บทที่ 10 รางวัลของเด็กดี

.

.

.

หลังสิ้นเสียงร้องถามจากเด็กน้อย เซเธอร์ก็มองจดจ้องนิ่งๆ แม้จะพอเดาได้รางๆ แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่าอยากจะให้มันเป็นเพราะเหตุผลอื่น

ความเงียบโรยตัวอยู่รอบกาย ก่อนที่ดไวท์จะถอนหายใจ พร้อมกับตั้งท่าจะละไปอีกครา ดังนั้นแล้วเซเธอร์จึงตวัดแขนเข้าโอบรอบเอวบาง แล้วดึงเข้าหาตัวให้สนิทแนบแน่นยิ่งกว่าเดิม ก่อนจะเปิดปากอธิบายในสิ่งที่เด็กน้อยในอ้อมแขนประสงค์

“ไม่ดไวท์ การฆ่าสัตว์ไม่ได้เป็นการทำร้ายข้า มันจะเพิ่มพูนพละกำลังให้ข้าแทน ทุกสิ่งที่มีชีวิต ล้วนมาจากเศษเสี้ยวหนึ่งของพลังข้า เมื่อข้าฆ่ามัน ข้าจะได้พลังของข้าคืน แต่อย่างไรข้าก็เป็นเทพ การฆ่าสัตว์ตัดชีวิตเป็นสิ่งที่มิควร และมันจะเป็นการทำลายวงจรวัฏจักรชีวิต ส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง

อย่างที่เจ้าเห็น.... ข้ามีทั้งด้านเทพและมารอยู่ในตัว.... ข้าจึงใช้พลังได้ทั้งสองสาย ส่วนสาเหตุที่ข้าเป็นมารได้อย่างไรนั้น ข้าขอไม่เอ่ยถึงได้หรือไม่.... มันมิใช่เรื่องที่น่าจดจำ” เซเธอร์พูดในขณะที่สายตาละไปก้มมองพื้นดินที่ด้านข้าง ในน้ำเสียงนั้นปรากฏความเศร้าโศกอย่างที่สุด

ดไวท์มองจ้องใบหน้านั้นแล้วจึงเอนซบลงกับอกกว้าง สองแขนเล็กค่อยๆ ยกขึ้น ก่ายกอดเอวสอบเอาไว้ ร้องถามเสียงเศร้าไม่ต่าง

“ข้าทำให้ท่านเจ็บปวดใช่หรือไม่....”

“ไม่หรอกดไวท์ ไม่ใช่เจ้าหรอก” เด็กน้อยเงยหน้าขึ้นกะพริบตาปริบๆ ใบหน้างุนงง

“ท่านพี่ว่าอะไรนะขอรับ?” เด็กน้อยเอียงคอถาม ทำให้น้ำตาที่รื้นขึ้นในตอนแรกไหลลงข้างแก้ม เด็กน้อยชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะยกมือขึ้นแตะดู ร่องรอยหยาดน้ำตาสีใสติดปลายนิ้วมือเล็กเรียว

“นี่ข้า.... ร้องไห้หรือ?” ดไวท์พูดพร้อมกับมองร่องรอยหยาดน้ำตาบนปลายนิ้วของตนเอง ใบหน้าฉงนอย่างถึงที่สุด ต่างจากเทพเจ้าแห่งการปกป้องคุ้มครองที่คิ้วกระตุกเข้าหากันชั่วครู่ แล้วจางลงอย่างรวดเร็ว ก่อนจะยกมือขึ้นปาดน้ำตาออก แล้วพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มทุ้มน่าฟัง

“เจ้านี่ช่างขี้แยเสียจริง” เซเธอร์พูดด้วยรอยยิ้ม จึงทำให้ดไวท์ยกยิ้มตามอย่างเอียงอายเล็กน้อย

“หายโกรธข้าแล้วใช่หรือไม่ดไวท์”

