บทที่ 1 EP.1 “I don't become the satan”

“มึงไม่น่าทำ...แบบนี้เลยเวกัส...มึงไม่น่าทำแบบนี้เลย!” พีทกำปืนในมือแน่นด้วยความเจ็บปวดจากความรู้สึกที่สุดจะกลั้นมานานแสนนาน เนื้อตัวสั่นเทาใบหน้าก้มลงพร้อมกับน้ำตาที่ไหลนองออกมาอย่างไม่หยุดไม่หย่อน

“…พีท” แววตาเวกัสมองท่าทีของคนรักด้วยความอึ้งงัน เสื้อเชิ้ตสีเทาเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือด และหยาดเหงื่อจากการต่อสู้ที่ไม่มีทีท่าว่าจะสิ้นสุดลง...

“ยิงดิ!!! ถ้ามึงคิดว่ามึงกล้า!!!!!” พอร์ชที่นอนหมอบลงกับพื้นใช้มือทั้งสองข้างยันตัวลุกขึ้นมาด้วยสภาพยับเยิน พีทจ่อปลายกระบอกปืนอยู่เหนือศีรษะของพอร์ช นิ้วชี้ที่กำลังเหนี่ยวไกต่อต้านกับความรู้สึกข้างในจนยากจะควบคุม

“พีท…วางปืนก่อนนะ” เวกัสพยายามคืบคลานเข้ามาหาแล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่แหบพร่าเต็มทน

“มึงอย่าเข้ามาใกล้กู!” พีทที่ไม่สามารถระงับบันดาลโทสะได้อีกต่อไป เปลี่ยนเป้าหมายไปเล็งเวกัสเพื่อเป็นสัญญาณว่าให้หยุด ซึ่งเวกัสชะงักลงทันที แววตาที่ว่างเปล่าของพีทมองไปยังเวกัสราวกับไม่เหลือเยื่อใยใด ๆ ให้คนคนนี้อีกต่อไปแล้ว

“กูขอโทษ....” เวกัสเปล่งเสียงออกไปอย่างสำนึกผิด เขาพยายามหลบสายตาอันแสนว่างเปล่าของคนรักเพื่อที่จะไม่ให้หัวใจตนเองแตกสลายมากไปกว่านี้...เพราะตัวเขาเอง...เพราะตัวเขา...พีทถึงได้เป็นแบบนี้

ในระหว่างที่พีทกำลังพยายามดับไฟที่กำลังแผดเผาความรู้สึกตัวเองและตั้งสติด้วยความยากลำบาก เป็นจังหวะที่พอร์ชลุกขึ้นมาจากพื้นแล้วแย่งปืนในมือพีทไปอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว

“ไอ้เหี้ย!!!!” พีทเซหงายหลังไปชนกับผนังกำแพง มือพยายามฉุดยื้อปืนเอาไว้แน่น พยายามดันตัวเองและรวบรวมแรงทั้งหมดที่มีเพื่อสู้กับคนตรงหน้า

“พอร์ช!!!! หยุด!!!!” เวกัสรีบวิ่งเข้ามาพยายามห้ามทั้งสองคนไม่ให้เกิดการปะทะกันอีกครั้ง

“ปล่อยดิไอ้เหี้ย!!!”

“ไอ้พอร์ช!!!!!!” ทั้งสามเกิดการตะลุมบอน ยื้อแย่งปืนในมืออย่างไม่ลดละ

“คุณพอร์ชครับ! รถตระกูลหลักกำลังตรงมาทางนี้ครับ!” เสียงลูกน้องวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามายังโกดังร้าง ก่อนที่พอร์ชจะใช้แรงเฮือกสุดท้าย กระชากปืนมาเป็นของตนเองและเหนี่ยวไกทันที

ปัง!!!!!!!!!!!!!! ทั้งสามคนนิ่งอึ้งต่างมองหน้ากันด้วยความช็อกค้าง...ก่อนเสียงเวกัสจะตะโกนขึ้นมาด้วยความตกใจ

