บทที่ 3 ตอนที่ 3
“น่ารัก น่ารักสมตัว” เพชรเอ่ยชมหญิงสาวปากชมแต่สายตาจับจ้องที่กลีบปากเย้ายวนสีแดงสด ที่เผยอค้าง เธอกำลังเชิญชวนเขาโดยไม่ไร้เสียง หากแต่เขารู้ว่าเธอเชิญชวนอย่างเปิดเผย
ใบหน้าคมคร้ามหล่อเกินบรรยาย คิ้วดกดำ ดวงตาสีมรกตคมกริบ รับกับจมูกโด่งขึ้นสันแบบหนุ่มทางฝั่งยุโรป แก้มสากล้อมกรอบไปด้วยตอหนวดเครา เปี่ยมล้นด้วยความเป็นชายที่อัดแน่นมาอย่างเต็มเปี่ยม มีนาเผลอมองความสมบูรณ์พร้อมด้วยอาการลืมตัว ลืมหายใจ แต่เมื่อตั้งสติได้...
เธอก็พบว่าริมฝีปากบางได้รูปกลับกำลังจะแปะลงที่กลีบปากของเธอ หญิงสาวกำลังลืมจังหวะการหายใจ ปลายเท้าจิกในรองเท้าส้นสูงสีเงิน ลำแขนกอดแฟ้มเอกสารแน่น หยีตาแล้วในที่สุดเปลือกตานั้นก็ปิดลงด้วยไม่อาจมองภาพใบหน้าและริมฝีปากที่ใกล้เข้ามาได้อีกต่อไป
ในวินาทีนั้นเองเสียงเปิดประตูดังขึ้น พร้อมกับร่างสิริน ผู้เป็นเลขาเอริกได้ย่างก้าวเข้ามา ในเสี้ยววินาทีที่มีนาจะโดนประหารด้วยริมฝีปากบางได้รูปคู่นั้น
เพชรดีดตัวจากมีนาแค่เส้นยาแดงผ่าแปด นับได้ว่าเขาประสาทไวเป็นเยี่ยม มองไปทางเลขาของพ่อ ด้วยอาการเฉยๆ ราวกับไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นในห้องนี้มีแค่สองหนุ่มสาวต่างวัย
ส่วนมีนาได้แต่ยืนสงบอาการสั่นอยู่ติดผนังไม่อาจเคลื่อนกายไปไหนได้ เพราะแข้งขาอ่อนแรงจากเหตุการณ์หน้าสิ่วหน้าขวาน ราวกับกำลังต่อสู้กับมนุษย์ต่างดาวที่มีพลังจิตสูงสุดกระนั้น เกิดมาตั้งสามสิบสองหนาว ยังไม่เคยพบอะไรที่เหนือการต้านทานขนาดนี้ แผ่นดินไหวรึได้ยินข่าวก็น่ากลัว ไม่อยากเจอ โคลนถล่มรึ...อย่ามาเกิดใกล้ที่อยู่เป็นพอ น้ำท่วม ก็เจอมาแล้วหลายรอบยังรอดมาได้ ภัยแล้งภัยร้อนเป็นเรื่องธรรมดาอยู่คู่คนไทย นั่นได้ผจญกับมันมาแล้วเช่นกัน แต่นี่อะไร...อะไรกัน
“บอสให้มาดูแลความเรียบร้อยเผื่อคุณเพชรต้องการความช่วยเหลือค่ะ” สิรินเอ่ยกับชายหนุ่มที่คาดว่ายืนคุยกับผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด เธอมองไปทางหญิงสาวก็พบว่าเธอยืนหอบแฟ้มเอกสาร สงสัยจะคุยงานเสร็จแล้ว
“ไม่มีอะไรแล้วผมแค่ย้ำให้พี่มีนาไปหาข้อมูลที่ผมสั่งเท่านั้น”
“คุยกันเสร็จแล้วนะคะ”
“เรียบร้อยแล้วครับ เดี๋ยวผมจะไปวางแผนเรื่องการทำตัวอย่างสินค้าสำหรับเข้าประกวดสักหน่อย แต่ก็ต้องรอข้อมูลจากฝ่ายการตลาดด้วย จริงไหมครับพี่มีนา”
“จะ...จริงค่ะคุณเพชร” มีนารับคำพร้อมกับย้ำชื่อชายหนุ่มที่มีคำว่าคุณนำหน้า
“ถ้าไม่มีอะไรติดขัด ผมคงต้องขอตัว คุณป้าสิช่วยหยิบเอกสารบนโต๊ะไปไว้ที่โต๊ะทำงานผมด้วย ในห้องทำงานฝ่ายพัฒนานะ” พูดจบชายหนุ่มที่คิดจะฉกของหวานจากหญิงรุ่นพี่ก้าวจากไปด้วยอาการเสียดาย ติดไปในสมอง แต่นั่นเมื่อลับตาผู้หญิงทั้งสองเพชรกลับซ่อนยิ้มอย่างอารมณ์ดี จึงก้าวเข้าห้องทำงานของตัวเองไป