“อืมมมม” เด็กตัวขาวทำท่าทางครุ่นคิด ก่อนจะเผยรอยยิ้มกว้างพร้อมกับพยักหน้ารับ

“ขอรับ ขอเพียงท่านพี่ไม่ได้บาดเจ็บอันใดก็เพียงพอแล้วขอรับ” ดไวท์โถมตัวเข้ากอด ก่อนจะซุกใบหน้าถูไถกับแผ่นอกกว้างอย่างออดอ้อน เซเธอร์จึงเผยรอยยิ้มออกมาให้เห็น แล้วกอดตอบน้องน้อยกลับไป เพียงไม่นานนักดไวท์ก็ผละออก พร้อมทำหน้าตื่นตกใจ ร้องบอกเสียงดังพร้อมกับเริ่มออกวิ่ง

“ท่านพี่!!! ข้ากำลังจะสายแล้วขอรับ ข้าไปก่อนนะขอรับ” ดไวท์ร้องบอกอย่างร้อนรน ก่อนจะรีบก้าวเท้าวิ่งออกไป แต่วิ่งได้เพียงไม่กี่ก้าวก็วิ่งกลับมา

“ท่านพี่ๆ ๆ ๆ ก้มลงหน่อยขอรับ” ดังนั้นแล้วเซเธอร์จึงโน้มตัวลงต่ำ และเอ่ยถามใกล้ๆ

“มีอันใดหรือดไวท์”

ฟอด!

“รางวัลของเด็กดีขอรับ!!” เด็กตัวขาวฝังจมูกลงกับแก้มของพี่ชายอย่างรวดเร็ว แล้วหันหลังวิ่งจากไปในทันที ต่างจากคนที่โดนขโมยหอมแก้มยังคงยืนนิ่งค้างอยู่กับที่ เนิ่นนานหลายนาทีกว่าจะได้สติ จึงยืดตัวขึ้น แผ่นหลังเหยียดตรง เห็นหลังของคนตัวเล็กอยู่ไกลๆ นั้น

“หึหึ ช่างร้ายกาจนัก” พูดด้วยรอยยิ้มเต็มดวงหน้า มองจ้องส่งน้องน้อยไปจนสุดสายตานั่นแล ถึงได้กางปีกออกบินกลับบ้านของตน ตลอดทางกลับบ้าน ไม่ว่าจะมองอะไรก็พาให้รู้สึกเบิกบานไปเสียหมด จนอดที่จะฮัมเพลงออกมาเบาๆ ไม่ได้

“La, la La, la, la, la

La, la La, la, la

I like your smile

(ฉันชอบรอยยิ้มของเธอ)

I like your vibe

(ฉันชอบบรรยากาศรอบๆ ตัวเธอ)

I like your style

(ชอบสไตล์ของเธอ)

But that's not why I love you

(แต่นั่นไม่ใช่เหตุผลที่ฉันรักเธอหรอก)

And I, I like the way, you're such a star

(และฉันชอบ ที่เธอเป็นเหมือนดวงดารา)

But that's not why I love you

(แต่นั่นไม่ใช่เหตุผลที่ฉันรักเธอหรอก)

Hey Do you feel, Do you feel me

(เฮ้ เธอรู้สึก รู้สึกถึงฉันบ้างไหม?)

Do you feel what I feel too

(รู้สึกเหมือนที่ฉันรู้สึกรึเปล่า?)

Do you need, Do you need me, Do you need me

(เธอต้องการฉันรึเปล่า? ต้องการฉันไหม?)

You're so beautiful

(เธอน่ะช่างงดงาม)

But that's not why I love you

(แต่นั่นไม่ใช่เหตุผลที่ฉันรักเธอหรอก)

I'm not sure you know

(ฉันไม่แน่ใจว่าเธอรู้รึเปล่า)

That the reason I love you, is you

(ว่าเหตุผลที่ฉันรักเธอคืออะไร)

Is you, Being you, just you

(ก็เพราะเธอ คือเธอ แค่เป็นเธอ)

Yeah the reason I love you

(เหตุผลที่ฉันรักเธอ)

Is all that we've been through

(ก็เพราะทุกๆ อย่างที่เราผ่านมาด้วยกัน)

And that's why I love you

(นั่นคือเหตุผลที่ฉันรักเธอ) ”

