บทที่ 7 สัมผัสร้าย 2 ความผิด (1)

วันต่อมา

ฉันกลับถึงกรุงเทพตอนเย็น เรซมาส่ง แต่ไม่มีอะไรให้น่ายินดีสักนิด ฉันกับเขาไม่คุยกันด้วยซ้ำ หลังจากที่เรามีอะไรกันบนเตียง ก็ไม่ได้พูดกันอีกเลย ยกเว้นตอนที่เขาถามถึงทางมาหอพักฉัน

ฉันขอให้เรซส่งแค่ป้ายรถเมล์ แต่หมอนั่นไม่ฟังและขับดิ่งมาจนถึงร้านสะดวกซื้อร้านเดียวกับเมื่อตอนนั้น ทำให้ฉันไม่มีทางเลือกนอกจากบอกเส้นทางที่ถูกต้องกับเขาไป และพอลงจากรถฉันก็หิ้วกระเป๋าเข้าหอทันที ไม่หันกลับไปมองและไม่คิดอยากขอบคุณเขาสักนิด จนตอนนี้ฉันก็ยังไม่เข้าใจว่าเรซพาฉันไปด้วยทำไม แต่ช่างเถอะ ฉันไม่อยากสนใจหมอนั่นแล้ว จะให้ดีก็ไม่ต้องมาเจอกันอีกเลยดีกว่า

ฉันสแกนคีย์การ์ดเข้ามาในห้อง เห็นไฟตรงระเบียงเปิดทิ้งเอาไว้แต่ดวงอื่นปิดมืดหมด

แปลก… หรือว่าฉันจะลืมปิด

ฉันเอื้อมมือเปิดสวิตช์ไฟที่ห้องโถง วางกระเป๋าไว้ที่โต๊ะ เดินออกมาดูที่ระเบียงเพื่อจะปิดไฟแต่ก็ต้องสะดุ้งเมื่อเห็นแผ่นหลังของร่างสูงยืนอยู่ด้านนอก

หัวใจฉันกระตุกวูบ

“พี่แสง!”

สีหน้าพี่แสงเรียบสนิท สายตาเย็นชาที่มองมาทำเอาฉันหายใจไม่ทั่วท้องอย่างไม่ทราบสาเหตุ มีอะไรหรือเปล่านะ ทำไมเขาถึงมายืนอยู่ตรงนี้ แล้ว… คำถามมากมายผุดขึ้นในหัวฉันเต็มไปหมด ยังไม่ทันที่ฉันจะตั้งตัวได้พี่แสงก็พูดขึ้นว่า

“น้องชายอาการเป็นยังไงบ้าง”

“คะ?”

ฉันงงชั่วขณะก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าเคยโกหกไว้ยังไง

“อ้อ เอ่อ… ค่อยยังชั่วแล้วค่ะ พี่แสงมาทำอะไรตรงนี้คะ ทำไมไม่บอกเทียนว่าจะมา ตกใจหมดนึกว่าขโมย” ฉันถือโอกาสนี้เดินกลับเข้ามาในห้อง จู่ๆ ก็รู้สึกร้อนๆ หนาวๆ เหมือนสายตาพี่แสงกำลังจับผิดฉันอยู่

ผิวแก้มฉันร้อนวูบ มือที่กำลังเปิดตู้เย็นเพื่อหาน้ำดื่มชะงัก หันกลับไปมองที่ระเบียงห้องอย่างกระวนกระวาย หรือว่าพี่แสงจะรู้อะไรมา

ไม่… ไม่มีทาง อย่าเพิ่งร้อนตัวเทียน ใจร่มๆ แล้วเนียนๆ เอาไว้ พี่แสงไม่รู้หรอกน่า

“สนุกมากหรือไง” เสียงเย็นยะเยือกดังมาจากด้านหลัง ฉันหันขวับ แววตาคมกริบที่คล้ายมีใบมีดพุ่งออกมาทำฉันเจ็บแปลบๆ ที่ใจ

“พี่แสงหมายความว่ายังไง”

“ทางนี้ต่างหากที่ต้องถามว่ามันหมายความว่ายังไง” พี่แสงเอาโทรศัพท์ขึ้นมา ฉันกำลังจะเถียงแต่พอเห็นรูปก็เงียบไปเลย มันเป็นรูปถ่ายที่ฉันขึ้นรถไปกับเรซ… หัวใจฉันกระตุกวูบ

“พี่แสง… ”

“เห็นพี่โง่หรือไง ทำไมต้องโกหก”

“เทียน… เทียนเปล่านะคะ นั่นน่ะเพื่อนเทียนเอง เขา… เขาผ่านมาพอดีเห็นเทียนยืนรอรถอยู่ก็เลยเรียกขึ้นรถไปด้วย”

“เหรอ แล้วมันไปส่งเทียนที่โรงพยาบาลด้วยมั้ย”

“พี่แสง”

ฉันมองหน้าคนพูดอย่างเดาทางไม่ถูก สายตาพี่แสงเย็นยะเยือกและเอาเรื่องจนฉันไม่กล้าโกหกต่อ แต่ก็ไม่ได้ยอมรับ ฝืนยิ้มซื่อๆ ออกไป

“พี่แสงโกรธที่เทียนนั่งรถไปกับคนอื่นเหรอคะ ก็เทียนบอกแล้วไงว่าแค่เพื่อน”

“แล้วนี่หมายความว่ายังไง”

