บทที่ 2 ตอนที่ 2

มีนาตัดบทไม่อยากนอกเรื่องกับเด็กอ่อนวัยกว่า เขาไม่เหมือนหนุ่มที่เพิ่งเรียนจบ เพราะทั้งรูปร่างหน้าตา เป็นผู้ใหญ่เต็มตัว ดวงหน้าล้อมกรอบด้วยตอเคราเขียวๆ แม้มองออกว่าเพิ่งโกน เขาคงขนดกอยู่สักหน่อย การสวมสูทหรูหราสีเทาส่งให้รูปร่างเขาสูงสง่า สมบูรณ์ครบครันความเป็นบุรุษเพศ

ผมเขาสีอ่อนตัดรองทรงสั้นตามชาติพันทางพ่อ หากแต่ยังคงมีความเป็นสีดำตามฝ่ายแม่ เธอรู้จักคุณไข่มุก ที่เป็นภริยาท่านประทาน นางสวยน่ารักใจดีแบบคุณนายฝรั่ง แต่ไม่เคยรู้จักทายาทของท่าน เพราะตลอดเวลาที่ทำงานอยู่ในทัชเลิฟ เธอไม่ได้ใส่ใจตรงจุดนั้นมีหน้าที่ทำงานในงานที่ได้รับมอบหมายก็เพียงพอ

อากาศในห้องประชุมอันแสนเย็นฉ่ำ ด้วยเครื่องปรับอากาศที่ถูกเปิดไว้ความเย็นเต็มบีทียู กลับกลายเป็นอบอ้าวขึ้นมาในบัดดล เมื่อระหว่างปรึกษางาน ในรายละเอียดแผนงานที่เพชรวางโครงการไว้ เขาสบประสานนัยน์ตากับมีนา บ้างหยอกล้อ บ้างเย้ายั่ว ด้วยคำพูดเชิงจีบ...ถ้าไม่คิดเข้าข้างตัวเองเกินไป เขา...จีบเธออย่างแน่นอน แต่ผู้ชายเด็กกว่าเพิ่งเรียนจบก็มีบ้างที่วาจาคึกคะนองตามวัย มีนาบอกตัวเองอย่าได้สนใจมาก สนใจแค่เนื้อหาของงานเท่านั้นเป้นพอ

หลังจากบรรยากาศอุ่นๆ จบลง โดยที่มีนาแอบเกร็งปลายเท้า เพราะความมากเสน่ห์ นุ่มลึก และแฝงมุกทะลึ่งบ้างเป็นบางครั้งจากหนุ่มน้อยตรงหน้า ตอนนี้ก็ได้เวลาผ่อนคลาย เมื่อสาระในการพูดคุยน่าจะจบแล้ว

“ถ้าคุณเพชรไม่มีอะไรเพิ่มเติม นอกจากต้องการข้อมูลทางการตลาดเก่าๆ เพื่อนำไปศึกษาคู่แข่ง และการทำการวิจัย ดิฉันขอตัวนะคะ” มีนาลอบพรูลมหายใจอย่างโล่งอกทั้งๆ ที่ยังไม่โล่งจริงๆ

“เดี๋ยว” เสียงทุ้มเอ่ยรั้งสตรีอายุเยอะหน้าเด็กไว้ ผิวพรรณอย่างมีนาไม่น่าป้า หรือพี่ด้วยซ้ำ เขาอยากเรียกเธอว่าน้อง หรือแค่มีนาเท่านั้น นิยามคำว่าพี่ไม่เหมาะกับมีนาเลยให้ตายเถอะ

“มีอะไรเพิ่มเติมเหรอคะคุณเพชร” ยิ่งเรียกชื่อเขาความรู้สึกในใจมีนา ก็เหมือนเขาเป็นสิ่งเลอค่าควรค่าแก่การครอบครอง หากแต่เสียอย่างเดียวเธอไม่ชอบเด็ก หญ้าอ่อนด้วยแล้วรู้สึกเหม็นเขียว น่ารำคาญ

