บทที่ 5 ชีวิตข้า ฝากไว้ในมือท่าน....
.
.
.
“ทำไมถึงยังอีกละขอรับ” คนเป็นพี่นั่งมองเด็กน้อยที่กำลังผุดลุกผุดนั่ง เดินวนไปวนมาด้วยใจจดใจจ่อ เซเธอร์ทำอะไรไม่ได้นอกจากเบือนหน้าหนีด้วยไม่อยากเห็นภาพถัดไปที่จะเกิดขึ้น
หลังจากที่เอ่ยปากเตือนเด็กน้อยไปนั้น เด็กน้อยของเขาก็ทำเช่นปกติในทุกๆ วัน ออดอ้อนมารดาด้วยตากลมโตใสแจ๋ว พูดคุยหยอกล้อกันด้วยรอยยิ้มอยู่เสมอ ไม่ต่างจากวันปกติสักเท่าไหร่ ตั้งแต่วันนั้นจนกระทั่งวันนี้ผ่านมาแล้ว 2 สัปดาห์
แม้มารดาของเด็กน้อยจะมองด้วยความแปลกใจและถามหาเหตุผล เด็กน้อยก็ร้องบอกเพียงแค่
‘พี่ชายบอกให้ข้ารักท่านแม่เยอะๆ’
นั่นทำให้คนเป็นแม่ยกยิ้มด้วยความเอ็นดู และแล้ววันนั้นก็มาถึง ซึ่งก็คือวันนี้ เขามองเห็นความกังวลใจของมารดาในยามที่ก้าวเดินออกจากบ้าน นางหันกลับไปมองลูกชายที่ยืนคอยส่งอยู่บ่อยครั้ง จนเกือบจะถึงต้นไม้ที่เขาใช้เป็นที่พักพิง ก่อนที่นางจะสาวเท้ากลับไปหาบุตรชาย ย่อตัวลงให้เสมอกัน ดึงบุตรเข้ามากอด พรมจูบไปทั่วใบหน้า บอกว่ารักนักหนาและให้ระวัง อย่าออกไปเล่นซนที่ไหน เด็กน้อยรับคำเสียงใส สัญญาเป็นมั่นเป็นเหมาะ ตกปากรับคำ ผู้เป็นแม่จึงได้วางใจ ผละจากไปอีกครั้ง ในตอนที่นางผ่านต้นไม้ใหญ่ ก็หยุดชะงักนิ่งอีกครา
“ข้ามีลางสังหรณ์ว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีนัก ใจของข้าไหววูบด้วยความกังวล ข้าหวังว่าท่านจะรักษาคำสัญญาที่เคยให้ข้า ที่ว่าจักปกป้องดูแลเขาอย่างดี ข้าฝากท่านด้วย ผู้ที่ข้าไม่เคยหน้าหรือแม้แต่ทราบนามของท่าน” คำพูดนั้นล่องลอยไปกับสายลม ไม่รู้ว่าคนที่ตั้งใจจะสื่อถึงได้ยินหรือไม่ แต่เมื่อได้พูดออกไปก็คลายความกังวลในใจลงได้มาก นางจึงถอนหายใจช้าๆ แล้วก้าวเดินไปตามทางของตน ไม่ได้ยินถ้อยคำตอบรับจากอีกฝ่าย
‘ข้าจักดูแลเขาดั่งดวงใจของข้า ข้าให้สัญญา’
สายตามองจ้องหญิงสาวที่เดินจากไปช้าๆ ก่อนจะหันกลับมามองเด็กน้อยที่ยังคงยืนยิ้มมองตามหลังมารดาไปด้วย ก่อนจะเลยมาหาเขาส่งยิ้มทักทาย แล้วผลุบหายเข้าไปในบ้าน จัดการบ้านช่อง
