บทที่ 9 สัมผัสร้าย 2 ความผิด (3)

:: เทียน ::

เช้าวันต่อมา

ฉันลุกขึ้นนั่งงงๆ บนเตียง เหลือบมองที่ข้างๆ ก็ไม่เห็นเงาพี่แสงแล้วแต่มีรอยคนนอน พอหยิบโทรศัพท์มาดูก็เห็นว่าเลยเที่ยงไปแล้ว ฮ้าวว~ นี่ฉันหลับยาวขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย หนักหัวชะมัด

ฉันโซเซลุกขึ้น คว้าผ้าเช็ดตัวเข้าห้องน้ำ ใช้เวลาเกือบชั่วโมงกว่าจะกู้สติสตางค์ตัวเองกลับมาได้

มีอะไรกินบ้างเนี่ย ฉันเดินลูบท้องผล็อยๆ เข้ามาในครัว หลังอาบน้ำเคลียร์ตัวเองเสร็จ ตื่นเต็มตาแล้วก็หิวจนตาลายแทน หยิบขนมปังมากินกับน้ำผลไม้ ระหว่างนั้นก็ไลน์หาพี่แสง ถึงรู้ว่าพี่แสงมีเรียน ตอนนี้อยู่ที่มอ ฉันเลื่อนดูไลน์คนอื่นด้วย มีเพื่อนทักมาหลายคน ช่วงวันที่หายไปกับเรซฉันไม่ได้ติดต่อใครเลย ไม่กล้า กลัวความลับรั่ว แต่ก็ดันมีคนถ่ายรูปฉันขึ้นรถไปกับเรซซะได้ ฝีมือใครกันนะ คนที่อยากให้ฉันมีปัญหากับพี่แสง… นึกถึงใครไม่ออกจริงๆ นอกจากพะแพง น้องสาวพี่แสง แต่ยัยนั่นอยู่บ้านนี่ หรือว่าจะเป็นเพื่อนๆ ในแก๊งพะแพง ชิ… น่ารำคาญชะมัด

ฉันเปิดอ่านไลน์เพื่อนๆ ที่ทักมาถามว่าหายไปไหน ไล่ตอบทีละคนจนครบ แล้วก็ถูกตามให้ไปเรียนจนได้ ให้ตายสิ กะว่าจะโดดเรียนต่ออีกสักวัน เอาไงดีเนี่ย ขี้เกียจชะมัด

ฉันนั่งบิดขี้เกียจหลังจากนั่งฟังบรรยายมาสามชั่วโมงเต็ม ขณะคนอื่นๆ ทยอยลุกออกไป เค้กกับคะนิ้งก็หันมาถาม

“ไปไหนต่อเทียน”

“เดี๋ยวกลับห้องเลย”

“อ่อ แล้วเธอล่ะคะนิ้ง ไปไหน สามีมารับป่ะเนี่ย”

“บ้า สามีอะไร อย่าเลื่อนขั้นตามใจชอบดิ เดี๋ยวคนอื่นได้ยินจะเข้าใจผิด”

“เอ้า! เออๆ แฟนก็ได้ แฟนมารับมะ?” เค้กทำหน้าเพลียๆ ใส่คะนิ้ง

“อืม มา”

“ก็แค่เนี้ย”

ยัยเค้กส่ายหน้าแล้วเดินนำออกไปจากห้อง ฉันกับคะนิ้งส่งสายตาให้กันทันที ก่อนจะตามเค้กออกไป ที่หน้าลิฟต์มีคนรอเยอะมาก พอลิฟต์มาก็จุคนไม่หมด

“เอาไงไปมั้ย” เค้กหันมาถามระหว่างที่คนอื่นๆ กรูเข้าไปข้างใน

“รอดีกว่า” คะนิ้งทำหน้าอึดอัดถ้าจะต้องให้เบียดเข้าลิฟต์ ฉันพยักหน้าเห็นด้วย มองประตูลิฟต์ปิดแล้วรอลิฟต์ตัวใหม่ ระหว่างนั้นก็มีนักศึกษากลุ่มหนึ่งเดินเข้ามาหยุดรอลิฟต์อยู่ด้านหลัง ฉันไม่ได้หันไปมอง จนกระทั่ง

