บทที่ 4 สัมผัสร้าย 1 เอาเล่นๆ (3)

“หยุดโวยวายได้แล้วสิ”

“นี่นาย! รู้ตัวหรือเปล่าว่าทำอะไรลงไป”

ฉันหันไปจิกกัดเรซ ยังจะมีหน้ามาพูดอีกเหรอ ให้ตายสิ เขาไม่ได้มองหน้าฉันด้วยซ้ำ สายตาเรซจับจ้องที่ถนนอย่างไม่สะทกสะท้านแต่มุมปากกลับยกยิ้มคล้ายกำลังหัวเราะเยาะ

“มีความสุขมากเหรอ”

“เปล่านี่”

“เปล่าอะไร สนุกนักเหรอที่ได้ก่อกวนคนอื่น”

“พูดเรื่องอะไรของเธอ” สีหน้าเรซจริงจังขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ จู่ๆ เขาก็หันมามองหน้าฉัน แม้จะเป็นแค่แวบสั้นๆ แต่มันก็เพียงพอจะทำให้ฉันรู้สึกได้ถึงความห่างเหินและเย็นชาจากแววตาคู่นั้น

...ไม่มีอะไรพิเศษซ่อนอยู่ในสายตาของเรซเลย เพราะแบบนั้นฉันยิ่งไม่เข้าใจ เขาลากฉันมาด้วยทำไม ถ้าไม่มีอะไรจริงๆ

“นายพาฉันมาด้วยแบบนี้ จะให้ฉันคิดยังไงล่ะ”

“แล้วแต่เธอจะคิด ถือว่าไปเที่ยวสิ”

“นี่เรซ! มันใช่เรื่องตลกหรือไง บ้าชะมัด ทำไมฉันถึงขึ้นรถมากับไอ้คนเฮงซวยแบบนี้ได้นะ”

“ไม่เห็นแปลก ขนาดมีเซ็กส์ยังเคยมาแล้วเลย”

ฉันหันขวับไปจ้องหน้าเรซจนคอแทบเคล็ด รู้สึกเกลียดอย่างบอกไม่ถูก

“นาย… จำได้ด้วยเหรอ”

แล้วเรซก็ชำเลืองมองฉันด้วยสายตาที่บอกว่าเรื่องแค่นี้ทำไมจะจำไม่ได้

“เดี๋ยวนะ นายไม่ได้ลืม แต่กลับเมินฉัน ไม่คิดจะพูดอะไรบ้างเลยหรือไง รู้มั้ยฉันตกใจแค่ไหนที่ถูกทำแบบนั้น”

“เธอตกใจเหรอ เห็นเชี่ยวขนาดนั้นนึกว่าจะวินๆ ซะอีก”

“หา!!!!” ฉันอ้าปากค้างกับความคิดเรซ นี่เขามองฉันเป็นผู้หญิงยังไงกันแน่เนี่ย

หลายชั่วโมงต่อมา

ฉันเผลอหลับไปตอนไหนไม่รู้ ตื่นขึ้นมาอีกทีก็ตะวันตกดินแล้ว

“นี่ เราอยู่ที่ไหน”

“ป่าตอง เอาของไปเก็บที่พักก่อน”

ฉันบีบต้นคออย่างเหนื่อยล้า มองออกไปรอบนอกพลางอ้าปากหาว ถึงจะเพิ่งเคยมาเป็นครั้งแรกก็ไม่รู้สึกตื่นเต้นเลยสักนิด ง่วงจะแย่อยู่แล้ว

ราวๆ สิบห้านาทีให้หลัง ก็ถึงโรงแรมหรูของป่าตอง ชื่ออะไรสักอย่างตอนขับรถผ่านฉันอ่านป้ายไม่ทัน

“จองเอาไว้ล่วงหน้าหรือเปล่าคะ”

“อืม” เรซตอบพนักงานรับรองที่อยู่หลังเคาน์เตอร์พลางยื่นบัตรประชาชนให้ พนักงานมองบัตรแล้วเช็กข้อมูลครู่หนึ่งก็ส่งบัตรคืนเรซ

“เรียบร้อยแล้วค่ะ”

“เอ่อ แล้วฉันต้องยื่นบัตรหรือเปล่า” ฉันโพล่งถามอย่างสงสัย

“อ๋อ ไม่ต้องค่ะ ใช้คนเดียวก็พอค่ะ”

“ออ… เอ๊ะเดี๋ยวนะ เรซนี่ฉันนอนห้องเดียวกับนายเหรอ” ฉันคว้าท่อนแขนเรซที่กำลังจะเดินออกประตู

“อืม”

“เฮ้!”

“ถ้าไม่พอใจก็เปิดห้องใหม่” เขาบอก

ฉันมองสบสายตาคมกริบของเรซนิ่งครู่หนึ่ง กำลังจะหันกลับไปถามห้องว่างที่เคาน์เตอร์เสียงเรซก็ดักขึ้นมาซะก่อน

“ค่าห้องออกเอง จัดการเอง ฉันไม่ออกให้”

“ห๊ะ?”