เด็กน้อยก็ยังคงเป็นเด็กน้อย เขายังคงยิ้มแย้มแจ่มใส วิ่งเล่นอย่างสนุกสนาน ร้องขอให้พาไปดูที่ใหม่ๆ และเซเธอร์เลือกที่จะพาไปที่ป่าอีกทาง ด้วยป่าเดิมที่เคยเห็นไม่เหลือสภาพเดิมอีกต่อไป ใช่.... ป่าที่เขาพาเด็กน้อยไปเที่ยวเล่นในครั้งก่อน ตอนนี้ไม่ต่างกับทะเลเลือด เกิดสงครามแย่งชิงดินแดนทันทีที่หมดเหมันต์ฤดู สัตว์น้อยใหญ่ล้มตายเป็นจำนวนมาก ไม่เพียงเท่านั้น มนุษย์เองก็เช่นกัน
จากป่าที่มีสรรพชีวิตอยู่อาศัยอุดมสมบูรณ์ ตอนนี้ไม่ต่างกับสถานที่รกร้างที่เต็มไปด้วยซากศพของร่างไร้วิญญาณ ตอนที่แสดงภาพอนาคตสั้นๆ ให้เด็กน้อยได้ดู หากจะให้แสดงต่อจากนั้น จะกลายเป็นภาพที่ลูกธนูพุ่งตรงเข้าที่กลางลำตัวของกวางป่า ติดตามมาด้วยภาพของการไล่ล่าหมายเอาชีวิต ดอกไม้และต้นหญ้าถูกย่ำยีไม่เป็นชิ้นดี ภาพพระอาทิตย์ยามอัสดงจะแปรเปลี่ยน แผ่นดินจะนองไปด้วยเลือด
และเพราะข่าวนั้นที่มีมาสักพักใหญ่ ทำให้มารดาของเด็กตัวจ้อยเลือกที่จะปกปิด และบอกให้บุตรอยู่เฝ้าบ้านเพื่อความปลอดภัย ในช่วงหลังมานี้นางไม่ได้ทำงานที่ร้านอบขนมอีกต่อไป แต่ถูกเกณฑ์เข้าเป็นแม่ครัวของกองทัพ ไม่ได้เงินแม้เพียงเสี้ยว ได้เพียงอาหารนำกลับมาทานที่บ้านเพื่อประทังชีวิต
“ท่านพี่ นี่ก็ดึกแล้วนะขอรับ ทำไมท่านแม่ยังไม่มาเสียที” เด็กน้อยหันมาร้องถามด้วยความว้าวุ่นใจ ใบหน้าน้อยๆ ขมวดคิ้วหมุน เกิดความกังวลใจ
“......” คนเป็นพี่ไม่อาจพูดอะไรได้ ได้แต่หันหน้าหลบเด็กน้อยด้วยความจนใจ
“ท่านพี่ เป็นอะไรไปขอรับ” เด็กน้อยขยับมาอยู่ตรงหน้า มือน้อยๆ จับกุมมือใหญ่เอาไว้แน่น
“ข้ามิเป็นอันใดดไวท์” ตอบกลับเบาๆ ดึงมือออกจากการจับกุม ยกขึ้นลูบศีรษะเล็กแผ่วเบา เด็กน้อยจึงผละไป ออกไปชะโงกดูหน้าบ้านอีกครั้ง เดินย่ำอยู่กับที่เป็นวงกลม ก่อนจะร้องบอก
“ข้าจะออกไปตามหาท่านแม่” เพียงเท่านั้นก็วิ่งออกจากบ้าน โดยไร้แสงนำทาง จนคนพี่ต้องรีบเดินตามออกมา