เพลง I LOVE YOU : AVRIL LAVIGNE

ร่างสูงของเทพเจ้าแห่งการปกป้องคุ้มครองกำลังยืนกวาดพื้นบ้านด้วยความสุขใจ ริมฝีปากรูปกระจับยังคงขยับเอื้อนเอ่ยบทเพลงแสนหวานออกมาอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับหลุดหัวเราะออกมาเบาๆ

“เจ้าเสียสติไปแล้วหรือ”

“คงจะเป็นเช่นนั้นแฮคเตอร์” พูดพร้อมกับร้องเพลงต่ออย่างไม่สนใจ แฮคเตอร์หรี่ตามอง ก่อนที่ปลายนิ้วมือจะตวัดจากขวาไปซ้าย เกิดกระแสลมพัดหวนในห้องจนข้าวของกระจัดกระจาย ทำให้คนที่กำลังเก็บกวาดอยู่หันหน้ามามองจ้อง คนทั้งสองตาสบตากันเงียบๆ และในที่สุดเซเธอร์ก็เผยรอยยิ้มกว้างออกมา ก่อนจะเริ่มลงมือเก็บห้องใหม่โดยที่ไม่พูดอะไร สร้างความแปลกใจให้ผู้มาเยือนอย่างที่สุด

“ไม่โกรธหรือ?” เอ่ยถามด้วยความงุนงงสุดขีด แต่เทพเจ้าแห่งการปกป้องคุ้มครองส่ายศีรษะไปมา เอ่ยปากตอบปัดอย่างไม่ใส่ใจ

“มิเป็นไร แค่การละเล่นของเด็กน้อย” พูดด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะเริ่มเก็บกวาดต่อ ต่างจากคนที่ถูกว่าใบหน้าเขียวคล้ำ กู่ก้องเอ็ดตะโร

“ข้าเกิดก่อนเจ้า 100 ปี!!”

“แต่นิสัยยังเด็กมิใช่หรือ?” เซเธอร์หันมาร้องถามพร้อมด้วยรอยยิ้มจริงใจ แต่ในสายตาคนมองอย่างแฮคเตอร์เหมือนจะถูกยียวนอยู่ไม่น้อย

“เซธ!!” ตวาดเสียงดังลั่น ก่อนจะสร้างกระแสลมอีกครา พัดเอาข้าวของกระจัดกระจายเกลื่อนห้องมากกว่าเดิม

“La, la La, la, la, la

La, la La, la, la”

เซเธอร์ไม่ได้ให้ความสนใจ รกก็เก็บ ถ้ามันรกมากนักก็ใช้เวทมนตร์เอาก็ได้ มิเห็นเป็นอันใดเลย เมื่อแฮคเตอร์โดนเมินอย่างสิ้นเชิง ก็ยิ่งเพิ่มความทะมึนให้กับใบหน้าหล่อเหลานั้นอย่างยิ่งยวด

“เซเธอร์!! เจ้าจะมาเมินข้าแบบนี้ไม่ได้นะ!!!”

“อะไรกันเล่าเทพเจ้าแห่งภัยพิบัติ เจ้าว่างมากนักหรืออย่างไร” เซเธอร์ตอบกลับไปอย่างเอื่อยเฉื่อย แต่กลับเพิ่มอารมณ์ของคนฟังให้พุ่งสูงยิ่งขึ้น

“นะ นะ นี่เจ้า!! ข้าเป็นเทพแห่งฤดูกาล!! มิใช่ภัยพิบัติเสียหน่อย! เหตุใดจึงปากคอเราะรายเช่นนี้!”