“พีท!!!!!!!!!!!!” เวกัสเบิกตาโพลงแทบตั้งตัวไม่ถูกเมื่อเห็นคนรักของเขาค่อย ๆ ทรุดตัวลงนอนกับพื้นช้า ๆ

“เวกัส! รีบไปสิวะ!!!” พอร์ชที่พยายามเรียกสติ ฉุดลากเวกัสให้ตรงไปที่ทางออกด้วยความโกลาหล ลูกน้องฝั่งพอร์ช ปล่อยระเบิดควันไว้ทั่วโกดัง

และวิ่งหลบหนีตามเจ้านายไป ทิ้งไว้เพียง...ร่องรอยการต่อสู้ ข้าวของที่พังเละเทะ และร่างของพีท...ที่แน่นิ่งท่ามกลางความมืดอย่างเดียวดายภายในโกดังแห่งนี้

..

.

[VEGAS]

- [3 เดือนก่อนหน้านี้] -

ว้ากกกกกกกกกกกกกกกกก!!!!!!!!!!!!!! เสียงที่ผมรำคาญสุด ๆ ในช่วงนี้กำลังกรีดร้องกระทบกับโสตประสาทหูของผมเข้าอย่างจัง ผมชะงักทุกการกระทำของตนเอง ก่อนจะถอนหายใจออกมาด้วยความเหนื่อยหน่าย ไอ้เวนิส! ไอ้เด็กเวร มึงนี่มันเหมือนนกรู้ ชอบเรียกร้องความสนใจในตอนที่เข้าด้ายเข้าเข็มตลอด พ่อแม่มึงไม่สั่งสอนเลยรึไงวะ ไอ้ห่า!

“หึหึ เดี๋ยวกูมา” คนใต้ร่างผมผลักอกผมออกเบา ๆ แต่ผมก็นิ่งไม่ยอมขยับตัวไปไหน พลางเหลือบสายตาไปมองนาฬิกาบนหัวเตียงบอกเวลาตีสามกว่า ๆ นี่มันยามวิกาลนะเว้ย! ไม่มีมารยาทเลยรึไงวะ แหกปากร้องมาได้ไม่รู้จักหลับจักนอน กูไม่สนแม่งละ! กูจะไม่ปล่อยคืนนี้ให้มันเสียเปล่าไปอีกแล้วโว้ย...

“ไม่ให้ไป”

แกร๊ก! ผมใช้จังหวะหยิบกุญแจมือที่ลิ้นชักข้างเตียงอย่างไวก่อนจะล็อกข้อมือข้างซ้ายของพีทให้ตรึงอยู่กับหัวเตียง พร้อมกับยิ้มเยาะด้วยความสะใจเมื่อเห็นใบหน้าคนรักเหวออย่างหนักเพราะผมจัดการทุกอย่างด้วยเวลาอันรวดเร็ว

“เวกัส...ทำเหี้ยอะไรเนี่ย!” พีทพยายามดึงแขนข้างซ้ายของตัวเองออกจากพันธนาการ และใช้แขนข้างขวาช่วยปลดล็อก แต่ขอโทษเถอะ! เขาน่าจะรู้สรรพคุณของโซ่ที่นี่ดีว่ามันแข็งแรงแค่ไหน...ทำเป็นไม่ชินไปได้ หึหึ

“กูจะไม่ปล่อยมึงไปอีกแล้ว...คืนนี้ต้องเป็นคืนของกู” ผมพูดพลางดึงข้อมือข้างขวาของพีทที่พยายามงัดโลหะออกเปลี่ยนมาเป็น ลูบไล้บริเวณเรือนร่างของตัวผมแทน พีทที่พยายามดิ้นขัดขืนมันไม่ยอมกางมือมาลูบตัวผมดี ๆ มันกลับกำมือแน่นชกหมัดหนัก ๆ มาที่หน้าอกของผม