“เดี๋ยว! ดไวท์!” ฝ่ามือหนารีบสร้างลูกไฟขนาดใหญ่ประมาณหนึ่ง บนฝ่ามือ ผลักมันให้บินนำหน้าเด็กน้อยคอยส่องแสงนำทางให้ ในขณะที่ตนเองก็ก้าวเท้ายาวๆ ติดตามไปด้วย ทั้งๆ ที่มีปีกใหญ่ กระพือเพียงครั้งก็ถึงจุดหมายได้ในเวลาอันรวดเร็ว หากแต่เลือกที่จะไม่ทำ เร่งฝีเท้าก้าวเดินตามหลังเด็กน้อยไปติดๆ เพื่อยืดเวลาอีกเล็กน้อย
“ข้าขอโทษดไวท์....” เสียงทุ้มเต็มไปด้วยความเศร้า มองหลังของเด็กน้อยที่เริ่มวิ่งนำไกลออกไป ในขณะที่ตัวเองเริ่มกระพือปีกบินนำหน้าไปก่อน และหยุดลงที่ตรงหน้าของเด็กน้อย ขวางทางเอาไว้ ไม่อาจปล่อยผ่านไปได้
“ท่านพี่ หลบไปก่อนขอรับ ข้าจะไปหาท่านแม่” เด็กน้อยร้องบอกก่อนจะขยับเท้าไปทางซ้าย คนพี่ก็ขยับมาบังไว้ พอขยับไปทางขวา ก็บังอีก เท่านั้นไม่พอ ยังกางปีกทั้งสองข้างออกกว้าง เป็นการปิดช่องทางโดยสมบูรณ์
“อ๊ะ! ท่านพี่! ข้าไม่เล่นนะขอรับ!” เด็กน้อยตะโกนก้องด้วยความฉุนเฉียวที่ถูกขวางทาง
“ดไวท์ กลับไปที่กระท่อมเถิด”
“ไม่ขอรับ!!! ข้าจะไปหาท่านแม่!!” พูดพร้อมขยับเท้า วิ่งไปซ้าย ตั้งใจจะอ้อมผ่านไป แต่ปีกใหญ่ขยับขวางอีกครา จนเด็กน้อยเริ่มโมโห
“ท่านพี่!!”
“ข้าให้เจ้าไปไม่ได้ดไวท์ ในเมืองกำลังมีเรื่องไม่ดี”
“เช่นนั้นข้ายิ่งต้องไป!!! ท่านแม่ของข้าอยู่ที่นั่น!!!” ว่าจบเด็กน้อยก็มุดตัวลอดผ่านใต้ปีกไป แล้วออกวิ่งอีกครั้ง จนคนเป็นพี่รีบหมุนตัวกลับมาพร้อมกับจับคว้าคนตัวเล็กเอาไว้
“เจ้าไปไม่ได้”
“ท่านพี่!! ปล่อยข้า!!” ว่าจบก็กัดลงที่แขนแกร่งเต็มแรง ไม่สนใจว่าคนโดนจะเจ็บปวดเพียงใด หยาดโลหิตสีม่วงอเมทิสต์ ซึมตามไรฟันของเด็กน้อยและไหลเข้าปากไป เมื่อเด็กน้อยรับรู้รสชาติก็รู้สึกตัว รีบผละออก ผลักคนเป็นเทพที่ตนนับถือเป็นพี่ชายออกทันควัน
พลั่ก!
“ได้โปรด.... อย่าขวางข้าเลยขอรับ” พูดพร้อมกับหันหลังออกวิ่งอีกครา คนพี่ยกแขนที่มีรอยฟันของเด็กน้อยขึ้นดู
“ชาติที่แล้วก็เป็นเช่นนี้” พูดแล้วจึงละสายตา ตั้งใจจะเข้าไปขวางเด็กน้อยอีกครั้ง โดยที่ไม่รู้เลยว่าตนอยู่ใกล้เมืองถึงเพียงนี้
แปะ!