“อ๊ะ นั่นสินะ ข้าก็ลืมไปเสียสิ้น เพราะเจ้าย่างกรายไปแห่งหนใด ล้วนเกิดเภทภัยทั้งสิ้น จนเกือบจะลืมตัวตนไปเสียแล้ว ขออภัยๆ” ว่าจบก็ค้อมตัวเล็กน้อย แสดงอาการเสียใจอย่างปากว่า ต่างจากคนฟังที่แทบจะอกแตกตายเพราะความยียวนนั้น

ไม่ผิด แฮคเตอร์คือเทพเจ้าแห่งฤดูกาล มีอำนาจในการควบคุม ดิน น้ำ ลม ไฟ อากาศ ในแต่ละพื้นที่ให้มีความแตกต่างกัน ดังนั้นพลังของแฮคเตอร์ จึงมีทั้งด้านที่ดีและไม่ดี ถ้าด้านดี สิ่งมีชีวิตจะเจริญเติบโตงอกงาม หากไม่ดีก็จะเกิดเภทภัยเพื่อควบคุมจำนวนประชากร หากใครจะคิดร้ายกับคนผู้นี้เรียกได้ว่ารนหาที่ตายอย่างแท้จริง

“เจ้านี่มัวแต่เล่นสนุกอยู่ได้” เสียงของคาเตอร์ดังขึ้นเมื่อปรากฏกายอยู่ข้างๆ แฮคเตอร์ เมื่อเห็นดังนั้นแฮคเตอร์จึงรีบเอ่ยปากฟ้องร้องในทันที

“คาเตอร์ ดูน้องของเจ้าเสีย!! คำพูดคำจาไม่น่าฟัง! แถมยังกล่าวว่าร้ายข้า!”

“เท่าที่ข้าฟังมา ข้ามิเห็นว่ามันจะผิดแปลกที่ตรงไหน?” คาเตอร์เอ่ยถามพร้อมเอียงคอ ทำให้คนฟ้องถึงกับอ้าปากค้าง พะงาบๆ ไร้คำพูดใดๆ ออกมาอีก

“หึหึหึ”

“ฮึฮึฮึ” สองพี่น้อง คาเตอร์และเซเธอร์ ต่างกลั้นหัวเราะกันสุดฤทธิ์ คนเป็นพี่รองถึงกับกำหมัดแน่นแล้วเดินสะบัดชายผ้าออกไปจากห้องทันที

“ท่าทางแง่งอนเหมือนอิสตรียิ่งนัก เจ้าอยากจะได้ผู้ใดมาช่วยเกี้ยวให้หรือไม่แฮคเตอร์ ข้าเสกให้เจ้าได้นะ” เซเธอร์ถามพร้อมกับปลายนิ้วมือที่เริ่มขยับไปมา เกิดพลังเวทสีทองที่ปลายนิ้วมือเป็นการแสดงให้ดู ว่าสามารถทำได้ตามที่พูด

“เจ้านี่มัน!! ฮึ้ย!!!” แฮคเตอร์เดินปึงปังออกจากห้องไปในที่สุด คาเตอร์มองตามที่ด้านหลัง แล้วจึงหันมาพยักหน้าชักชวนให้เดินตามไป

ชายหนุ่มทั้งสามมาทรุดตัวลงนั่งอยู่บนโต๊ะรับประทานอาหาร ในขณะที่คาเตอร์สะบัดฝ่ามือใช้พลังเวทสีขาวของตนให้จัดการเก็บข้าวของเข้าที่

“มีอันใดก็ว่ามา ข้าไม่ได้มีเวลาว่างมากนัก” เซเธอร์ถามพร้อมกับยกถ้วยชาขึ้นจิบ กลิ่นหอมของชาจัสมินลอยอบอวลไปทั่วห้องช่วยให้ผ่อนคลายมากขึ้น

“ท่านพ่อจะลงมาด้วยองค์เอง” คำบอกเล่านั้นทำให้เซเธอร์ถึงกับคิ้วกระตุก ก่อนจะเอ่ยปากถามต่อ

“เมื่อไหร่?”

