บทที่ 5 สัมผัสร้าย 1 เอาเล่นๆ (5)
“ลุกขึ้น”
เพิ่งจะซบไหล่ฮานไม่ถึงสามนาทีท่อนแขนฉันก็ถูกจับรั้งค่อนข้างแรง
“เรซ… โอ๊ยนี่!”
ฉันครางเสียงฉุน สะบัดท่อนแขนออกจากมือหมอนั่นอย่างไม่พอใจ
“ทำอะไรของเธอ กลับได้แล้ว”
“กลับ?”
ฉันมองสบสายตาขวางๆ ของเรซ ยังไม่หายเคืองกับเรื่องก่อนหน้า แต่พอเหลือบมองรอบๆ ก็เห็นว่าแขกสองคนของพวกเขากำลังลุกขึ้นเตรียมจะกลับทำให้ฉันหยุดความคิดที่จะเถียงเอาไว้
ฉันคว้ากระเป๋าขึ้นคล้องไหล่ อดทนรอเรซกับฮานเคลียร์บิลเหล้าจนเสร็จ แล้วเดิมตามหลังพวกเขาออกมาจากหาด ระหว่างทางมีฝรั่งเดินชนฉัน แต่แกล้งชนแล้วเนียนคุย จะชวนฉันกลับด้วย จะบ้าตาย ฉันรีบปฏิเสธแล้วสาวเท้ายาวๆ ออกมา
ด้วยความที่ฉันเดินทิ้งระยะห่างจากเรซและฮานพอสมควร เลยดูเหมือนฉันมาคนเดียว ไม่ใช่ว่าฉันอ้อยอิ่งหรืออยากอ่อยผู้ชายนะแต่เรซกับฮานดันเดินเร็ว ฉันตามไม่ทัน อาจเพราะง่วงกอปรกับเมานิดๆ ด้วยทำให้ฉันสูญเสียความคล่องตัวไป แค่เดินยังไม่ตรง
“ชักช้า”
พอมาถึงรถก็ถูกเรซมองแรงใส่ทันที อะไรวะ แทนที่จะมาว่าฉัน ถามฉันสักคำมั้ยว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างทาง
ช่างเถอะ ขี้เกียจเถียง
ฉันเดินอ้อมมาเปิดประตูขึ้นรถโดยไม่พูดอะไรสักคำ มีเพียงสายตาเท่านั้นที่บ่งบอกให้รู้ว่าฉันหงุดหงิดเรซขนาดไหน
“อื้ออ”
ฉันรู้สึกตัวเพราะความเสียวแปลบที่ยอดอก ปรือตาขึ้นมอง เห็นเพดานห้องของโรงแรมกับแสงไฟเหลืองนวลจางๆ ก่อนหลุบตาลงมองกลุ่มผมสีดำที่ซุกอยู่บนอก
หัวใจฉันกระตุกวูบ พอมองชัดๆ ก็รู้ว่าเป็นศีรษะคน และคงเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก “อ๊ะ นี่… เรซ”
เรียวปากร้อนชื้นตวัดปลายลิ้นไล้เลียวนรอบยอดอกก่อนกดดูดเป็นจังหวะหนักหน่วง ฉันผวาคว้าศีรษะที่กำลังก้มๆ เงยๆ ของเรซเอาไว้ทันที ขยุ้มเส้นผมของเขาแน่น ลมหายใจหอบกระเส่า ร่างกายเย็นวาบทุกสัดส่วน ตอนนั้นฉันถึงรู้ตัวว่าไม่ได้สวมเสื้อผ้าสักชิ้น
“กรี๊ดหยุดนะ!”
ฉันพรวดพราดลุกขึ้น ผวาถอยห่างจนหลังชิดหัวเตียง จ้องมองผู้ชายที่สวมแค่กางเกงยีนตรงหน้าอย่างสับสน รีบดึงผ้าขึ้นมาคลุมร่างเปลือยของตัวเองหัวใจสั่น
“นายทำบ้าอะไรเรซ!” ฉันตะโกนออกไปอย่างเกรี้ยวกราด ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่ามาอยู่บนเตียงนี่ได้ยังไง ครั้งสุดท้ายที่ฉันจำได้คือขึ้นรถกลับจากพาราไดซ์บรีท
นี่… อย่าบอกนะว่าฉันเผลอหลับไป แล้ว…
ฉันจ้องหน้าเรซนิ่งหลังจากที่เดาเรื่องราวออก เวลาเมาหนักๆ ฉันมักจะวูบหลับแบบไม่รู้ตัวอันนี้ฉันรู้ตัวเองดี แต่ครั้งนี้ฉันไม่ได้เมาหัวราน้ำขนาดนั้นแต่ที่น็อกอาจจะเป็นเพราะร่างกายอ่อนเพลียจากการเดินทางไกลด้วย แต่ถึงฉันจะไม่ได้สติ เรซก็ไม่ควรจับฉันถอดเสื้อผ้าแบบนี้
“จ้องแบบนั้นหมายความว่ายังไง หรือเธอมีปัญหา”
“ก็ต้องมีอยู่แล้วสิ!” ฉันแหวกลับไปเสียงแหลม ปวดหัวจี๊ดขึ้นมาทันที
“ทำไม ไม่เห็นว่าจะมีปัญหาตรงไหน”
สายตาเรซมองต่ำลงมาที่หน้าตักฉันราวกับจะส่องให้ทะลุผ้าห่ม ใบหน้าฉันร้อนวูบขึ้นมาทันที
“นี่มองอะไรของนาย”
“ก็น้องสาวเธอ ฉันไม่เห็นว่ามันจะมีปัญหาตรงไหน หนำซ้ำยังขมิบเก่งแม้กระทั่งตอนหลับ” เรซยกยิ้มมุมปาก คำพูดของเขาทำฉันกรี๊ดลั่นห้อง รู้สึกเจ็บตรงนั้นขึ้นมาทันที
“นะนายทำอะไร นาย…”
“แค่ใช้นิ้ว ไม่ต้องห่วงยังไม่ได้ใส่จริง รอเธอตื่นมันเร้าใจกว่า”
ร่างสูงโถมกายเข้ามาคร่อมทับฉันเอาไว้อย่างรวดเร็ว ฉันจะพลิกหลบแต่ถูกเรซคว้าท่อนแขนรั้งลงไปใต้ร่างของเขา
“นี่ปล่อยนะ ฉันไม่อยากทำแบบนี้กับนาย ออกไป!”