“ปล่อยกูนะ ไอ้เวกัส!” พีทยังคงแหกปากโวยวาย ยิ่งเสียงร้องบวกกับความเจ็บแปล๊บจากหมัดของมันยิ่งทำให้ผมโคตรมีอารมณ์ ใจผมเริ่มเต้นระส่ำไม่เป็นจังหวะ ซาบซ่านสะท้านทั่วทั้งตัว รู้สึกซู่ซ่าจนแทบควบคุมตัวเองไม่ได้ ผมเผลอบีบคอพีทแน่นจนศีรษะมันไปกระทบกับหัวเตียงและถูกตรึงไว้จนมันเริ่มหายใจติดขัด

“อื้มมมมม....” นึกถึงวันเก่า ๆ ชะมัดเลยให้ตายดิ!!

“เว…” มือข้างที่ว่างของผม บังคับมือมันให้สัมผัสไปทั่วร่างกายก่อนจะมาหยุดอยู่ที่แกนกายแข็งขืน มันชะงักหมัดทันทีก่อนผมจะพูดสวนขึ้นมา

“กล้าก็ลองดูดิ...” ผมก้มลงไปกระซิบมันเบา ๆ ก่อนจะใช้ลิ้นลากไปที่ใบหูขบกัดเบา ๆ และพยายามคลายมือและเร่งแรงบีบเป็นระยะ เพื่อให้พีทรู้สึกทรมานแต่ยังสามารถสูดอากาศเข้าไปได้อยู่

“อึก…หายใจไม่ออก!” พีทดิ้นทุรนทุราย มือขวาของมันสัมผัสกับแกนกายผมแต่ไม่ยอมกอบกุมเอาไว้จนผมต้องใช้แรงมือบีบที่คอมันมากขึ้นไปอีก

“กูรู้...มึงก็ชอบ” ผมยิ้มออกมาด้วยความพอใจ เมื่อจบประโยคพีทค่อย ๆ จับแกนกายผมอย่างเต็มไม้เต็มมือและรูดขึ้นลงช้า ๆ จนผมต้องกัดปากตัวเองแน่นด้วยความรู้สึกเนื้อเต้นพล่านไปทั่วทั้งตัว

“อื้ออออ....เวกัส...เวนิสหิวนมนะ” พีทพูดเสียงกระเส่า เมื่อผมคลายมือออกจากคอมันช้า ๆ และเลื่อนมือไปสัมผัสกับแกนกลางลำตัวของพีทที่ขณะนี้มันก็ขยายเต็มที่แล้วเหมือนกัน

“กูก็หิวนมนะ หึหึ” ผมกลั้วหัวเราะเล็กน้อยก่อนจะค่อย ๆ ลากลิ้นเป็นทางยาวผ่านคอระหงที่เชิ่ดหน้าขึ้นตอบสนองทุกสัมผัสของผมเป็นอย่างดี ริมฝีปากเคลื่อนที่มาหยุดอยู่ตรงจุกตุ่มไตบนยอดอกที่ขณะนี้มันถูกเล้าโลมจนชูชันขึ้นมาจนผมแทบคลั่ง ผมดูดกลืนมันเข้าไปอย่างคนกระหาย ตัวมันก็รู้งานเช่นกันมันขยับมือรูดรั้งส่วนอ่อนไหวของผมถี่ขึ้นเรื่อย ๆ

“อื้อออ....เว...กัส...”

“ว้ากกกกกกกกก!!!!!!!!!!!”

“เวนิส....ร้องใหญ่แล้วนะ” พีทปล่อยมือจากผมก่อนจะเกาะขอบเตียงและจิกผ้าปูที่นอนด้วยความทรมาน เขาผงกหัวมามองผมอยู่หลายครั้งแต่ก็กลับไปนอนแผ่เหมือนเดิมพร้อมกับเสียงหอบหายใจถี่ ๆ

“ช่างมันเถอะน่าา...มันร้องเองเดี๋ยวมันก็เงียบเอง” ผมเงยหน้าขึ้นมาจากยอดอกเขาก่อนจะสลับข้างดูดกลืนตุ่มไตพลางขบเม้มให้พีทมันต้องรีบเม้มปากแน่น เก็บเสียงความเสียวซ่านไม่ให้ดังไปมากกว่านี้