“มะ ไม่จริง ฮึก ไม่จริง” เด็กน้อยที่วิ่งมาจนถึงประตูเมือง เห็นเพียงเศษซากที่ถูกไฟเผาไม้จนวอดวาย ทรุดตัวนั่งลงอยู่ที่ประตูเมือง เมืองใหญ่ที่เคยมีผู้คนพลุ่งพล่าน บัดนี้เหลือแต่เศษซากของความทรงจำ เมืองทั้งเมืองหายวับไป เหลือเพียงแค่ขี้เถ้าและซากปรักหักพัง
“ไม่จริง.... ฮืออออ ไม่จริง”
“ดไวท์” คนพี่ที่ตามที่หลังทรุดตัวนั่งลงตรงหน้า ดึงน้องเข้ามาไว้ในอ้อมกอด ปีกสองข้างโอบกอดเอาไว้จนมิด ปกป้องจากทุกสิ่งที่จะทำให้ใจดวงน้อยแหลกสลาย
“ฮึก ฮือออออออออ ไม่จริง!!! ท่านแม่!! ท่านแม่!!” เด็กน้อยผลักอกร่างแกร่งออกอย่างแรง และพยายามดิ้นรนออกจากอ้อมกอดที่รัดแน่น ร้องเรียกปานจะขาดใจ แต่คนที่โอบกอดอยู่ในขณะนี้แข็งแกร่งเกินไป ไม่มีทางยอมให้เด็กน้อยหลุดออกไปได้อีก ทำเพียงกอดคนตัวเล็กเอาไว้แน่น
“ฮืออออ ท่านแม่ ฮือออ ท่านแม่ ท่านแม่ ฮืออออ” เสียงร้องกรีดลงที่กลางใจคนฟัง ได้แต่กดหัวของคนตัวเล็กให้ซุกลงที่อก ปีกทั้งสองข้างเข้าโอบกอดอย่างแน่นหนา หลายชั่วยามกว่าเสียงที่ร่ำร้องปานจะขาดใจนั้นเงียบลง เสียงคร่ำครวญด้วยความเศร้ายังคงดังผะแผ่ว แม้ว่าเด็กน้อยจะผล็อยหลับไปแล้วก็ตามที
คนพี่ผละออก จับใบหน้าเล็กหันดู หยาดน้ำตาเกาะพราวที่ขนตางอน เปรอะเปื้อนไปทั่วแก้มใส จมูกและผิวแก้มแดงก่ำ จนคนมองหัวใจสะท้าน ราวกับถูกกรีดซ้ำที่แผลเดิมเหมือนที่เคยเป็น โน้มตัวลง กดจูบซับตามใบหน้า หวังลบรอยคราบน้ำตาออกจากใบหน้าจิ้มลิ้ม ฝ่ามือหนาโบกสะบัดเพียงครั้ง เกิดแสงส่องประกายสีเหลืองทองเป็นเส้นสายกระจายทั่วพื้นที่ ก่อนที่ร่างๆ หนึ่งจะลอยเหนือพื้น ขยับเข้ามาใกล้ พลังสีทองสว่างเข้าไปเกาะกุมลูกธนูนั้นไว้ เกิดการสั่นไหวเบาๆ ไปมา ลูกธนูค่อยๆ ถูกดึงออกจากร่างช้าๆ และตกลงสู่พื้น
มารดาของเด็กน้อยถูกลูกธนูปักเข้าที่อก และนางกระเสือกกระสนพาตัวเองไปที่นอกเมืองเพื่อกลับบ้าน แต่นางสิ้นลมก่อนที่จะถึง และถูกผู้คนอีกมากล้มทับเอาไว้เป็นกองสูง ซากศพมากมายที่ด้านบนถูกเผาไหม้ และยังไม่ลงไปถึงด้านล่าง สภาพศพของนางจึงค่อนข้างสมบูรณ์
เทพเจ้าแห่งการปกป้องคุ้มครองอุ้มเด็กน้อยขึ้นแนบอก กางปีกออกกว้าง แล้วพาบินกลับกระท่อมหลังเล็ก พร้อมๆ กับศพของมารดา พานางกลับมาส่งที่บ้านอย่างที่ใจหวัง เมื่อเท้าแตะลงที่พื้น สัตว์น้อยใหญ่ที่อยู่โดยรอบพากันออกมาต้อนรับ รอฟังคำสั่งจากนายเจ้าชีวิต
“ขุดหลุมสำหรับนาง จัดหาดอกไม้พร้อมทั้งของใช้ที่จำเป็น เพื่อให้นางนอนพักอย่างสงบสุข” เพียงเท่านั้นเหล่าสรรพสัตว์ก็พากันไปขุดหลุมที่แปลกผักหลังบ้าน พร้อมๆ กับพาศพของนางไปด้วย เขาจึงอุ้มเด็กน้อยไปนอนพักเตียง จัดการเปลื้องเสื้อผ้าและเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้ หยาดน้ำสีใสยังคงไหลริน สิ่งที่เขาทำมีเพียงการกดจูบซับและกระซิบถ้อยคำข้างใบหูเล็ก
“มันจักต้องผ่านไป เข้มแข็งไว้ ดไวท์ ข้ารู้ว่าเจ้าทำได้ ข้าอยู่กับเจ้า” พูดจบก็กดจูบที่หน้าผาก สวมใส่เสื้อผ้าให้ตามเดิม และนอนกอดเด็กน้อยเอาไว้
“ท่านแม่ ฮึก ท่านแม่ ฮึก ฮือออ ท่านแม่ อย่าทิ้งข้า...”