“หยุดเรียกคุณเพชร” ชายหนุ่มหน้าหล่อสะท้านทรวง เอ่ยทักท้วงแฝงคำสั่งแก่หญิงสาว ผู้วางตัวเป็นผู้ใหญ่เต็มตัวมากกว่าชายเช่นเขา เขาเด็กกว่าก็จริง แต่ตัวโตกว่าเธอหลายเซนติเมตร ตัวบางๆ เล็กๆ หน้าอ่อนๆ แบบนี้ถ้ายืนเทียบคงเท่ารักแร้ของเขาเท่านั้นเอง

“อ้าว แล้วจะให้เรียกอะไรล่ะคะ คุณเพชรเป็นถึงลูกชายท่านประทาน ส่วนดิฉันก็อาวุโสกว่า ทั้งหน้าที่การงาน อายุ เราจะต้องเรียกกันแบบไหนล่ะ” น้องเพชร หลานเพชร หรือเด็กชายเพชร ตัวโตขนาดนี้พ้นเด็กชายมานานแล้ว ที่เหมาะสมที่สุดคือคุณเพชรอย่างที่เธอเรียกเขานั่นล่ะ

“เรียกผมเพชร แทนตัวเองมีนา ตกลงนะ” เขาบอกลึกๆ กว่าบอกคือสั่ง เพราะสายตาเขาบ่งบอกว่ามันควรเป็นเช่นนั้น

“เอ่อ...ไม่ค่ะมันไม่ถูกต้อง” มีนาเอ่ยปฏิเสธอย่างละมุนละม่อม

“ถ้าไม่เรียกก็ไม่น่าจะได้ออกจากห้องนี้นะ”

“เอ๋...อะไรคุณเพชร” ดวงหน้าหวานสวยอ่อนละไม เอี่ยวหน้ากลับมาหาคนสั่งด้วยสีหน้าไม่ค่อยเข้าใจมุกที่ไม่ตลกของเขานัก เขาจะมามุกไหนกับเธอ อย่างไรเขาควรให้เกียรติเธอในฐานะเป็นรุ่นพี่ แม้เธอจะเป็นพนักงานในบริษัทพ่อของเขาก็ตาม

ชายหนุ่มอ่อนอาวุโสกว่าคนถามก้าวเข้าไปชิดร่างเล็ก ได้ถอยกรูดเมื่อถูกจู่โจม ความตระหนกครอบคลุมหัวใจบอบบาง ที่เต้นโครมครามราวกับแผ่นดินที่เนปาลไหว ต่อให้เขาเด็กกว่าและเธอไม่สนเด็กเป็นทุนเดิม หากแต่วางใจกับมนุษย์เพศชายแถมยังตัวโตอย่างกับยักษ์ขนาดนี้ไม่ได้ ร่างบางขยับห่างจากคนตัวสูงใหญ่กระทั่งแผ่นหลังไปติดผนังสีขาวในห้องประชุม ขณะในอ้อมแขนหอบแฟ้มงานแนบอก สายตามองแผ่นอกที่ใกล้เข้ามาด้วยอาการประหม่า

มือบางที่ว่างเว้นกระชับเบลเซอร์สูทสีขาวของตัวเองให้ปิดเสื้อคอวีด้านใน เพื่อกันสายตาที่ตอนนี้เข้ามาชิดจนได้กลิ่นโคโลญผู้ชายเข้มแข็งโชยออกจากร่างกำยำในสูทสีเทาของเขา รองเท้าส้นสูงส้นเข้มสีเงินแทบจะรับน้ำหนักร่างบอบบางไม่ไหวเพราะอาการสั่น ไม่สิเธอไม่เคยกลัวใคร ไม่เคยมีผู้ชายหน้าไหนทำให้เธอไหวหวั่นได้ หญิงสาวปลอบขวัญกระเจิงของตัวเองให้ให้กลับมาปกติ แต่นั่นไม่ได้ผลใดๆ เลย

“เรียกเพชรสิ และแทนตัวเองว่ามีนาด้วย ไม่ใช่ดิฉันหรือคุณเพชร”