“อ๊าาา...เว...กัส! มีสติ!!!...อื้อออออ” ไอ้พีทสะบัดหน้าไปมา มันพยายามหายใจเข้าลึก ๆ เหมือนเรียกสติตัวมันเอง แล้วเริ่มใช้ขาของมันพยายามถีบผมออก แต่...มันก็รู้ว่ายิ่งทำท่าไม่ยอมแค่ไหน มันก็ยิ่งปลุกเร้าอารมณ์ผมมากเท่านั้น ยิ่งเห็นมันทุรนทุราย ทำท่าเหมือนจะตายแบบนี้ อย่าหวังเลยว่าคืนนี้มึงจะรอด..

“ว้ากกกกกกกกกกก”

“ถ้ามันหิวนมก็ให้มันเดินไปชงเองดิวะ!” ผมเงยหน้ามองไอ้พีทและแทรกตัวเข้าไประหว่างขาทั้งสองข้างของมัน จะบอกว่าตอนนี้เนื้อตัวเราทั้งคู่เปลือยเปล่า บอกแล้วไงครับ ว่ามาถึงขนาดนี้แล้ว เล้าโลมกันไปมาชนิดที่ว่าตอนแรกมันจะเป็นฝ่ายขึ้นให้ผมด้วยซ้ำ ไอ้เวนิสนะไอ้เวนิสตัวขัดลาภกูจริง ๆ

“อึก…ปล่อยกู!...” เชี่ย! ได้อารมณ์สัด!!! เหมือนครั้งแรกที่มีอะไรกันเลยว่ะ วันที่มันก่นด่าผมแทบเป็นแทบตาย ตอนนี้มันก็เป็นแบบนั้นอยู่ แม่งเอ้ย!! จะไม่ไหวแล้วนะเว้ย! ผมใช้สะโพกตัวเองขยับขึ้นลงไปมาให้แกนกายของเราทั้งสองได้สัมผัสแนบแน่นเพิ่มความเสียวสะท้านจนไอ้พีทครางออกมาแทบไม่เป็นศัพท์ ผมควานหาอะไรบางอย่างที่บริเวณลิ้นชักหัวเตียง เพื่อเราจะได้รื้อฟื้นความหลังพาไอ้พีทนั่งไทม์แมชชีนกลับไปอดีตที่แสนจะเร่าร้อนของเราสองคน มันจะได้ลืม ๆ เสียงร้องไห้นั่นไปซะ

เพี๊ยะ!!! ผมเอาเข็มขัดเส้นเดิม เส้นที่เคยใช้ฟาดมันตั้งแต่ครั้งแรกของเราทั้งสองคน เก็บไว้เป็นที่ระลึกข้างหัวเตียงตลอดมา และมันก็ได้ใช้งานบ่อย ๆ

ผมฟาดเส้นหนังไปกลางตัวของไอ้พีท มันกัดฟันกรามแน่นบิดเร้ากายด้วยความรวดร้าว

“อึก…..”

เพี๊ยะ!!!! ผมหอบหายใจเข้าถี่ ๆ ที่เห็นคนรักตนเองแทบจะปางตายถึงเพียงนี้ มันกำลังทำให้ผมคลั่งจนแทบจะบ้าตาย