“ชู่ว จงหลับพักผ่อนเถิดหนา ไม่ช้ามันจะผ่านไป”
“ท่านแม่ ท่านแม่...” วงแขนแกร่งตระกองกอดเด็กน้อยแน่นขึ้นไปอีก ฝ่ามือลูบศีรษะและแผ่นหลัง ใช้อกของตนต่างผ้าซับน้ำตา ริมฝีปากเรียวได้รูปกระจับกดจูบตามดวงหน้าซ้ำๆ ขยับปากเอื้อนเอ่ยถ้อยคำปลอบประโลม
“ดไวท์....”
“ท่านแม่ ฮึก ท่านแม่ ฮืออออ” คนพี่กอดน้องกล่อมให้นอนหลับพักผ่อน นิ้วมือขยับเกลี่ยน้ำตาใสออกอย่างต่อเนื่อง หัวใจเจ็บปวด ถูกกรีดด้วยความทุกข์ทรมาน รู้ทั้งรู้ว่ามันจะเกิดขึ้น แต่ไม่อาจฝืนชะตาชีวิตได้ ทุกสิ่งล้วนเกิดขึ้นและดับสิ้นไป ยกเว้นเว้นเทพและมารที่เป็นราวข้อยกเว้น มีช่วงชีวิตที่ยืนยาว อยู่เหนือเงื่อนไขใดๆ ทั้งปวง
เมื่อใกล้ย่ำรุ่ง เด็กน้อยในอ้อมแขนจึงสงบลง อาการเพ้อหาผู้เป็นมารดา หยาดน้ำตาและใบหน้าขมวดหมุน คล้ายติดอยู่ในฝันร้ายจึงค่อยๆ ทุเลาลง คนพี่ออกคำสั่งต่อสรรพสัตว์ ฝากฝังให้ช่วยดูแล ในขณะที่ตนเองออกไปจัดหาอาหารตระเตรียมเอาไว้ให้ยอดดวงใจ
“ข้าฝากพวกเจ้าดูแลเขาให้ข้าด้วย ข้าไปเพียงไม่นาน จะรีบกลับมา” เหล่าสรรพสัตว์ส่งเสียงร้องเบาๆ เป็นการตอบรับ เซเธอร์จึงวางใจ ขยับปีกออกบิน หาเก็บผลหมากรากไม้ ซากสัตว์ที่ตายแล้วบางส่วน ตัดเพียงชิ้นเนื้อเพื่อนำมาประกอบอาหารให้เด็กน้อยได้กินลดทอนความหิวโหย
“เขาเป็นอย่างไรบ้าง”
‘ยังหลับพักผ่อน’ เสียงของนกตัวหนึ่งร้องบอก เทพเจ้าแห่งการปกป้องคุ้มครองจึงพยักหน้ารับเบาๆ เชิงรับรู้ แล้วจึงหันไปจัดเตรียมอาหารให้พร้อมทาน ในขณะที่จัดโต๊ะอยู่นั้นเอง เด็กน้อยที่มีดวงตาบวมแดง ใบหน้าขึ้นสีแดงจัด เดินผ่านหน้าเซธไปช้าๆ ไม่มีแม้แต่คำทักทายให้ได้ยิน ดวงตาเลื่อนลอย มุ่งตรงไปที่ประตูบ้าน ดึงให้เปิดอ้าออก แล้วเดินออกไปโดยไม่พูดอะไร
เมื่อเซเธอร์เห็นเช่นนั้นจึงรีบละมือจากงานตรงหน้า เดินตามเด็กน้อยไปติดๆ ก่อนที่จะรับรู้ได้ว่าเด็กน้อยต้องการจะไปที่ใด จึงก้าวเท้าให้เร็วขึ้น รีบรุดขึ้นหน้า ขวางทางเอาไว้