“เหม็นกลิ่นสตอ ใครกินผัดสตอมาหรือเปล่า”

ไม่ใช่แค่ฉัน กระทั่งคะนิ้ง หรือแม้แต่เค้กก็ชำเลืองไปมองคนพูดเหมือนกัน ก่อนจะเห็นยัยพะแพงกับเพื่อน ฉันรู้ทันทีว่ายัยนั่นจงใจแซะ แต่คะนิ้งกับเค้กทำหน้ามึนๆ คงคิดว่ายัยนั่นได้กลิ่นสตอจริงๆ

“โคตรเหม็นเลย ทนกินได้ยังไง อี๋” เพื่อนพะแพงแต่ละคนชงเก่งๆ ทั้งนั้น

แล้วพอประตูลิฟต์เปิด พะแพงก็เรียกเพื่อนเดินเข้าลิฟต์ตัดหน้าเราสามคนไปอย่างไม่แคร์

“อ้าว! มารยาท…” เสียงเค้กดังขึ้นทันทีที่เห็นพวกนั้นแซงคิว ก่อนหันมาถามฉัน

“ยัยนั่นมันน้องพี่แสงป๊ะ”

“อืม”

“แล้วทำไมทำตัวแบบนี้ คือไม่เห็นเหรอว่าเรารออยู่ โมโห!”

“เอาน่า ใจเย็น ทำฉุนเฉียวเมนไม่มาไปได้” คะนิ้งบอก

“เฮ้ยนิ้ง! ใจดีไปป๊ะ” เค้กทำหน้าไม่พอใจ

“ว่าแต่ พวกนั้นว่ากระทบใครหรือเปล่า สตอน่ะ” คะนิ้งหันมาจ้องหน้าฉัน

“เออนั่นสิเทียน” เค้กพยักหน้าสงสัยเหมือนกัน

“ก็คงพูดจาหาเรื่องตามปกติแหละ อย่าใส่ใจเลย”

“เหรอ น่าเบื่อจริงๆ” เค้กส่ายหน้า

“นั่นสิ นิสัยไม่ดีเลย” คะนิ้งถอนหายใจ

“พี่แสงอยู่ไหนแล้วคะ”

ฉันโทรหาระหว่างเดินออกมารอรถที่หน้ามอ ได้ยินเสียงดังเอะอะแทรกเข้ามาเหมือนกำลังอยู่ร้านอาหารหรือที่ไหนสักแห่งที่คนเยอะๆ

[อยู่ลานเบียร์ วันเกิดรุ่นน้อง เทียนเรียนเสร็จแล้วเหรอ]

“ลานเบียร์?”

ฉันขมวดคิ้วเพราะไม่รู้เรื่องนี้มาก่อน ตอนที่นั่งเรียนก็คุยไลน์กัน ไม่เห็นบอกเลยจะให้ฉันรู้สึกยังไง

“เขาชวนเฉพาะคนในคณะเหรอคะ”

[อ้อ คือมันฉุกละหุก พี่เลยไม่ได้บอกเทียน เทียนจะมาหรือเปล่าล่ะ]

“พี่แสงจะมารับเทียนมั้ยล่ะ”

[เทียนนั่งแท็กซี่มาสิ เดี๋ยวพี่แชร์โลเคชั่นให้]

“ให้เทียนนั่งแท็กซี่ไปเหรอ”

[แถวนี้หาที่จอดรถยาก ถ้าพี่เอารถไปรับเทียนพี่กลัวว่ากลับมาจะไม่มีที่จอด อีกอย่างกว่าจะวนรถไปกลับมันก็นาน เทียนนั่งแท็กซี่มาเลยไวกว่า]