“ไอ้เวกัส! ปล่อยกู!!!” ผมซุกไซร้ไปดมกลิ่นกายเฉพาะที่หอมจนผมใจเต้นทุกครั้งที่ได้สูดเข้าไป มันเป็นฟีโรโมนบางอย่างที่ปลุกความหื่นในตัวผมได้เป็นอย่างดี และก่อนที่ผมจะทนไม่ไหวอีกต่อไป ผมโยนเข็มขัดลงกับพื้นและรีบจับพีทแยกขาทั้งสองข้างและยกสะโพกให้สูงขึ้นพร้อมจ่อแกนกายที่พร้อมเต็มที่ของตนเองค่อย ๆ ดันเข้าที่ช่องทางด้านหลัง โดยไม่ทำการเปิดทางหรือทาเจลหล่อลื่นใด ๆ ทั้งสิ้น ผมมองดูใบหน้าที่กัดริมฝีปากแน่นด้วยความทรมาน และข้อมือข้างซ้ายที่ถูกพันธนาการด้วยโซ่ล็อกเส้นใหญ่ ผมแค่เห็นเท่านี้ ผมก็แทบจะอดทนไม่ไหวเลยต้องสูดหายใจเข้าลึก ๆ พลางกัดปากตัวเองแน่นเพื่อสะกดจิตไม่ให้ไปถึงฝั่งฝันเร็วแบบนั้น เพราะนี่ผมยังไม่ได้เริ่มเลย อย่าเพิ่งทำท่าเหมือนจะล่มปากอ่าวแบบนี้ไม่งั้นพรุ่งนี้ไอ้พีทได้ตื่นมาล้อผมแน่

“อ…ไอ้โรคจิต!! มึงมันบ้าหรือเปล่าเนี่ย! ปล่อย!!” โอ๊ยพีท!! แป๊บหนึ่งดิ้! หยุดทำอะไรก็ได้ที่มันเร้าอารมณ์กูอ่ะ! กูจะไม่ไหวแล้ว ผมตัดสินใจดันแกนกายเข้าไปจนสุดทางด้วยความแรง และเริ่มขยับสะโพกด้วยความรวดเร็ว เสียงครางของไอ้พีทและคำหยาบคายมากมายพ่นออกจากเรียวปากของมันไม่หยุดหย่อน ส่วนผมก็เชิ่ดหน้าขึ้นกัดปากตัวเองแน่น เหงื่อท่วมกาย มีสมาธิจดจ่อกับความเสียวที่มันพลุ่งพล่านไปทั้งร่างกาย

“อ๊าาา...เวกัส...สงสารเวนิส ขอร้องงง” ยิ่งไอ้พีททำเสียงเหมือนจะร้องไห้ ภาพวันวานก็หวนกลับมาไม่หยุด ทำให้ผมไม่คิดที่จะผ่อนแรงอีกต่อไป ผมโถมกายเข้าไปเน้น ๆ ย้ำ ๆ เป็นจังหวะถี่ ๆ จนตัวไอ้พีทโยกคลอนศีรษะกระแทกกับหัวเตียงอยู่หลายครั้ง เชี่ย! รู้สึกดีฉิบหาย!!! เชื่อผมสิครับ ไอ้พีทเห็นมันทำหน้าแหยอยู่แบบนั้น มันก็กำลังฟินอยู่ มันก็ชอบเถอะ! แววตาเยิ้ม ๆ ของมันเวลามองผม มันท้าทายสิ้นดี หึหึ

“อ่ะ ๆ กูเสร็จไวก็ได้ ถือว่ามึงขอร้องกูเลยนะ” เปล่าหรอก...ผมก็จะไม่ไหวแล้วเหมือนกัน พูดเอาเท่ไปงั้นแหละ ผมกับไอ้พีทหอบหายใจกันเสียงดังไปทั่วห้อง

ก่อนผมจะถึงโค้งสุดท้ายผมรีบคว้ามือไอ้พีทที่มันจิกผ้าปูเตียงไว้แน่นให้มันมากอบกุมแกนกายของตนเอง แล้วขยับขึ้นลงตามการควบคุมของผม

“อ๊าาา...ใกล้แล้ว....อื้ออออ...เสร็จพร้อมกันนะพีท” ผมขยับเข้าออกหนัก ๆ เร็วและแรงขึ้นตามความต้องการที่มันเดือดพล่านขึ้นไม่หยุดหย่อน

