บทที่ 3 ยายเฉิ่ม น่าฟัด

“โอย... หน้าตาก็ดีอยู่หรอก แต่ฉันไม่พร้อมจะมาลุยกลางคืนแย่งสาว ๆ แกเห็นไหมสก๊อยปากแดงนั่งคอยท่าพ่อดีเจกันเต็มไปหมด”

“ค่ะ แม่คนช่างเลือก ดื่ม ๆ ทำไมคอแห้งจัง”

“เดี๋ยวก็เมาหรอก”

“ไม่เป็นไร ฉันบอกพี่ไกด์ให้มารับแล้ว แต่บอกว่าให้มาดึก ๆ นะ รอเราสองคนเมาปลิ้นกันก่อน”

“โธ่... เอมทำไมแกทำแบบนี้ล่ะ พี่ไกด์มาเห็นสภาพที่ฉันย่ำแย่ขนาดนั้น ฉันจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน”

“ดีออก เห็นกันตอนนี้แหละ จะได้รู้ว่าตัวตนที่แท้จริงของฉันกับแกเป็นยังไง”

“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับฉันไหมเอม”

“ไม่เกี่ยว ฮา...” ทั้งสองคุยกันอย่างสนุกสนาน โยกย้ายตามจังหวะเสียงเพลงไปบ้าง

“นี่เอมแกรู้ไหม ยายฉันบอกฉันก่อนตายว่ายังไง”

เอมมาลินสบตา ทำหน้าเศร้า

“ก็บอกให้ส้มดูแลตัวเองดี ๆ ไง ใช่ไหมเพื่อน”

“เปล่า ไม่ใช่เรื่องนั้น ยายบอกว่าถ้าฉันไม่ได้แต่งงานก่อนอายุยี่สิบเก้าปี ฉันจะต้องอยู่คนเดียวไปตลอดชีวิต”

“อั้ยย่ะ ยายแกดูดวงแม่นซะด้วยสิ จำได้ไหมที่บอกว่า แม่ฉันจะเจอกับป๊า แล้วจะได้ไปอยู่สุขสบายที่เมืองนอก ทั้ง ๆ ที่ตอนนั้นยังขายอาหารตามสั่งต๊อก ๆ แต๊ก ๆ อยู่เลย ยายแกโคตรแม่นนะ แล้วยังบอกฉันอีกว่า ไม่ต้องกลัวลำบาก อีกหน่อยฉันจะได้ผัวรวย”

โบนิตานั่งทำปากแบน ถอนหายใจออกมาดัง

“ยายนะยาย ทำไมมาพูดแบบนี้ก็ไม่รู้ ทำให้คิด” เธอยกแก้วเหล้าเข้าปากดังบึบ...

“วันนี้แกอายุครบยี่สิบแปดปี ใช่ไหม แกมีเวลาอีกตั้งปีหนึ่งหาผัวเลยนะส้ม อย่าเพิ่งท้อใจ”

“คนหาเจอแล้วก็พูดง่ายเนอะ แล้วฉันจะไปหาแถวไหน ผู้ชายดี ๆ ไม่ใช่แมลงวันนะจะได้คุ้ยหาได้ตามกองขยะ”

“เฮ้... เปรียบผู้ชายเป็นแบบนี้น่ะสิ แกถึงได้ไม่เจอผู้ชายดี ๆ สักที”

กริ๊ง... สองสาวชนแก้ว

“ขอประทานโทษนะครับ กระเป๋านี่ของคุณไหมครับ พอดีมันหล่นลงไปข้างล่าง” เสียงทุ้มน่าฟังมาก ๆ

สองสาวรีบหันหน้าไปมองหน้าเขาเอมมาลินหรี่ตา เธอรู้สึกเหมือนกับว่าเคยเห็นผู้ชายคนนี้มาก่อน แต่โบนิตากลับคว้าเอากระเป๋าจากมือของชายหนุ่มมาถือเอาไว้ทันที

“ขอบคุณค่ะ ของฉันเอง” น้ำเสียงแสนห้วน

‘ผู้ชายคนนั้นทำหน้าเหลอหลา’ นึกในใจ

‘เมื่อกี้ได้ยินว่าเกลียดผู้ชาย ไม่มีคนมาจีบ แต่แม่เอ๊ย... พฤติกรรมแบบนี้น่ะสิ ถึงได้ไม่มีใครมาจีบ’ เขายิ้มมุมปาก

“ไม่เป็นไรครับ” แล้วเขาก็เดินไป

เอมมาลินอ้าปากค้าง โบนิตารีบพัดมืออยู่ที่ข้างหน้าเธอ

“แหม... เห็นผู้ชายหล่อ ๆ เป็นไม่ได้ อ้าปากค้าง เดี๋ยวเหอะ ผัวแกมาฉันจะฟ้อง”         โบนิตาหมายถึงพี่ไกด์

“ไอ้ส้ม ฉันเปล่าคิดแบบนั้นสักหน่อย แต่ฉันเหมือนกับเคยเจอเขา”

“อื้อฮือ... คนสมัยนี้หน้าโหลจะตายไป ร้านหมอศัลยกรรมเต็มเมือง จะมีทุกมุมอะมั้ง”

“เขาหล่อจริง ๆ นะแก ไม่ลองอ่อยดู”

