลแสยะยิ้ม มองฉันกับคะนิ้งด้วยสายตาเหมือนกำลังดูถูก เชิดหน้าเดินผ่านเราสองคนเข้าไปในห้องน้ำ

ฉันกับคะนิ้งมองหน้ากันเงียบๆ ก่อนจะเดินออกมา

“นิ้ง”

“อ้าวริกกี้” เพิ่งจะเดินพ้นชายคาห้องน้ำมาไม่กี่ก้าวคะนิ้งก็เจอหวานใจกำลังยืนสูบบุหรี่อยู่ใกล้ๆ

“ทำไมมายืนตรงนี้ แล้วซื้ออะไรหรือยัง”

“ซื้อแค่บุหรี่กับของส่วนตัวนิดหน่อย ริกไม่รู้ว่านิ้งจะกินอะไร เลยไม่ได้ซื้อกลัวไม่ถูกใจ”

“บ้า ไม่ใช่คนเรื่องมากขนาดนั้น แล้วของส่วนตัวของริกคือไร” คะนิ้งทำหน้าข้องใจสุด นั่นดิ ฉันเองก็งงเหมือนกัน อะไรคือของส่วนตัวที่ต้องซื้อจากร้านสะดวกซื้อ

“ถุงยาง” ริกกี้ตอบนิ่งๆ

จบข่าว!

คะนิ้งอ้าปากค้าง เหมือนจะด่าริกกี้แต่สุดท้ายก็เขินม้วนจนพูดอะไรไม่ออก หันมาเรียกฉันแทน

“ไปกันเถอะเทียน”

“อ่ะ… อื้ม”

ฉันมองคะนิ้งที่ก้มหน้าก้มตาเดินออกไป หันกลับมาแซวริกกี้อย่างอดไม่ได้ ฉันไม่ได้สนิทกับริกกี้นะ เพิ่งเคยเจอตัวจะๆ ก็คราวที่มาเที่ยวหัวหินเนี่ยแหละ

“ร้อนแรงจริงๆ จะซื้อไว้ใช้ระหว่างทางหรือไง”

“หึๆ” ริกกี้หัวเราะ เดี๋ยวๆ ฉันแค่ล้อเล่นนะ

“ถามจริง…”

“เผื่อไว้ก็ไม่ได้เสียหาย เธอไม่คิดงั้นเหรอ”

“นั่นสินะ” ยอมใจ ฉันยิ้มแหยๆ ให้ริกกี้ก่อนจะหันหลังให้เขาแล้วรีบสาวเท้าตามคะนิ้งไป

เสียงประตูร้านสะดวกซื้อดังขึ้นอัตโนมัติ ฉันก้าวเข้ามาข้างใน จังหวะเดียวกับที่เรซเดินสวนออกไป หัวใจฉันกระตุกวูบ ชำเลืองสายตามองตามเขาทันที แต่เรซไม่แม้แต่จะสนใจฉันด้วยซ้ำ

ราวกับว่าเขาไม่เห็นฉันอยู่ในสายตา ทั้งที่เขาเป็นคนเริ่มมันแท้ๆ แต่กลับทำตัวเหินห่างราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น แล้วจะให้ฉันเข้าใจว่ายังไง เอาเล่นๆ อย่างงั้นเหรอ

บทก่อนหน้า
บทถัดไป