“อื้อออ...เวกัส...กูจะ.....กู...เสร็จแล้ว” จังหวะที่พีทกัดปากตัวเองแน่นเกร็งตัวและปลดปล่อยน้ำสีขาวขุ่นออกมาเต็มหน้าท้องของตนเอง ก็เป็นจังหวะที่ผมกระแทกแกนกายเป็นจังหวะสุดท้ายและปล่อยของเหลวเข้าไปในตัวของไอ้พีทจนสุด พร้อมขยับอีกสองสามทีเบา ๆ และเริ่มถอนร่างตนเองออกมานอนแผ่ไปข้าง ๆ เขาที่มองผมด้วยสายตาขุ่นเคืองและอย่างคงเหน็ดเหนื่อยอยู่ไม่น้อย

“ปลดโซ่ให้กูเลย เวนิสร้องไห้จนเจ็บคอไปหมดแล้วมั้ง” ไอ้พีทนิ่วหน้า ใช้ตีนถีบสีข้างผมเบา ๆ

“หึหึ มันเหนื่อยเดี๋ยวมันก็หลับเอง ปล่อย ๆ มันบ้างเถอะน่าาา” ผมทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ หันตัวไปนอนกอดก่ายไอ้พีทและเอาหัวซบเข้ากับอกมันทำทีจะผล็อยหลับ

“ปล่อย! เวกัส...ความอดทนมึงนี่ต่ำจริง ๆ เลยนะ กูออกไปเอานมให้เวนิสแป๊บเดียว กลับมาจะ...ค่อย...ต่อก็ได้ แต่มึงก็ไม่สนใจเหี้ยห่าไรเลย” ไอ้พีทพ่นออกมายาวเหยียด

“ปล่อยเหี้ยไรล่ะ เป็นแบบนี้มากี่คืนแล้ว กว่ามึงจะชงนม กว่ามึงจะกลับ กว่าจะเล้าโลมใหม่ กว่าจะ....”

“มันก็มีหลายคืนนี่ที่เรา...มีอะไรกันอ่ะ ใช่กูจะปล่อยให้มึงอดยากปากแห้ง แต่คนอย่างมึงมันไม่เคยพอต่างหาก!” ไอ้พีทใช้นิ้วจิ้มหน้าผากผมแรง ๆ

“ก็ถูกของมึง หึ” ผมผงกหัวขึ้นช้อนตามองใบหน้าของแฟนผมก่อนจะยิ้มโรคจิต ๆ (ไอ้พีทชอบบอก) ออกมาช้า ๆ “กูต้องการมึงตลอดเวลานั่นแหละ...

กูสามารถ...เอามึงได้ทั้งวันโดยไม่เหนื่อยเลยด้วย” ผมตั้งท่าจะไซร้คอมันต่อ แต่ไอ้พีทดันหัวผมออกมาอย่างแรง

“ไม่ต้องทำมาหาแดกกันแล้ว! ไอ้สัด!!! ปล่อย!” ไอ้พีทชักสีหน้าอีกครั้ง จนผมเลิกแกล้งมันแล้วเอากุญแจมาปลดล็อกข้อมือให้

