บทที่ 5 ตอนที่ 5

“คุยเรื่องงานมันย่อมเป็นอย่างนั้น” สมเป็นเด็กเพราะผู้บริหารที่มักได้มรดกการทำธุรกิจของพ่อแม่ มาครองมักคิดนอกกรอบแบบเด็ก อินดี้เอาแต่ใจตัวเอง

“ผมตั้งใจจะส่งผลิตภัณฑ์บริษัทเข้าประกวดในงานประกวดถุงยางในครั้งนี้จริงๆ ฉะนั้นในฐานะที่ป้าอยู่ฝ่ายการตลาด เราจำเป็นต้องออกตลาด เพื่อสำรวจสินค้าด้วยกัน เริ่มตั้งแต่ตามห้าง ร้านขายยา โรงพยาบาล เราจะได้นำข้อมูลนั้นมาปรับปรุงสินค้าของเราให้ล้ำ และดีกว่าที่มีขายในท้องตลาด เพื่อจะได้ชนะการประกวดครั้งนี้”

“นายเคยอ่านประวัติคุณสมบัติถุงยางที่ชนะการประกวดเมื่อปีที่แล้วบ้างไหม ของเราไม่ติดฝุ่นเลยล่ะ”

“อ่านสิ รู้ด้วยเพราะผม...” เขาชะงักคำพูดแล้วโน้มใบหน้าข้ามโต๊ะเข้าใกล้มีนา

ร่างเล็กผละไปด้านหลัง ดวงตาสีน้ำตาลกรอกกลิ้ง รวมไปถึงร่างกายมีอาการตีรวนเล็กน้อย เมื่อได้กลิ่นบุรุษอ่อนๆ โชยแตะจมูก อ่า...ให้ตายจมูกเธอไวอย่างกับจมูกสุนัข ทั้งที่ไม่เคยเป็นมาก่อน มีนาลอบถอนหายใจ

“ผมเคยใช้” เขาว่าเสียงเบา แต่สายตาสิวิบวับ ราวกับจะชวนมีนาขึ้นเตียง ไปร่วมใช้ถุงยางที่ชนะการประกวดกระนั้น

“ละ...แล้วมาบอกฉันทำไม” มีนาหน้าชาเมื่อได้ยินประโยคแผ่วเบาที่หลุดจากปากเขา ไอ้เด็กบ้า ไอ้เด็กลามก ไม่รู้จักเด็กไม่รู้จักผู้ใหญ่ ตัวโตใช่ว่าจะเป็นผู้ใหญ่ได้นะ อูย...ขนลุก มีนารู้จักถุงยางอนามัยมาสิบกว่าปี ตั้งแต่เรียนจบก็สมัครเข้าทำงานในสายงานการตลาดในบริษัท ทัชเลิฟ คอนดอม ในตำแหน่งพนักงานการตลาดฝึกหัด เริ่มต้นการศึกษาการตลาดเรื่องถุงยาง อย่างอายๆ แต่เมื่อเนิ่นนานเข้า ถุงยางเหล่านี้กลับกลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตการทำงานของเธอโดยปริยาย แต่ไม่มีใครกล้าพูดกับเธอด้วยน้ำเสียงพร่า ‘ผมเคยใช้’ แบบนายเพชรบ้าคนนี้เลยสักคน

“ผมอยากบอกป้านี่ ว่าแต่...มีนาสิ มีนาลืมแทนตัวเองแล้วเหรอ ลืมง่ายแบบนี้ผมคงต้องหาวิธีทวนความจำ” เขากล่าวอย่างยียวน พร้อมกับแววตากรุ้มกริ่มกระแทกดวงตาหวาดผวา ของคุณป้าน่ากินไปกินรกแกละมาจากหนีถึงได้หน้าเด็กเซ็กซี่ กวนใจหนุ่มน้อยได้ขนาดนี้

“เอ๊ะ...ทำไมเรื่องมากกับชื่อจังนะนายเพชร” หญิงสาวต่อว่าเขา พร้อมกับเบนสายตาไหนไปจากความเร้าใจใกล้ๆ ตรงหน้า

“ก็มีนาน่ารัก เป็นยัยป้าน่ากิน แถมน่ารัก ผมก็อยากให้แทนตัวแบบสมตัวไง” เขากล่าวยิ้มๆ พานนึกขอบใจใครคนหนึ่ง

“เอาล่ะผมจะนัดวันเวลาในการออกสำรวจตลาดกันอีกที”