“ไม่รู้ ท่านเพียงเปรยขึ้นเท่านั้น แต่ข้าว่าทำจริง” แฮคเตอร์เป็นคนตอบคำถามนั้นด้วยใบหน้าเคร่งเครียด ในขณะที่คาเตอร์ก็ช่วยเสริมอีกแรง

“ข้ากลัวว่าจะเป็นดังเช่นกาลก่อน..... เจ้าระวังไว้สักหน่อยก็ดี”

“ข้าจะไม่ยอมให้เป็นเช่นนั้นอีก”

“นั่นนายเหนือหัวของเรา ท่านพ่อของเรา เขาจะกระทำการใด ยากแท้หยั่งถึง.....” แววตาของเทพเจ้าแห่งการปกป้องคุ้มครองฉายแววกังวลใจ ก่อนจะพยักหน้ารับ

“ข้าเข้าใจ ขอบใจพวกเจ้ามากที่แวะมาบอก”

“ช่วงนี้ดไวท์เป็นอย่างไรบ้าง”

“ยังเหมือนเดิม หนักข้อขึ้นนิดหน่อย แต่ไม่เป็นไร ไม่ต้องกังวล”

“ข้าจะหาวิธีนำผลซีลอนออกมาให้เจ้าเซธ”

“ขอบใจเจ้ามากแฮคเตอร์ แต่เจ้าเองก็รู้ดีว่าหากนำมันออกจากแดนศักดิ์สิทธิ์มันจะเน่าสลายลงอย่างรวดเร็ว มีเพียงข้าที่ต้องไปหามันเท่านั้น ไม่มีวิธีอื่น” เซเธอร์พูดพร้อมยกยิ้มอย่างเข้าใจ

“เช่นนั้นเราไปขอโมซัมกับท่านพ่อดีหรือไม่” คาเตอร์เสนอขึ้นอีกครั้งอย่างมีหวัง และเช่นเดิมที่เซเธอร์เอ่ยปฏิเสธ

“โกรธเคืองถึงเพียงนั้น คงไม่ให้ยาโมซัมมาเป็นแน่ ขอบใจเจ้าที่เป็นกังวลแทนข้า คาเตอร์”

“เช่นนั้นจะทำเช่นไร?”

“มิต้องทำอันใด ข้าพอใจที่จะอยู่แบบนี้แฮคเตอร์ ข้ามีความสุขมาก” พูดพร้อมจิบชาอีกหนอย่างไม่รู้สึกทุกข์ร้อน จนคนเป็นพี่ทั้งสองต่างลอบมองหน้ากัน และถอดถอนหายใจออกมา

“ข้าจนปัญญากับความดื้อดึงของเจ้านักเซเธอร์” คาเตอร์

“ข้าเองก็หน่ายจะกล่าวเสียแล้ว” แฮคเตอร์

“หึหึ”

“เมื่อหมดธุระแล้ว เช่นนั้นพวกข้าขอตัว ดูแลตนด้วยเซธ เจ้าอ่อนแอลงมากนัก”

“อย่าฝืนตนเกินไปนักล่ะ ถึงเราจะเป็นเทพ แต่ใช่ว่าจะไม่ตาย”

“ข้ารู้น่า พวกเจ้าไปเถอะ” พูดพร้อมโบกมือไล่ ร่างของเทพเจ้าทั้งสองจึงค่อยๆ เลือนหายไปช้าๆ เซเธอร์ว่างแก้วชาลงบนโต๊ะ แล้วเดินออกมานอกบ้าน มือไพล่หลังเอาไว้ ใบหน้าผินมองทิศทางที่น้องน้อยกำลังทำงานอยู่

ข้าเคยพลาด ทำผิด มาหนหนึ่ง

ข้าไม่พึง เกิดขึ้น มาเป็นสอง

ข้าเคยพลาด ผิดพลั้ง เพราะใฝ่ปอง

จึงมัวหมอง มืดมน มาเนิ่นนาน

กว่าจะรู้ เท่าทัน ก็ยากนัก

กว่าประจักษ์ เห็นแท้ ใจร้าวฉาน

ด้วยถูกลวง ล่อหลอก ติดบ่วงมาร

เพราะใจปราน ปรารถนา รักนิรันดร์

เซเธอร์ยืนนิ่งคิดถึงอดีตเพียงชั่วครู่ แล้วจึงกลับเข้าบ้านไปจัดการงานของตน จนเมื่อยามอัสดงมาเยี่ยมเยือน ดไวท์น้อยก็เดินทางกลับมาถึงบ้านด้วยความอารมณ์ดี