“แกล้งแค่นี้ทำเป็นโมโห...” ผมโน้มตัวไปหอมแก้มมันฟอดใหญ่ ไอ้พีทรีบลนลานไปห้องน้ำ จัดการล้างตัวแล้วใส่กางเกง แล้ววิ่งออกไปยังห้องข้าง ๆ ที่ติดตั้งเบบี้มอนิเตอร์เอาไว้ เวลามันตื่น ไอ้พีทจะได้เอาน้ำ เอานมไปประเคนให้มันถึงที่ ความร้ายกาจของเด็กนั่น ไม่รู้ทำไมผมถึงเห็นคนเดียวแต่ไอ้พีทไม่เห็น มันออเซาะ อ้อนไอ้พีทอย่างกะอะไรดี ทำตัวเป็นลูกที่ดี ชอบทำท่าน่ารัก ๆ ให้ไอ้พีทมันยืนปรบมือน้ำตาไหลอยู่เป็นประจำ แต่พอมันอยู่กับผมสองคนจะบอกให้ว่ามันเป็นเด็กนรกแค่ไหน มันชอบแลบลิ้นปลิ้นตาใส่ผม แถมยังชอบร้องไห้ให้ไอ้พีทพาลมาด่าผมว่าผมแกล้งมัน ทั้ง ๆ ที่ผมยืนเฉย ๆ ไม่ทันได้ทำอะไรเลย แม่ง!!! มันเปรตตั้งแต่เด็ก ไม่รู้เหมือนใคร! แค่มันแย่งความรักจากไอ้พีทไปผมก็แทบจะทนไม่ได้แล้ว นี่ไอ้มาเก๊าดันติดหลุมพลางเออออไปกับไอ้พีทซะงั้น ตอนพีทเอามันมาเลี้ยง แรก ๆ มาเก๊าก็ตึง ๆ ไม่ค่อยเห็นด้วย แต่พอนานวันเข้า ไอ้มาเก๊ากลายเป็นหลงไอ้เวนิสจนโงหัวไม่ขึ้นอีกคน วู้ววววว!!! ผมล่ะขยาดไอ้เด็กนั่นชิบเป๋ง! หน้าก็ใช่ว่าจะน่ารัก จะบอกให้ว่าหน้ามันกวนส้นตีนสุด ๆ ยิ่งโตตายิ่งตี่ ตี่ไม่พอเรียว ๆ เล็ก ๆ เวลามันมองมาทีเหมือนคนพร้อมจะมีเรื่องตลอดเวลา ถ้าโตขึ้นมึงโดนรุมกระทืบกูจะไม่แปลกใจเลย!

..

.

“ดูไปดูมา เวนิสหน้าเหมือนมึงมากเลยนะ” ผมชะงักกึกระหว่างกำลังจะตักข้าวเข้าปาก แต่คนที่รีแอคแรงกว่าผมเห็นจะเป็น...

“ว้ากกกกกกกก!!!!” เวนิสที่นั่งกินซีรีแล็คอยู่ข้าง ๆ แหกปากร้องลั่นออกมา

“โอ๋ ๆ ๆ ไม่เหมือน ๆ ๆ ไม่ต้องไปเหมือนป๊าเวกัสหรอกเนอะ เหี้ยขนาดนี้” ประโยคหลังมันกัดฟันพูดเสียงเบาแล้วหันมาทางผม จนผมต้องส่ายหน้าเอือมระอา “ลูกป๊าหล่อกว่าตั้งเยอะ...เนอะ” ไอ้พีทหันไปเอาใจเวนิสยกใหญ่จนผมแทบจะคว่ำถ้วยข้าวต้มใส่หัวเวนิส ข้อหาไม่อยากหล่อเหมือนซุปตาร์ เดี๋ยวมึงจะโดนนะไอ้เวนิส!!!

“จริง ๆ ดู ๆ ไปแล้วก็เหมือนนะพี่พีท นี่เดี๋ยวผมเอารูปตอนเด็ก ๆ ของเฮียมาให้ดู” ไอ้มาเก๊าวิ่งออกจากโต๊ะอาหาร เข้าไปที่ห้องรับแขก แล้ววิ่งโร่กลับมาพร้อมอัลบั้มรูป “นี่ ๆ ดูดิ” พีทกับมาเก๊าเปิดอัลบั้มดูหัวเราะกันยกใหญ่ยกเว้นผมกับไอ้เวนิสที่หน้าง้ำหน้างอ อยากจะร้องไห้ออกมาเต็มทน

“มาเก๊า รีบ ๆ แดก จะไปไหม ? มหาวิทยาลัยอ่ะ” ผมวางช้อนพร้อมดื่มน้ำตามลงไป ไอ้มาเก๊าพยักหน้างึกงักแล้วเดินไปนั่งที่เก้าอี้จัดการข้าวต้มของตัวเองต่อ

“อ่ะ! อย่าลืมกินยา” พีทยื่นยาหลังอาหารให้ผม ผมรับเอามาดื่มปกติเป็นกิจวัตรประจำวัน “วันนี้กลับกี่โมง” พีทหันหน้ามาถามผม

“มีประชุมกับพอร์ช น่าจะค่ำ ๆ”