“ประทานโทษด้วยค่ะ ฉันไม่ทำเรื่องไร้สาระแบบนั้น” หญิงสาวเบี่ยงกายหลบหากแต่โดนลำแขนแกร่งกักไว้ “หลีกทางด้วยดิฉันมีงานต้องทำ” เจ้าของเส้นเสียงสั่นเอ่ยขอร้องพร้อมกับเบี่ยงกายไปอีกทางที่ไม่มีลำแขนแกร่งกางกั้น แต่แล้วก็ถูกชายร่างสูงตระหง่านกั้นไว้อีกทาง

“จะเรียกเพชรเฉยๆ ไหม” เขาขอแกมขู่ด้วยความหล่อที่กระแทกนัยน์ตาหวาดหวั่นของแม่สาวใหญ่ ในการรักความโสดแต่ตอนนี้เข้าสู่ฤดูไหวหวั่น เพราะพายุความหล่อที่เคลื่อนใกล้เข้ามา

“อย่าล้อเล่นคุณเพชร ฉันอายุมากกว่าคุณ แถมยังเป็นผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด ไม่ใช่เด็กฝึกงานที่คุณจะมาล้อเล่น สั่งให้ทำนั่นนี่” วาจาที่หญิงสาวต่อว่าเขาช่างไม่มั่นคงเลยสักนิด อะไรกัน...ถือครองความโสดมาจนจะเข้าโหมดขึ้นคาน แล้วยังไม่มีทีท่าจะก้าวลงจากคานเพราะเชื่อว่าบรรยากาศบนคานลมยังเย็นสบาย ไม่จำเป็นต้องมีผู้ชายไม่เหมาะสมหน้าไหนสอยเธอลงไปลำบากด้วยกันได้

“ผม...นายเพชรไม่เคยล้อเล่น” ถ้าเธอไม่ยอมเขาจะทำอย่างอื่นที่เรียกว่าการบังคับในแบบเขา ซึ่งรับรองจะไม่เหมือนการบังคับที่หัวหน้างาน หรือผู้มีอำนาจมักทำกัน “จะเรียกไหม”

“ไม่ๆ ปล่อยฉันซะไอ้เด็ก...” ไอ้เด็กอะไรมีนาเค้นความเป็นตัวเขาออกมาไม่ได้ เพราะสมองกำลังตีรวนด้วยการก่อกวนจากพ่อหนุ่มลูกครึ่ง

“ไอ้เด็กอะไรหึมีนา...น่ากิน” ชายหนุ่มไล่เรียงเอาคำตอบจากปากสีแดงเจิดจ้า ที่เผยอขยับขึ้นลงต่อปากต่อคำไม่ลดละ ผู้ใหญ่อะไรไม่ยอมเด็ก

“ไอ้...เด็กเวร” มีนาตะคอกใส่หน้าคนที่ไล่ต้อนเธอให้จนมุม และกำลังใจสั่นเป็นนกน้อยบินออกจากกรงเล็บหมาป่าไม่ได้

“ไอ้เด็กเวรเลยเหรอ มากไปมั้งมีนากล้าว่าผมเป็นไอ้เด็กเวร คงต้องโดนเลาะลิ้นออกมาเคี้ยวเล่นซะแล้ว” เพชรขู่ด้วยเสียงหนักแน่นราวกับโกรธจริงๆ หรือว่าเขาโกรธจริงที่โดนต่อว่าแบบนั้น ทว่าท่าทางเขาเหมือนมีบางอย่างแฝงอยู่นั่นคือความหื่นที่ปะปนอยู่ในดวงตาสีเขียวลึกล้ำ

“นี่นาย...คุณ...เอ่อจะทำอะไรฉัน” มีนาเบี่ยงตัวจนศีรษะติดผนัง ไร้หนทางหนีถ้าสามารถทะลุผนังออกไปได้เธอจะรีบทำทันที