เด็กน้อยเงยหน้ามองจ้องด้วยความเฉยชา ในแววตาไม่ปรากฏอารมณ์ใดๆ ให้เห็น ดวงตาหม่นแสงกว่าที่เคยจนใจหาย คล้ายกับจิตวิญญาณแตกสลายดับสูญสิ้น
“นางรอเจ้าอยู่ที่หลังบ้าน เด็กน้อย” พูดพร้อมลูบหัวเบาๆ เพียงเท่านั้นเด็กน้อยก็หมุนตัว เดินมุ่งตรงกลับเข้าบ้านอีกครา หากแต่ครั้งนี้ไม่ได้เข้าไปในตัวบ้าน แต่เดินมาที่แปลงผักแทน มีหลุมศพอยู่ไม่ไกลนัก แผ่นป้ายรูปไม้กางเขนถูกตั้งอยู่ พร้อมพวงมาลัยดอกไม้ที่สวยสดงดงาม หากแต่ในเวลานี้มันเข้าไปไม่ถึงใจของเด็กน้อยแม้เพียงสักเสี้ยว
เด็กน้อยเดินไปทรุดตัวลงนั่งที่ข้างหลุมศพนั้น ปล่อยให้หยาดน้ำสีใสไหลอาบใบหน้าไปเรื่อยๆ อย่างไม่คิดที่จะยกมือขึ้นเพื่อปาดมันทิ้งไป คนพี่เดินกลับเข้าห้องครัวอีกครั้ง ถือเอาโจ๊กอุ่นๆ ที่มีสารอาหารครบถ้วนติดมือไปด้วย ทรุดตัวลงนั่งตรงหน้าเด็กน้อย วางถ้วยไว้ข้างกาย ขยับเข้าไปกอดเด็กตัวน้อยเอาไว้แน่น
“เจ้าเศร้าได้..... ข้าไม่ว่า
เจ้าร้องไห้ได้.... ข้าไม่ว่า
เจ้าคร่ำครวญได้.... ข้าไม่ว่าเช่นกัน
ขอเพียงหลังจากที่เจ้าทำเรื่องราวเหล่านั้น จงกลับมาเป็นเด็กน้อยของข้าตามเดิม ดไวท์.....” เด็กน้อยนั่งฟังเงียบๆ โน้มตัวลงจนหน้าผากซุกซบอยู่ที่อกกว้าง ปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาอย่างต่อเนื่อง ไหล่เล็กสั่นไหวรุนแรง และมันก็กลายเป็นเสียงสะอื้นไห้ในเวลาถัดมา
“ฮึก ฮืออออ ท่านแม่ ฮือออ ท่านแม่ ท่านพี่ ท่านแม่จากข้าไปแล้ว ท่านแม่ละทิ้งข้า ฮืออออ จากนี้ข้าจะอยู่กับใคร ทำไมท่านแม่ไม่พาข้าไปอยู่กับนางด้วย ฮือออออ ข้าถูกทอดทิ้ง ข้าถูกทอดทิ้ง.....”
“ไม่ดไวท์ เจ้าไม่ได้อยู่เพียงลำพัง เจ้ายังมีข้า จำคำสัตย์สัญญาของข้าได้หรือไม่ และข้าจะทำมันต่อไป เจ้าไม่ได้โดดเดี่ยวดไวท์ ไม่โดดเดี่ยว....”
“ฮืออออ ท่านพี่ ฮือออออ ข้าทุกข์ใจยิ่งนัก ฮือออออ”
“ร้องออกมาเด็กน้อยของข้า ข้าจะตระกองกอดเจ้าไว้ในอ้อมแขน ข้าจักลูบไล้เส้นผมและแผ่นหลังเจ้า ข้าจักปกป้องและคุ้มภัยให้เจ้า”
“ฮือออออ ท่านพี่ ฮืออออ ชีวิตข้า ฮือออ ฝากไว้ในมือท่านแล้ว ฮืออออ”