“แน่ใจ?”
“ออกไป บอกให้ออกไปไง” ฉันตะโกนไล่เขาอย่างไม่นึกเสียดาย ในใจเต็มไปด้วยความรู้สึกโกรธที่อยากจะไล่เขาไปไกลๆ เรซคว้าข้อมือฉันที่ยกขึ้นทุบตีเขาเอาไว้แน่น โน้มใบหน้าคมๆ ลงมาใกล้ ฉันยังขัดขืนไม่หยุด
“ทำไม หรืออยากได้ไอ้ฮานมากกว่า”
“ว่าไงนะ” ฉันนิ่งอึ้ง เพราะไม่คิดว่าจะได้ยินคำพูดน่ารังเกียจแบบนั้นจากปากของเรซ
“ฮานมันมีลูกมีเมียแล้ว เธอเลิกฝันซะ”
“ฉันเปล่านะ ใครว่าฉันสนใจฮาน ฉันน่ะมีแฟน...”
“ขอเตือน! อย่าคิดจะอ่อยคนในทีมฉัน ไม่งั้นฉันเอาเธอตาย”
ยังไม่ทันที่ฉันจะพูดจบเรซก็สวนขึ้นมาทันควัน หัวใจฉันกระตุกวูบ สายตาของเรซน่ากลัวจับขั้วหัวใจ ฉันเคยได้ยินเรื่องราวความร้ายกาจของริกกี้มาจากคะนิ้งแต่ไม่เคยนึกภาพออกจนกระทั่งได้เผชิญหน้ากับเรซในตอนนี้
“ฉันไปอ่อยคนในทีมนายตอนไหนเรซ คนที่ยุ่งกับฉันก่อนก็คือนาย นายนั่นแหละ!”
ฉันขึ้นเสียงใส่เรซอย่างเหลืออด เดือดจนไม่รู้จะเดือดยังไง
“เธอยังกล้าถามอีกเหรอว่าตอนไหน ต้องให้ฉันสาธยายถึงความร่านของเธอมั้ย”
“ร่านเหรอ กรี๊ด!”
ฉันคว้าหมอนขึ้นมาฟาดหน้าเรซอย่างหมดความอดทน
พลั่ก!
“เฮ้!”
เรซปัดหมอนออก ฉันไม่สน เหวี่ยงกลับไปฟาดหน้าเขาอีกรอบคราวนี้หมอนั่นแย่งหมอนไปจากมือฉันแล้วเหวี่ยงทิ้งทันที
“ทำไม พูดเรื่องจริงแล้วรับไม่ได้งั้นเหรอ”
“เรื่องจริงบ้าอะไร ปล่อยฉัน” ฉันดิ้นพล่าน เมื่อถูกเขากดข้อมือเอาไว้ทั้งสองข้าง
“ไม่ปล่อยจะทำไม”
“ไอ้บ้า อื้อ… หยุด ฉันไม่อยากทำ ปล่อย! บอกให้ปล่อยไง”
ฉันดิ้นพรวดพราดอยู่ใต้ร่างเรซ ริมฝีปากที่ก้มลงซุกไซ้ซอกคอกับลมหายใจร้อนระอุนั่นทำฉันขยะแขยงจนแทบคลั่ง ความรู้สึกหนักอึ้งในหัวจากการดื่มเหล้ายังไม่หายไปกอปรกับความอ่อนเพลียจากการพักผ่อนน้อยทำให้ฉันต้านทานแรงรุกของเรซไม่ไหว
แม้ความรู้สึกจะขัดขืน แต่ว่าร่างกายที่โดนปลุกปั่นจากสัมผัสอันร้ายกาจของเขาทำเอาฉันอ่อนพับไปทันที เลิกดิ้นหนี ปล่อยเรือนร่างให้ขยับไปตามการลูบไล้ของคนด้านบน
“หึ…” เรซหัวเราะเยาะในลำคอ ฉันหลับตาแน่น ไม่อยากรับรู้อะไรอีก จู่ๆ น้ำตาก็ไหลออกมา
ร่างสูงขยับลงไปนั่งคุกเข่าจับเรียวขาฉันแยกออกอย่างไม่สนใจอะไรทั้งนั้น ความรู้สึกแข็งขืนเบียดดันเข้ามาแผดไอร้อนผ่าวกระจายไปทั่วร่าง แรงขยับทำฉันสั่นสะท้าน ลมหายใจติดขัดอย่างไม่อาจควบคุม และสุดท้ายริมฝีปากที่เม้มแน่นในตอนแรกก็เผยอออก ร้องครวญครางเรียกชื่อเรซอย่างลืมตัว





















































































