“ก็ได้นี่ฉันจะได้เตรียมลูกน้องให้พร้อม บางทีพวกเขาก็มีงานล้นมือ ฉันต้องบอกพวกเขาล่วงหน้านายก็นัดล่วงหน้าสักวันสองวันก็แล้วกัน”

“ไม่มีคนอื่นนอกจากเราสองคน”

“อะไรกันระดับหัวหน้าต้องลงภาคสนามเองอย่างนั้นหรือ”

“งานนี้สำคัญกับบริษัทเรามาก คุณในฐานะผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด จะไม่เห็นเรื่องนี้สำคัญเลยเหรอ”

“เห็นสิ ถ้าไม่เห็นฉันจะให้ความร่วมมือกับนายอย่างนั้นเหรอ”

“ถ้าเห็นป้าต้องลงภาคสนามกับผม เพื่อเข้าถึงผู้บริโภคและสินค้าที่มีวางขายตามท้องตลาด เริ่มต้นจากห้างเข้าใจนะ”

“เอ่อ...นี่มัดมือชกอย่างนั้นเหรอ” ถือว่าเป็นลูกเจ้าของกิจการหรืออย่างไร สั่งได้สั่งเอา ฉันผู้บริหารมีดีกรีดีใช่ย่อยเหมือนกันนะยะ นึกแล้วโมโห !!

“จะทำไหม” เป็นคำถามแกมบังคับอยู่ในที

“คิดดูก่อน ฉันมีงานอะไรด่วนหรือเปล่า” เธอพยายามนึกถึงงานที่ยังคั่งค้าง เพื่อจะได้นำมาอ้างกับเขา ในการเลี่ยงไม่ออกภาคสนามด้วยกัน ความจริงเขาไม่ได้เลวร้ายแต่เธอไม่ชอบใกล้ชิดเด็กที่ไม่รู้จักเด็กไม่รู้จักผู้ใหญ่แบบเพชร อีกอย่างภาพลักษณ์ของเขาใช่ย่อยเสียที่ไหน ทั้งหล่อ สมาร์ท หุ่นดี สุดยอดทุกอย่างเธอเชื่อว่าต่อให้ตนเองใจแข็งต่อเสน่ห์ที่พุ่งทะยานของเขาได้มากแค่ไหน คงพ่ายในสักวัน

“ไม่ต้องคิด งานอื่นโยนให้ลูกน้องทำไป” เขาปัดในเมื่อคนที่จะต้องออกสนามพร้อมกับเขา ต้องเป็นเธอเท่านั้นไม่รู้สิเขาไม่มีเหตุผลรองรับ รู้แต่ว่าต้องเป็นยัยป้าน่ากินคนนี้เท่านั้น ใครอีกคนก็จงใจให้เป็นมีนาเช่นกัน

“แต่...” ริมฝีปากสีแดงยกขยับเพื่อต่อรอง พร้อมต่อต้าน

“พอๆ ผมหิวเรามากินกันเถอะ” เขาอยากประกบปิดปากที่ช่างต่อรอง และต้านได้ทุกกรณีจริงๆ แต่เขาเชื่อว่าตนเองเอาอยู่

“กินกัน ?” มีนาทวนคำด้วยเส้นเสียงไม่มั่นคงนัก รู้สึกหัวใจระทึกกับคำว่ากินกันอย่างไรพิกล หรือ่าจะคิดมากไป ก็ชวนให้คิดเสียที่ไหนกับผู้ชายที่ขยันรุกฆาตขนาดนี้ หรือบางทีเขาอาจไม่ได้คิดอะไรกับเธอ หากแต่เพราะวัยคะนองเท่านั้น

“ก็กินไง” อาหารถูกนำมาเสิร์ฟไม่กินจะเก็บไว้ให้เสียรสชาติหรืออย่างไร เขาผายมือไปตรงจานอาหาร

แต่มีนาคิดลึกไปกว่านั้น ‘กินกัน’ ช่างเป็นคำเสียวไส้ซะนี่กระไร หญิงสาวโสดวัยสามสิบต้นๆ คิดแล้วพานหน้าแดงเลือดสูบฉีดซ่านผลุบสายตามองอยู่ตรงจานอาหารที่เขาสั่งมาเพื่อเธอ ตกลงเธอต้องกินพาสต้าทะเลจริงๆ ใช่ไหม อ้วนแน่งานนี้ แป้งเนยทั้งนั้น

“ป้ามีผัวหรือยัง” เพชรถามขึ้นลอยๆ ราวกับไม่จงใจถาม เพราะมือยังตักอาหารเข้าปาก ใบหน้ายังก้มมองจานอาหารอยู่เลย