“ท่านพี่” เสียงของเด็กน้อย ร้องเรียกให้คนเป็นพี่หันมาหา เด็กน้อยยื่นของสิ่งหนึ่งตรงหน้าเทพเจ้าแห่งการปกป้องคุ้มครอง

“ข้าให้ขอรับ” ดไวท์พูดพร้อมรอยยิ้ม ในมือถือช่อดอกไม้ชนิดหนึ่ง มันคือดอกเยอบีร่าหลากสีสัน คนพี่ก็เอื้อมมือไปรับไว้พร้อมกับเอ่ยถามไปพลาง

“เจ้ารู้จักความหมายของมันหรือไม่ดไวท์” เด็กน้อยทำท่าคิด ก่อนจะส่ายศีรษะเล็กไปมา เซเธอร์จึงยกยิ้ม พร้อมกับเอ่ยปากบอกต่อ

“เธอคือแสงอาทิตย์แห่งชีวิตฉัน นั่นล่ะ คือความหมายของมัน ขอบใจดไวท์” เซเธอร์พูดพร้อมกับโน้มตัวลงเข้าไปใกล้

ฟอด!

“รางวัล” เสียงทุ้มนุ่มพูดกระซิบข้างใบหูเล็ก ต่างจากดไวท์ที่ใบหน้าเริ่มขึ้นสีจัด ก่อนจะลามแดงไปทั่วหน้าอย่างชัดเจน ก้มหน้าลงต่ำ พร้อมกับยืนบิดชายเสื้อของตัวเองไปมา ริมฝีปากเล็กถูกขบกัดเพื่ออดกลั้นอาการ เมื่อเซเธอร์เห็นเช่นนั้นจึงร้องบอกอย่างเย้าแหย่

“เจ้าไม่สบายหรือดไวท์ ตัวร้อนหรือไม่” ถามพร้อมกับแนบหน้าผากของตนลงกับศีรษะเล็ก ใบหน้าใกล้กันจนรับรู้ถึงลมหายใจที่เป่ารินรดริมฝีปาก เด็กน้อยดวงตาเบิ่งโผล่งนิ่งค้าง ก่อนที่เซเธอร์จะถอนออกด้วยความเสียดายที่ปรากฏอยู่จางๆ

“สงสัยเจ้าจะมีไข้จริงๆ เสียแล้ว ตัวร้อนเช่นนี้เชียว ดูสิ แดงไปทั่วทั้งตัวแล้วนั่น” พูดจบก็จับข้อมือของเด็กน้อยขึ้นดู ใกล้ๆ ฝ่ามือเล็กเรียวขาวดุจหิมะ ขาวเสียจนมองเห็นชัดถึงเส้นเลือดภายใต้ผิวหนังบาง ผิวเรียบเนียนนุ่มนิ่มคล้ายกับอิสตรี จนเทพเจ้าแห่งการปกป้องคุ้มครองทนไม่ไหว ประทับริมฝีปากลงกับหลังมือนั้น

“ทะ ทะ ท่านพี่... ขะ ข้า ข้าว่า เหมือนข้าจะป่วยเลยขอรับ”

“เจ้ารู้สึกอย่างไรดไวท์?”

“ขะ ข้า ข้ารู้สึก หัวใจเต็นเร็ว มันร้อนไปหมด ในท้องของข้าวูบโหวงราวกับมีผีเสื้อกระพือปีกอยู่ภายใน ตะ ตัวร้อนวูบวาบไปทั้งตัว” เด็กน้อยพูดพร้อมกันหันสายตาหลบ ก่อนจะเอ่ยต่อ

“ขะ ข้า ข้าไม่อาจมองหน้าท่านพี่ได้เลยขอรับ”

“หึหึ เด็กน้อยของข้า เจ้ามิได้ป่วยไข้ตรงไหนหรอกหนา วางใจได้”

“จะ จะไม่เป็นอะไรจริงๆ หรือขอรับ” เด็กน้อยกัดริมฝีปาก เงยหน้าขึ้นถามด้วยใบหน้าแดงก่ำ เซเธอร์จึงเชยปลายคางมนเล็กนั้นขึ้น มองจ้องเข้าไปในดวงตาสีดำสนิท โน้มตัวลงไปใกล้อีกนิด พูดด้วยเสียงแผ่วเบาราวกระซิบ