“คืนละห้าพันนิดๆ ห้องดีหน่อยก็หมื่นนึง แต่เธอคงไม่เดือดร้อนหรอก เอาเป็นว่าเอาที่เธอสะดวกแล้วกัน”

หน้าฉันแห้งตั้งแต่ได้ยินคำว่าคืนละห้าพันแล้ว ประสาทหรือไง ทำไมฉันต้องจ่ายค่าห้องแพงๆ ทั้งที่ไม่ได้เต็มใจมาเที่ยวแบบนี้ด้วย

เรซ! ไอ้บ้านั่นคิดจะแกล้งฉันหรือไง แล้วที่พูดเมื่อกี้ ที่บอกว่าฉันไม่เดือดร้อนน่ะหมายความว่ายังไง เข้าใจว่าฉันรวยหรือแค่ประชด โว้ย นี่ฉันจะบ้าตายจริงๆ แล้วนะ

“เรซ รอฉันด้วย!”

สุดท้ายฉันก็ต้องวิ่งตามเขามาที่ห้องอย่างไม่มีทางเลือก เงินห้าพันไม่ใช่น้อยๆ นะ ใครจะโง่เสียเงินวะ บ้าเปล่า

“ให้เวลาครึ่งชั่วโมง”

“เดี๋ยวอะไรอีก”

เพิ่งจะเข้ามาในห้อง แอร์ยังไม่ทันเย็นด้วยซ้ำเขาก็พูดเหมือนกำลังจะออกไปข้างนอกอย่างงั้นแหละ

เรซมองกระเป๋าเดินทางที่ฉันหิ้วมาด้วย ก่อนย้ำออกมาชัดๆ “ไม่ต้องพูดมาก รีบแต่งตัวซะ มีธุระต้องไปต่อ”

พูดเสร็จเขาก็ถอดเสื้อที่สวมแล้วเปิดกระเป๋าที่หิ้วมาด้วยค้นเสื้อยืดเท่ๆ ตัวใหม่ออกมาสวม

ฉันมองผิวขาวๆ ของเรซที่เต็มไปด้วยรอยขีดข่วนจากเล็บแล้วใจคอไม่ดีแปลกๆ สงสัยว่าจะเป็นรอยที่เกิดจากเมื่อคืนหรือเปล่า หรือว่ามาจากคนอื่น…

“มัวทำอะไร รีบแต่งตัว หรือจะไปชุดนั้น”

“ห๊ะ? เอ่อ ฉันจะอยู่ที่นี่ นายไปเถอะ ฉันอยากพักผ่อนมากกว่า”

ฉันบอกไปตามตรง รู้สึกเพลียจนอยากล้มตัวลงนอนซะเดี๋ยวนั้น แต่เรซไม่ยอมให้ฉันอยู่ห้องคนเดียว หมอนั่นใช้น้ำเสียงเข้าข่มจนฉันไม่กล้าขัด สุดท้ายก็ต้องยอมออกมากับเขาจนได้

เรซขับรถพาฉันออกมาที่ร้านอาหารริมทะเล มีเพลงคลอเบาๆ กับลมเย็นๆ ช่วยทำให้อารมณ์ที่ขุ่นมัวของฉันแจ่มใสขึ้นมานิดหน่อย

“เรซ”

ใครคนหนึ่งที่นั่งอยู่ตรงเคาน์เตอร์บาร์ตะโกนเรียก เรซหันไปมองแล้วเดินตรงเข้าไปหาทันที พอดูใกล้ๆ ฉันถึงรู้ว่าเป็นใคร

ฮาน… หัวหน้าทีมเรดซัน ฉันรู้เพราะคะนิ้งเคยเอารูปสมาชิกในทีมเรดซันมาเปิดให้ดู

“อยู่คนเดียวเหรอ”

เรซกวาดตามองไปรอบๆ ราวกับกำลังหาใครอยู่

“อืม แล้วนั่นพาใครมา” สายตาฮานชำเลืองมาที่ฉัน

“เพื่อนคะนิ้ง ติดรถมาด้วยเฉยๆ ไม่มีอะไรมาก แล้วคนอื่นล่ะ”

“พวกนั้นไปคุยที่ผับ แต่กูรำคาญเสียงเพลงในผับมันดัง คุยกันคงไม่รู้เรื่อง เลยนัดพวกมันไปที่ฮาล์ฟมูน อย่างน้อยๆ ที่นั่นก็โล่งกว่า”

“อืม ตามนั้น”

ฉันไม่ได้ฟังที่เรซกับฮานคุยกัน เพียงแต่ความหิวทำให้ฉันต้องหาที่นั่งแล้วหยิบเมนูข้างๆ ฮานมาดู เห็นตรงหน้าเขามีจานข้าวผัดเลยเผลอพูดออกมาอย่างลืมตัว

“ข้าวผัดอร่อยหรือเปล่า”

“....” สองคนนั้นหันมามองฉันทันที

“หืม?” ฉันส่งสายตากลับไปให้เรซกับฮาน ทำไมต้องมองเหมือนฉันทำอะไรผิดแบบนั้น หรือฉันไม่มีสิทธิ์พูด ควรนั่งเงียบๆ แล้วรอให้พวกเขาคุยกันเสร็จก่อนงี้เหรอ

ไม่มีทาง ฉันหิวฉันก็จะกิน

“งั้นสั่งข้าวผัดดีกว่า ท่าทางกินง่าย นายเอาอะไรมั้ยเรซ จะได้สั่งพร้อมกัน”

“ไม่”

เขาตอบสั้นๆ แล้วหันไปคุยกับฮานต่อ ไม่หิวเหรอ? ตั้งแต่มายังไม่ได้กินอะไรเหมือนกันไม่ใช่เหรอ เอ้อช่างเหอะ ฉันสั่งมากินคนเดียวก็ได้

บทก่อนหน้า
บทถัดไป