“สั่งสอนคนปากดีหัวแข็งไม่ยอมทำตามคำสั่ง” เขาพ่นวาจาใส่หน้าป้าน่ากินด้วยกระแสบางอย่างกระตุ้น มากกว่าความโกรธที่เขาใช้บังหน้า เธอไม่รู้หรอกเพียงแค่เขาได้สบตากับเธอ นาทีแรกที่ก้าวเข้ามาในห้องประชุม เขาก็พบว่าไม่มีใครในห้องประชุม ตรึงสายตาเขาได้เท่าผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดได้อีก ทีแรกเขาแอบคิดไว้ในใจ เธอคงเป็นแค่พนักงานหน้าใหม่เท่านั้น แต่ที่ไหนได้ใครจะคิดว่าอาวุโสเกินหน้าตาขนาดนี้

“มันไม่สมควร และไม่ถูกต้อง” เสียงเอ่ยประท้วงยังคงสั่นไม่มั่นคง แขนเรียวยังคงโอบอุ้มแฟ้มเอกสารแนบอก แต่เธอเองก็รู้ดีกว่ามันกำลังจะร่วงหล่นอยู่รอมร่อ

“ผมว่าสมควรก็ต้องสมควร ว่าไงจะเรียกเพชรเฉยๆ ไหม” ชายหนุ่มรบเร้า เขาอาจเป็นคนเอาแต่ใจบ้าง นั่นก็เป็นนิสัยส่วนตัวที่เขาเองเคยคิดแก้ไข แต่เมื่อเจอคนถูกใจนิสัยเสียๆ ก็กลับมาอีก โดยมีเธอคนที่ถูกกักไว้ในวงแขนคือสาเหตุ กลิ่นกายหอมราวกับเด็กทารก

“พอ...พอ ฉันเรียกก็เรียก” หัวใจดวงน้อยกระโดดโลดเต้นอยู่ในอก แทบจะฉีกขาดกับอะไรก็ตามที่เรียกว่าผู้ชายนามเพชร เธอใช้แฟ้มในวงแขนดันแผ่นอกแน่น...อ่า...มันแน่นตึงมาก แต่ไม่ว่าดันเท่าไหร่ก็ไม่ขยับ

“ไหนเรียกซิ” คนนิสัยเสียเอาแต่ใจยังคงต้องการฟังเสียงเพราะๆ ที่เรียกชื่อเขาแบบไม่ห่างเหิน ถ้าเรียกอ่า...เพชรขา เพชร โอ้ว ยิ่งดี แต่นั่นอีกหน่อยเขาจะทำให้เธอร้องเรียกเขาแบบนั้น

“เพชร” มีนาไม่อยากต่อปากต่อคำกับคนบ้า เรียกๆ ซะจะได้ออกไปจากห้องนี้ ไปให้พ้นๆ กับการคุกคามอย่างหน้าด้านๆ ไอ้เด็กเวร ไม่รู้จักเด็กไม่รู้จักผู้ใหญ่ ตัวโตกว่าแล้วไง ฉันก็อายุมากกว่านายก็แล้วกัน ใครจะไปคิดล่ะว่าลูกเจ้านายจะเป็นหนุ่มเต็มวัยขนาดนี้ และอีกอย่างทั้งเจ้านายและภริยาไม่เคยเอ่ยถึงลูกให้แก่พนักงานฟังเลยสักครั้ง หรือเป็นเพราะว่าทั้งพนักงานเองก็ไม่ได้สนใจเรื่องราว ครอบครัวเจ้านายจึงไม่มีใครรู้หรือซักถาม เพราะนั่นไม่ใช่เรื่องที่พนักงาจะแส่

“แทนตัวเองด้วย” ได้คืบจะเอาศอก นี่ล่ะเพชรผู้ชายที่มักแข่งขันและต้องการเขาชนะ

“มีนาไปได้หรือยังคุณเอ่อ...เพชร” เธอแทนตัวเองพร้อมทั้งเอ่ยปากขอออกไปจากแดนประหารแห่งนี้

บทก่อนหน้า
บทถัดไป