จู่ๆ พี่แสงก็กดโทรศัพท์แล้วเปิดเฟซบุ๊กที่มีคนแท็กภาพไอ้ธูปกำลังนั่งดีดกีตาร์อยู่บนระเบียงห้องพักในโรงแรมที่พัทยาให้ฉันดู

ติดแท็กด้วยว่า

#ธูปผู้กล้าแห่งพัทยาเหนือ

อีเชี่ยยยยยธูป มันไปเที่ยวพัทยางั้นเหรอแล้วนี่ใครแท็กมันวะ แล้ววันที่เช็กอินคือเมื่อวาน เป็นเวลาไล่เลี่ยกับที่ฉันบอกพี่แสงว่ามันขี่รถล้ม

หัวใจฉันเต้นไม่เป็นส่ำ เหลือบตาขึ้นมองพี่แสงด้วยสีหน้าซีดๆ นึกไม่ออกว่าจะแก้ตัวยังไงดี

ฉันไม่อยากโกหก แต่ให้บอกความจริง ใครที่ไหนจะไปรับได้ พี่แสงไม่ยอมฟังแน่ๆ แถมฉันเพิ่งจะทำสร้อยข้อมือที่เขาซื้อให้หายอีก ความผิดมันเยอะเกินไป

“เทียน… คือเทียน…”

“เทียนไปไหนมา”

“เทียน...”

“ถามว่าไปไหนมา!”

ฉันสะดุ้งเฮือก มองสบสายตาเดือดระอุของพี่แสงแล้วได้แต่อ้าปากพะงาบๆ นึกคำตอบไม่ออก เครียดจนตะคริวกินปาก ต้องพูดวิธีไหนถึงจะช่วยคลี่คลายสถานการณ์ได้ ฉันไม่รู้จริงๆ

“เทียน… เทียนไปโรงพยาบาลมาจริงๆ แม่... แม่ของเพื่อนไม่สบายแล้วอยากให้เทียนไปอยู่เป็นเพื่อน เทียนขอโทษที่โกหกเรื่องน้อง พี่แสงไม่โกรธเทียนนะคะ”

ฉันกลั้นใจพูดปดคำโต ตรงเข้าไปกอดแขนพี่แสงอย่างออดอ้อน

“คิดว่าพี่โง่หรือไง” พี่แสงดึงแขนออกพร้อมกับมองฉันด้วยสายตาผลักไส

“พี่แสงเทียนพูดจริงๆ นะคะ”

“บอกความจริงมาเทียน อย่าให้พี่หมดความอดทน”

“ความจริง ความจริงอะไรคะ ถ้าเรื่องธูปเทียนผิดจริงๆ เทียนขอโทษ พี่แสงอย่าโกรธเทียนนะ นะคะ น๊า”

“เทียน!”

เขาผลักฉันออก คราวนี้รุนแรงขนาดที่ร่างฉันถลาไปชนกับอ่างล้างจาน แต่ฉันไม่ได้เจ็บปวดอะไรมากแค่รู้สึกช็อก

“พี่แสง”

“พี่เตือนแล้วนะเทียน” เขากัดฟันกรอด ความโกรธที่ทะลุผ่านแววตาออกมาบอกให้รู้ว่าเขาไม่ได้รู้สึกผิดหรือเสียใจที่ผลักฉันจนกระเด็น

“พี่แสง...” ฉันพยายามจะอธิบายแต่พี่แสงไม่ฟังอะไรทั้งนั้น ชี้หน้ากล่าวหาฉันอย่างไม่เคยทำมาก่อน

“รถคันนั้นเป็นของไอ้เรซ เรซจากทีมเรดซันคิดว่าพี่ไม่รู้เหรอ เทียนจะบอกว่ามันเป็นเพื่อนทั้งที่เทียนกับมันไม่เคยรู้จักกันมาก่อนงั้นเหรอ พี่ไม่ได้โง่! ถ้าเทียนคิดจะสวมเขาพี่ก็ออกไป แล้วอย่ากลับมาอีก”

ฉันใจหายวาบ ทำไมพี่แสงพูดแบบนั้น สมองฉันรวนไปหมด ไม่คิดว่าจะได้ยินคำพูดตัดเยื่อใยจากพี่แสงอย่างนี้

แต่ที่น่าตกใจคือเขารู้จักเรซ…

นั่นสิ ฉันลืมไปว่าเขาเป็นผู้ชาย แล้วผู้ชายก็สนใจเรื่องรถอยู่แล้ว และคงไม่แปลกถ้าเขาจะรู้จักคนในแวดวงรถแข่งด้วย

“งั้นพี่แสงก็ต้องรู้จักริกกี้ และสมาชิกคนอื่นๆ ของเรดซัน”

“เทียนจะพูดอะไร”

“เทียนไม่ได้บอกเหรอว่าเพื่อนเทียนเป็นแฟนกับริกกี้ ริกกี้ที่อยู่ทีมเรดซัน และเทียนก็ไปหัวหินกับพวกนั้น พี่แสงเลิกสงสัยเทียนได้แล้ว”

พี่แสงชะงักไปชั่วขณะ ท่าทางจะลืมเรื่องนั้นไปจริงๆ และก็ทำให้ฉันแอบไม่พอใจอยู่หน่อยๆ ด้วย พูดอะไรไปก็ไม่เคยจำได้จะหงุดหงิดแทนแล้วนะ

บทก่อนหน้า
บทถัดไป