“เป็นยังไงบ้างมีนา” เลขาสิรินเอ่ยถามหญิงสาวรุ่นน้อง ที่มองยังไงๆ วัยไม่น่าถึงสามสิบกว่า หน้าเด็ก ตัวบาง เอวคอด หล่อนยังอิจฉาที่มีนารักษาทรวดทรงได้ดีขนาดนี้ คงเพราะยังโสด ไม่มีลูกทำเสียทรวดทรง แต่หล่อนสิลูกสองวัยกำลังโต ทรงเสียตั้งแต่ลูกคนแรก พอคนสองหนักหนาสาหัสเลย
“คุณเพชรดูเป็นคนหนุ่มไฟแรงมากโครงการเขาใหญ่มาก”
“เห็นว่าตอนเรียนอยู่เมืองนอก ทั้งเรียนทั้งดูงานด้วย คงได้ความรู้และไฟในการทำงานมาเยอะ บอสวางใจให้มาทำงานเพื่อสานต่อธุรกิจแทนบอสในอนาคต”
“ค่ะ มีนาขอตัวก่อนนะคะพี่สิ”
“จ้ะตามสบาย” สิรินหอบเอกสารติดมือไปเพื่อนำไปคืนให้เพชร แอบสงสัยอยู่นิดๆ เกี่ยวกับภาพที่สองหนุ่มสาวหน้าแดงก่ำตอนที่หล่อนเปิดประตูเข้ามาในห้อง แต่ก็คงไม่มีอะไรเพราะเพชรเองเด็กกว่ามีนา แถมเป็นลูกเจ้าของบริษัท ส่วนมีนานั้นอาวุโสกว่า ที่สำคัญทุกคนในบริษัทต่างรู้กันดีว่ามีนาไม่ชอบผู้ชายอายุน้อยกว่า มีหนุ่มรุ่นน้องในบริษัท รวมไปถึงลูกค้ามาจีบมีนาหลายคน แต่เธอยี้ เพราะไม่ตรงใจ
“เจ้...มีนา” พิสุทธิ์ลูกน้องในฝ่ายกรีดกรายเยื้องย่างเข้ามาหาผู้เป็นหัวหน้า ด้วยสีหน้าแววตากระลิ้มกระเลี่ย
“อะไรพิสุทธิ์” ยังไม่ทันหย่อนก้นลงนั่งบนเก้าอี้ ลูกน้องกระเทยใต้ปีกการควบคุม ได้เดินเข้ามาในห้องทำงานผู้เป็นหัวหน้า แล้วเอ่ยเรียกด้วยน้ำเสียงชวนให้คิดไปไกล ปกติพิสุทธิ์ที่ใครต่างต้องจำใจเรียกอีกชื่อหนึ่งที่หล่อนตั้งขึ้นเอง มักสระแนไปทุกเรื่องอยู่ตามวิสัยหนุ่มหัวใจสาว ที่ยังแต่งชายตามปกติแต่หวานแหววปากจัดกว่าสตรีทั่วไปเท่านั้นเอง
“ว้าย !! เจ้เรียกแบบนี้ ไล่ออกจากการเป็นหัวหน้าซะเลยดีมั้ย” อีพิสุทธิ์ หรือพิ้งกี้ ชื่อที่ไม่มีใครตั้งให้แต่ตั้งเอง เพราะความชอบส่วนตัว วางมือทาบอกแสดงสีหน้าบอกบุญไม่เอาชื่อเดิมที่พ่อแม่อุตส่าห์เปิดพจนานุกรมตั้งให้
“ว่าไงนะ” มีนาชินกับภาษาท่าทางลูกน้องดี แต่ก็อดหยอกกลับไม่ได้ บางทีอีนี่มันก็เรื่องเยอะ ถ้าไม่ปรามบ้างลามเป็นขี้กราก
“อ้อ...ล้อเล่น” พิ้งกี้สะบัดมือกลางอากาศแบบสาวประเภทสองทำกัน กรีดนิ้วเรียวยิ่งกว่าสตรีหลายนาง กระดิกนิ้วกลางกับนิ้วนางพร้อมๆ กัน
“มีอะไรถึงได้เข้ามาแจ๋ในห้องทำงานฉันยะนังพิ้งกี้” มีนาเน้นชื่อไพเราะของนางลูกน้องข้ามเพศ
“เป็นไงบ้างได้อยู่ในห้องกับหนุ่มหล่อปานเทพบุตรขนาดนั้น” พิ้งกี้กับเพื่อนร่วมงานอีกคนลุ้นกันจนตัวโก่ง ระยะเวลาร่วมชั่วโมงที่หัวหน้าอยู่ในห้องประชุมกับหนุ่มหล่อเร้าสองต่อสอง เกิดอะไรขึ้นบ้างประเดี๋ยวแม่นางเมย์คงตามมาสมทบ วันนี้แทบทำงานไม่ได้เมื่อเห็นหนุ่มหล่อ ที่เป็นลูกชายท่านประทานเดินผ่าน หัวใจสาวแท้สาวเทียม เก้งกวางบ่างชะนี ก็หล่นลงไปกองอยู่ตาตุ่มกันถ้วนหน้า