“โอเค งั้นกูสามคนกินข้าวก่อนนะ”

“ครับ เดี๋ยวจะรีบกลับ” ผมลุกขึ้นจากเก้าอี้ดึงหัวไอ้พีทมาจุ๊บหนึ่งที ซึ่งเป็นเรื่องเคยชินในทุกวัน ทั้งเสียงหัวเราะบนโต๊ะอาหาร ทั้งการพูดคุย ทั้งการกอด การหอม เรื่องราวต่าง ๆ ที่ไม่เคยเกิดขึ้นในบ้านหลังนี้ แต่เมื่อมีพีทบรรยากาศในบ้านดูอบอุ่นมากขึ้น รอยยิ้มของเขาเหมือนพระอาทิตย์ที่ส่องสว่างนำทางให้ทุกชีวิตล้วนสดใสและมีชีวิตชีวา

“เดี๋ยวผมรีบกลับมาอยู่เป็นเพื่อนนะพี่พีท” ระหว่างทางที่เราเดินไปยังรถหน้าบ้าน ไอ้มาเก๊าก็เกาะติดไอ้พีทยกใหญ่ พีทเปรียบเสมือนแม่เหล็กที่ดึงดูดทุกคนให้เข้ามาหาและเมื่ออยู่ใกล้ ๆ ก็ยิ่งสบายใจ

“ตั้งใจเรียน มึงก็รีบกลับมานะ” พีทหันไปยิ้มให้มาเก๊าและหันมาบอกผม ผมพยักหน้ารับและเดินตรงไปที่รถแวนของบ้านทันที

ผมจัดการไปส่งมาเก๊าที่มหาวิทยาลัย และตรงดิ่งไปยังจุดหมาย จริง ๆ วันนี้ผมไม่ได้เข้าบริษัท และผมไม่ได้มีนัดกับพอร์ชตอนค่ำ แต่ผม...มีนัดกับพอร์ชทั้งวันเลยต่างหาก

..

.

“วันนี้รีบหรือเปล่า” พอร์ชถามผมขณะที่ผมนั่งจิบวิสกี้อยู่ตรงโซฟา

“ไม่” ผมตอบห้วน ๆ และหันไปหยิบบุหรี่ขึ้นมาสูบ

“ก็ดี กูนึกว่ามึงกลัวไอ้พีทจนไม่กล้านอกลู่นอกทางซะแล้ว” พอร์ชพูดน้ำเสียงยียวนแถมยังไหวไหล่อย่างกวน ๆ พอร์ชก็ยังเป็นพอร์ชถึงปากจะไม่ค่อยดี แต่ยอมรับเลยว่า พักหลังเขาดูดี ราศีจับซะจนลืมภาพตอนเป็นจิ๊กโก๋ นักเลงหัวไม้ที่ไล่หวดกับไอ้คินน์ไปวัน ๆ

“แล้วที่ทำอยู่มันไม่นอกลู่นอกทางหรือไง” ผมยิ้มบาง ๆ ส่งกลับไปให้เขา

“ก็ถ้าไอ้พีทจับได้ กูก็นึกภาพไม่ออกเลยว่ะ”

“แล้วคินน์ล่ะ กลับบ้านดึก ๆ บ่อย ๆ มันไม่สงสัยหรือไง”

“เราถึงต้องระวังตัวมากขึ้นไง” พอร์ชล้มตัวลงนั่งข้าง ๆ ผม แล้วแย่งแก้ววิสกี้ในมือยกขึ้นดื่มซะเองจนหมดแก้ว

“ที่เราทำกันอยู่มัน...” พอร์ชเอนหลังลงพนักโซฟาเบา ๆ

“มันถึงขนาดนี้แล้ว มึงไม่ควรถามคำถามนี้แล้วนะ...”

“กูกำลังทำร้ายคินน์...กูกำลังทำร้ายคนที่กูรัก...กูกำลัง...จะเป็นปีศาจ”

“เปล่า...ไม่ใช่...เราไม่ได้จะกลายเป็นปีศาจ...แต่...”

บทถัดไป