“ทะ...ทำไมถามแบบนั้น” พาสต้าที่ถูกส่งเข้าไปในปากเกือบทะลักออกมา เมื่อได้ยินคำถามตรงๆ ที่ถูกยิงมาโดย ไม่อ้อมน้อยอ้อมใหญ่ คนถามกลับถึงกับสำลักอาหารหงายเงิบไปไม่เป็น

“ตอบเถอะน่า” เขาต้องการคำตอบที่แน่ชัด

“มีผลกับการทำงานด้วยเหรอ” ตลอดเวลาเธอก็ทำงานได้ดี ก็เพราะโสดสนิทนี่ล่ะ

“มีสิออกสนามกับผู้ชายหล่อๆ อย่างผมประเดี๋ยวผัวมีนาหึง หวงตามไปฆ่าผมจะว่าไง” เขาร่ายเหตุผลแต่ก็แอบภาวนาในใจไว้ไม่อยากให้ป้าน่ากินมีผัว ก่อนที่เขาจะได้บทบาทเป็นผัวของเธอซะเอง

“วางใจเถอะฉันไม่มีแฟน เอ่อ...ผัวน่ะ” กระดากปากจะพูดคำว่าผัว

“รออะไรอยู่ทำไมยังไม่มี”

“หาผู้ชายดีๆ ยังไม่เจอ”

“ที่ว่าดีๆ แบบไหน”

“เรื่องของฉัน สเปคของฉันนายจะรู้ไปทำไม”

“อย่างผมพอได้ไหม”

“หน้าตา รูปร่าง จัดว่าดี แต่อายุน้อยไปหน่อย”

“ป้าชอบผู้ใหญ่ว่างั้น เอาเป็นว่าผมจะทำตัวให้เป็นผู้ใหญ่”

“นาย !!” มีนาเรียกเขาได้เท่านั้นก็ลงมือกินอาหารของตัวเองด้วยอาการฝืดๆ ได้เด็กเวรจะมาไม้ไหนกันแน่นะ

เพชรกดยิ้มด้วยความยินดี เมื่อได้ยินจากปากป้าน่ากิน เธอไม่มีผัวเท่านี้หัวใจดวงแกร่งที่วาดหวังก็พองคับอก จนแน่นไปหมด ดังนั้นแผนการออกตลาดต้องบรรเจิดสุดๆ เขาซ่อนยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์เพทุบาย

“ถึงบ้านฉันแล้วขอบคุณมาก” มีนาเปิดประตูก้าวลงจากรถหรูที่เจ้าของพยายามขอมาส่ง ทั้งที่เธอบอกว่ากลับเองได้ แต่เขาไม่ยอมกระทั่งมาถึงหน้าบ้านเธอจนได้ เพียงแค่เธอบอกจุดหมายเขาก็กดจีพีเอสป้อนเส้นทางเท่านั้น บางทีก็เบื่อหน่ายเทคโนโลยีสมัยใหม่ ที่ไม่มีทางที่เราจะโกหกเส้นทางได้เลย

มีนาเดินไปเปิดประตูรั้วบ้าน แล้วหันมาเพื่อเอ่ยลาเขา หากว่าร่างคนตัวใหญ่กลับไม่ได้อยู่ในรถตามที่คาดการณ์ แต่กลับยืนซ้อนอยู่ด้านหลังของเธออย่างกับเงา

ที่มากกว่านั้นเขาแทรกตัวเข้าไปในบ้านอย่างถือวิสาสะ

“เฮ้...นี่ไอ้เด็กบ้าเข้าบ้านคนอื่นแบบนี้ได้ไง”

“คนอื่นที่ไหนเพื่อนร่วมงานกันแท้ๆ” ชายหนุ่มก้าวอาดๆ ไม่เชื่อฟังคำทัดทานมีนาจ้ำอ้าวไล่ตามหลังไป เขามองรอบตัวพบว่าบ้านหลังเล็กหลังนี้ร่มรื่นน่าอยู่ เขียวขจีไปด้วยไม้ดอกไม้ประดับ หน้าบ้านมีสระเลี้ยงปลาขนาดเล็กน่ารักประดับไว้ คนจัดสวนจัดได้อย่างน่ารัก สมตัวเจ้าของบ้าน “สวนน่ารักดีนะ” กบน้อยเซรามิกนั่งอยู่ขอบอ่างน่าเอ็นดู เขาย่อกายนั่งยองๆ ชื่นชมบรรยากาศ

บทก่อนหน้า
บทถัดไป