ฉันหยุดเดิน ฟังพี่แสงนิ่งๆ แล้วอารมณ์ก็เหมือนจะขึ้น ไม่สิ จริงๆ ไม่พอใจตั้งแต่บอกให้นั่งแท็กซี่ไปแล้ว ไม่ใช่เรื่องมากหรืออะไรนะ แต่แค่ไม่เข้าใจ พูดเหมือนไม่อยากให้ไป แล้วงานวันเกิดรุ่นน้องมันเป็นไปได้เหรอที่เพิ่งรู้ โว้ย! โมโห

“ไม่เป็นไรค่ะ งั้นเทียนไม่ไปดีกว่า พี่แสงก็อย่าดื่มมากนะเดี๋ยวจะขับรถกลับไม่ได้”

ฉันฝืนพูดให้ดูเหมือนไม่ได้เป็นอะไร แต่จริงๆ ในใจนี่เดือดพล่านจนแทบจะต้มไข่สุกอยู่แล้ว ไม่อยากพูดแบบนี้เลย แต่ถ้าเป็นเมื่อก่อน ไม่ว่าที่ไหนเมื่อไหร่ พี่แสงจะรีบมาหาฉันทันทีที่ฉันต้องการ จะไม่มีข้ออ้างหรือเหตุผลน่ารำคาญแบบนี้

ติ้ง!

ลูกกอล์ฟ : อิเจ้ กระเป๋าแกมีคนสนใจ เอามาเดี๋ยวนี้

ระหว่างที่กำลังหัวเสียเรื่องพี่แสง เมสเซนเจอร์ก็เด้งเตือนขึ้นมา ฉันตาโตทันทีที่รู้ว่าใคร แล้วยิ่งอ่านข้อความที่นางพิมพ์มายิ่งตื่นเต้นจนลืมเรื่องที่ทำให้ขุ่นมัวเป็นปลิดทิ้ง

เทียน : ใบไหน

ลูกกอล์ฟ : ชาแนลใบสีขาวน่ะ

เทียน : อ๋อๆ อยู่ห้อง ตอนนี้เลยเหรอ พร้อมโอนมั้ย

ลูกกอล์ฟ : เขาขอดูสภาพก่อนน่ะ

เทียน : บอกไปว่าเพิ่งใช้แค่ครั้งสองครั้ง กลับห้องเดี๋ยวถ่ายรูปให้ดู

ลูกกอล์ฟ : เออๆ

ฉันยิ้มร่าทันที รีบสาวเท้าออกมาโบกแท็กซี่กลับห้อง หุหุ ได้เงินใครจะไม่ดีใจ

พอมาถึงฉันก็รีบค้นกระเป๋าที่เก็บเอาไว้ดิบดีในลิ้นชักมาแกะถ่ายรูปส่งให้ลูกกอล์ฟ ไม่สิ จริงๆ มันชื่อ กอล์ฟเฉยๆ เป็นผู้ชายถึกๆ ตัวดำๆ แต่ใจสาวมาก เป็นเพื่อนสนิทกันตอนมัธยม แต่เข้ามหาลัยคนละที่เลยห่างๆ กัน ว่างถึงนัดเจอ แต่ก็สนิทเหมือนเดิม ส่วนใหญ่ก็คุยกันในโซเชียลเนี่ยแหละ

ฉันฝากกอล์ฟขายกระเป๋ากับพวกน้ำหอมแบรนด์เนมในไอจี นี่ก็ขายออกไปสามสี่ชิ้นละ หักค่านายหน้าให้มันนิดหน่อย ที่เหลือก็เข้ากระเป๋าฉันเต็มๆ ยังไงก็กำไรเพราะของได้มาฟรี พี่แสงซื้อให้ทั้งนั้น แต่หลังๆ เริ่มจะอ้อนไม่ได้ละ รู้สึกพี่แสงงกขึ้น ไม่รู้เพราะหวงเงินหรือเพราะหมดโปรแล้วก็ไม่รู้

บทก่อนหน้า
บทถัดไป