“ยี้...” ทำเสียงแบบรังเกียจ

“หึ... ฉันเชื่อยายแก ไม่ต้องสงสัย ยายส้มได้อยู่เป็นโสดจนตายแน่ ๆ”

เอมมาลินทำเสียง

“เฮ้ย... อย่าพูดแบบนี้ดิ ไม่เอา ของฉันมี ฉันก็อยากลองใช้ดูสักครั้ง”

เอมมาลินหัวเราะ

“โธ่... ไม่ใช้ก็ไม่เป็นไรมั้ง”

“แล้วแกเห็นไหมว่าเขาเดินไปทางไหน” โบนิตาถามเพื่อน

“ฮั่นแน่... เขาหล่อเนอะ โน่นไง” เธอชี้ให้เพื่อนดู

โบนิตาหันไปยิ้มให้กับเขา แล้วยักคอให้ ทำหน้าตาแบบว่า ฉันสวย กำลังทำท่าอ่อย ๆ เขาอยู่

ผู้ชายคนนั้นส่งยิ้มมาให้ แต่จริง ๆ เขากำลังหัวเราะในพฤติกรรมของเธอต่างหาก

‘หน้าตาก็ดีอยู่หรอก แต่ทั้งเฉิ่ม ๆ เชย ๆ เพื่อนยังดูสวยกว่า เอ...ผู้หญิงคนนั้นเหมือนแฟนพี่ไกด์เลยว่ะ’

เขานึกพลางหยิบมือถือของตัวเองขึ้นมาเปิดดูอินสตาแกรมของไกด์ลูกพี่ลูกน้องของตัวเอง

‘โป๊ะเชะ...ว่าแล้วทำไมคุ้น แต่ว่าเพิ่งกลับมาวันนี้ มาโผล่อยู่ที่นี่เลยหรือ แล้วยายเพื่อนนั่น…’

เขารีบกดส่งข้อความไปหาพี่ชาย

(ผมเจอคู่หมั้นพี่ที่ผับของผม)

(อ๋อ... ฉันแนะนำให้ไปเที่ยวที่นั่นเองแหละ กำลังจะไปรับอยู่ด้วย)

(พี่จะมาหรือครับ)

(ก็เอมเขาบอกว่าจะพาเพื่อนเที่ยวผับ ฉันว่าเที่ยวที่นี่ปลอดภัยที่สุด แกจะได้เป็นหูเป็นตาให้ฉันด้วยไง)

(ไม่มีใครมาเกาะแกะกับแฟนพี่หรอกครับ เห็นนั่งเอาหัวพิงกันกับเพื่อนสนิทมั้ง นึกว่าเป็นคู่เลสเบี้ยน)

(ปากแกนี่มันก็ยังร้ายเหมือนเดิมนะ เพื่อนสนิทสมัยมัธยมของเอม เดี๋ยวเจอกัน)

(ครับผม)

หิรัญเดินไปที่เคาน์เตอร์แคชเชียร์

“นี่บัตรเครดิตของโต๊ะไหน ทำไมไม่คืนลูกค้าไป”

“อุ๊ยตายละ ขอโทษค่ะคุณกาย ลูกค้าคงทำร่วงเอาไว้น่ะค่ะ เมื่อกี้หนูคืนไปแล้วนะคะ” หน้าตารู้สึกผิด เพราะดวงตากลมโตของเขาที่จ้องมองเหมือนว่าเธอทำความผิด

“แล้วของโต๊ะไหนจำได้ไหม”

“เอ่อ... ของพี่ผู้ชายกลุ่มนั้นค่ะ” พนักงานสาวชี้ให้เขาดูที่โต๊ะเป้าหมาย

“วันหลังต้องดูดี ๆ แล้วตรงนี้ทำไมปล่อยให้รกแบบนี้ รู้ใช่ไหมว่าฉันไม่ชอบ”

“ค่ะ ทราบค่ะ เดี๋ยวหนูจัดการเดี๋ยวนี้เลยค่ะ” เธอรีบหาผ้ามาเช็ดโต๊ะ แล้วเริ่มเก็บของที่รกรุงรัง

เจ้านายหนุ่มเดินเอาบัตรเครดิตไปคืนให้กับเจ้าของบัตร

ตอนที่เขาหันหลังกลับเขาต้องหยุดฝีเท้ายืนฟัง

“มึงดูยายเฉิ่มนั่นดิ น่าฟัดเหมือนกันนะ นมตูม ๆ เชียว”

ชายหนุ่มที่อยู่ในกลุ่มพากันหัวเราะ

“กูก็มองอยู่เหมือนกัน แม่งเอ๊ยคิดเหมือนกันเลย พามาขัดสีฉวีวรรณนะ กูว่า เอามัน”

“ไอ้เชี่ย ถ้าจะเอามัน เสื้อผ้าไม่เกี่ยวดีกว่าไหม”

หิรัญไม่ชอบเลยที่พวกผู้ชายพวกนี้พูดแบบนี้ ชายหนุ่มหันมองไปยังโต๊ะที่พวกนี้เอ่ยถึง เขารู้สึกหัวเสีย ผู้หญิงที่เอ่ยถึงก็คือเพื่อนของเอมมาลินคู่หมั้นของพี่ชาย

บทก่อนหน้า
บทถัดไป