“เป็นไง เป็นไร อะไรของแกนังพิ้งกี้” มีนากลบเกลื่อนสิ่งที่เกิดขึ้น
“ก็...แบบช็อตกันบ้างมั้ย อะไรทำนองนี้”
“ไม่ใช่ไฟจะช็อตทำไมยะ”
“เจ้ไม่รู้สึกอะไรเลยเหรอ แบบหวั่นไหว ซาบซ่าน เพ้อกับความหล่อของคุณเพชรอะไรแบบนี้”
“ไม่นี่เฉยๆ” มีนายังคงวางฟอร์มรักษาหน้าตัวเอง แม้เพิ่งหายใจสั่นไม่กี่วินาทีก่อนก้าวเข้าห้องทำงานก็ตาม
“เป็นพิ้งกี้หน่อยไม่ได้จะกระโดดขี่ เอ้ย กระโดดกอดเลย”
“ฉันไม่ชอบเด็ก ไม่ชอบหญ้าอ่อนแกก็รู้”
“แต่หญ้าอ่อนขนาดนั้นไม่ทำให้เจ้สั่นไหวบ้างเลยเหรอ”
“เขาเป็นลูกบอส และมาคุมกิจการที่นี่ต่อจากบอส ในอนาคตอันใกล้นี้ ฉันอายุสามสิบสองเขาอายุยี่สิบสอง ต่างกันสิบปี แกจะให้ฉันไปสนไปใจสั่นอะไรกับเขานังพิ้งกี้”
“งั้นหนูขอนะเจ้” เสียงแรดๆ แจ๋มาจากปากกระตู ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าลูกน้องอีกคนที่แรดคู่กับนังพิ้งกี้สาวข้ามเพศก้าวเข้ามา
“นังเมย์หล่อนต้องข้ามศพฉันไม่ก่อน”
“ข้ามก็ข้ามสิวะนังเมย์ยอมแลก หล่อขนาดนั้น ดูสิหุ่นโครตน่ากิน สูงยาว และท่าทางจะทั้งยาวทั้งใหญ่”
“นี่ๆ นังเมย์เกรงใจฉันหน่อยยังอยู่ในเวลางานนะยะ” มีนาปรามลูกน้องสองคนนี้อยู่ด้วยกันไม่ได้ เหมือนผีเน่ากับโลงผุ อีกคนขึ้นอีกคนเสริม ไม่รู้รับลูกน้องจำพวกนี้เข้ามาทำงานได้อย่างไร ก็ว่าไม่ได้นะ ฝ่ายการตลาดจะให้เงียบมีแต่สมาธิอยู่แต่กับตัวเลขอย่างฝ่ายบัญชีการเงินคงไม่ได้ ยิ่งต้องคิดงานโฆษณาที่แหวกแนว ล้ำอนาคต ตามผลิตภัณฑ์ในบริษัทให้ทันก็จะแย่อยู่แล้ว แล้วยิ่งเป็นสินค้าที่เกี่ยวกับเพศย่อมอ่อนไหว ทำโฆษณาออกมาไม่ดีกลายเป็นอนาจาร พานจะแย่โดนปลดโดนฟ้องห้ามยิงโฆษณาจะซวยกันทั้งองค์กร
“หยุดอย่าเพิ่งร่าน แรด แก่นซ่า เอางานใหญ่ไปทำซะ” มีนาโยนแฟ้มเอกสารโครมใหญ่ใส่หน้าลูกน้องแรดทั้งสองดังโครม เพื่อยุติการยื้อแย่งผู้ชาย
“งานใหญ่ ออกจากห้องประชุมได้งานใหญ่มาอีกแล้ว”
เมย์หยิบเอกสารไปเปิดอ่าน อ่านไปก็หน้ายุ่งไป เพราะรายละเอียดให้เตรียมแบบสอบถามเพื่อสำรวจตลาด ชายไทยเกี่ยวกับรสนิยมการใช้ถุงยางอนามัย ศึกษาขนาด ชนิด สี กลิ่น ที่กำลังอยู่ในความนิยม โอ้ว...นี่งานใหญ่ของจริง หมดเวลาแรดสิ
จากนั้นลูกน้องคนสนิททั้งสองที่เล่นหัวหัวหน้าได้ จึงคอตกกลับออกไปด้วยงานที่หยิบติดมือไปด้วย วิธีปราบสองคนนี้ได้คืองาน เพราะเมื่อทิ้งงานให้วาจาแรดๆ กับคำพูดห่ามๆ จะหายไปแล้วตั้งหน้าตั้งตามุกับงานที่ได้รับมอบหมายกระทั่งสำเร็จนั่นล่ะ ถึงจะเงยหน้าขึ้นมาแรดได้อีกครั้ง เรื่องอะไรจะปล่อยให้สองคนนั้นซัก ถ้าซักเดี๋ยวเธอเผลอเล่าเหตุการณ์ในห้องประชุมให้ฟังด้วยอาการลืมตัวอย่างเช่นทุกๆ ครั้งที่โดนรบเร้าจนได้สิ