“เจ้ามิได้ป่วยอันใดหรอกดไวท์ ก็แค่เจ้า... น่ารักเกินไป” ว่าจบก็ประทับริมฝีปากแผ่วเบาเพียงไม่กี่วินาที แล้วผละออก ต่างจากเด็กตัวน้อยที่ตาโตเท่าไข่ห่าน ใบหน้าแดงก่ำ ลำตัวสั่นทิ่มก่อนจะเอ่ยบอกให้พี่ชายได้รับรู้

“ขะ ขะ ขะ ข้า ข้ารู้สึก เหมือนว่าตัวข้ากำลังจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ขะ ข้า ข้าอยากละลายกลายเป็นผุยผงหายไปเสียเดี๋ยวนี้ขอรับ” เด็กน้อยพูดพร้อมกับจับกระชับเสื้อที่อกของเทพเจ้าแห่งการปกป้องคุ้มครองเอาไว้แน่น เพื่อใช้แทนหลักยึดพยุงตัว

“ข้าจะพาเจ้าอาบน้ำ ดีหรือไม่ดไวท์” เซเธอร์พูดรอยยิ้มผุดพราย น่าแปลกที่เป็นรอยยิ้มแบบเดิม แต่ไม่รู้ว่าทำไมดไวท์กลับรู้สึกไม่เหมือนเดิม แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไรออกไป เด็กน้อยก็ถูกอุ้มขึ้น ตกอยู่ภายใต้วงแขนแข็งแกร่งในท่าเจ้าสาว ก่อนที่คนตัวสูงจะก้าวสาวเท้ามุ่งตรงไปที่ห้องน้ำอย่างรวดเร็ว เมื่อมาถึงแล้วก็จับเด็กน้อยยืนบนพื้น แล้วเริ่มลงมือถอดเสื้อผ้าออกจากร่างเล็ก

“อะ อะ อ่อ ทะ ทะ ท่านพี่ ข้าทำเองได้ขอรับ ขะ ขะ ข้าจะอาบเอง ท่านพี่ออกไปก่อนเถอะขอรับ”

“มิเป็นอะไรดไวท์ ข้ายังไม่ได้เตรียมน้ำไว้ให้เจ้า อีกทั้งเจ้าบอกว่ารู้สึกเหมือนจะป่วยมิใช่หรือ? รีบอาบเข้าเถอะ เดี๋ยวจะไม่สบายหนักเอาได้” พูดพร้อมถอดเสื้อผ้าชิ้นสุดท้ายออกจากร่างเล็ก เด็กน้อยใช้มือข้างหนึ่งปกปิดของส่วนตัวขนาดเล็กของตน ในขณะที่อีกมือใช้ปกปิดเรือนร่างแล้วหันหลังให้อย่างสิ้นเชิง

เซเธอร์ไม่ปล่อยให้ดไวท์ยืนรอนานนัก รีบจัดการปลดอาภรณ์ของตนออกอย่างรวดเร็ว แล้วไปตวัดแขน โอบอุ้มร่างบางเข้ามาไว้ในอ้อมกอดอีกครา ก่อนจะก้าวเท้าพาลงน้ำไปด้วยกัน

“เย็น!” เด็กน้อยร้องบอก พร้อมกับห่อหุ้มตนเองไว้แน่น

เมื่อลงอ่างมาได้ก็รีบผละออกจากอกของพี่ชายในทันใด ต่างคนต่างอยู่กันคนละมุมของอ่าง ในขณะที่เซเธอร์นั่งพิงขอบอ่างฝั่งหนึ่ง เห็นเด็กน้อยในปกครองนั่งตัวสั่นอยู่ที่อีกฟากของอ่าง จึงยกมือขึ้นอย่างรอคอย

“มาสิดไวท์ ข้าจะทำให้เจ้าอุ่นเอง” เด็กน้อยกะพริบตาปริบๆ ก่อนจะถามเสียงแผ่ว

“ทำ... ให้อุ่นหรือขอรับ?”

บทก่อนหน้า
บทถัดไป