บทที่ 10 แรงกดดันจากทุกด้าน

สองสามวันให้หลัง เหตุการณ์เรื่องการย้ายกลับกรุงเทพฯ ยังคงเป็นประเด็นที่ค้างคาอยู่ในใจของเอื้องดาว แม้เธอไม่เห็นหน้าธีรชลตอนที่เขาพูด แต่คำพูดที่เต็มไปด้วยความรังเกียจของเขายังคงดังก้องอยู่ในหู ทำให้เธอต้องใช้ความพยายามอย่างมาก ในการแสดงละครต่อหน้าเยาวภา

ในตอนเย็นหลังอาหารค่ำ ขณะที่เอื้องดาวกำลังนวดขาให้เยาวภาที่โซฟาในห้องนั่งเล่น เยาวภาก็เปิดประเด็นนี้ขึ้นมาอีกครั้ง

“ย่าเริ่มสั่งให้คนจัดการเรื่องห้องนอนที่กรุงเทพฯ แล้วนะเอื้อง” เยาวภาพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเบิกบานใจ

“ย่าว่าจะให้ทาสีห้องใหม่ให้สวยกว่าเดิม ห้องนอนของธีร์จะได้อยู่ติดกับห้องของเราไง เวลามีอะไรจะได้ดูแลกันง่ายๆ” เอื้องดาวรู้สึกเหมือนมีก้อนแข็งๆ มาจุกอยู่ที่คอ เธอต้องใช้สติทั้งหมดที่มีเพื่อไม่ให้แสดงสีหน้าตกใจออกไป

“คุณย่าคะ...” เธอเว้นจังหวะ พลางใช้มือที่นวดอยู่หยุดลงเล็กน้อย

“มีอะไรเหรอ” เยาวภาหันมามองหลานสะใภ้อย่างจับผิด

“คือ...เอื้องว่าเรื่องย้ายกลับไปกรุงเทพฯ เนี่ย เราชะลอไว้ก่อนดีไหมคะ” รอยยิ้มของเยาวภาเลือนหายไปทันที แววตาที่เคยอ่อนโยนฉายแววผิดหวังออกมาอย่างชัดเจน

“ทำไมล่ะ? เอื้องไม่อยากไปอยู่กับธีร์แล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่แบบนั้นเลยค่ะคุณย่า” เอื้องดาวรีบปฏิเสธ พลางกุมมือที่เหี่ยวย่นของท่านไว้แน่น

“เอื้องอยากอยู่กับคุณย่าทุกที่อยู่แล้ว แต่เอื้อง...เอื้องเป็นห่วงคุณย่ามากกว่าค่ะ”

“เป็นห่วงอะไร ย่าก็แข็งแรงดีแล้วนี่”

“ก็เรื่องสุขภาพของคุณย่าไงคะ” เธอต้องโกหกด้วยความจริงใจที่สุด

“ที่นี่อากาศดี อากาศบริสุทธิ์ ไม่มีมลพิษจากโรงงานหรือรถยนต์เหมือนในกรุงเทพฯ นะคะ คุณย่ามาอยู่ที่นี่ตั้งหลายปี ร่างกายก็ชินกับสภาพอากาศที่ดีแบบนี้ไปแล้ว” เอื้องดาวมองตาเยาวภาอย่างแน่วแน่

“ถ้าคุณย่ากลับไปอยู่ที่นั่น...แล้วเกิดไม่สบายขึ้นมาอีก จะทำยังไงคะ? เอื้องกลัวว่าคุณย่าจะกลับไปมีอาการเครียดเหมือนเมื่อก่อนด้วย” เยาวภาเงียบไปครู่หนึ่ง ท่านพิจารณาคำพูดของเอื้องดาวอย่างละเอียด

“แต่เอื้องก็รู้ไม่ใช่เหรอ ว่าที่ย่าอยากกลับไปก็เพราะอยากให้เอื้องกับตาธีร์ได้อยู่ด้วยกัน” น้ำเสียงของท่านเจือความน้อยใจ

“เรื่องนั้นเอื้องรู้และเข้าใจดีค่ะ

“รู้แล้วยังกังวลอะไร หรือว่ากลัวแม่รัตน์ ไม่ต้องห่วงนะ ย่าจะไม่ยอมใครให้ทำอะไรเอื้องเด็ดขาดเลย”

“เรื่องนั้นก็ไม่ใช่ค่ะคุณย่า” เธอจับมือท่านเบาๆ

“เอื้องมีความสุขที่ได้ดูแลคุณย่าที่นี่นะคะ เอื้องเคยอยู่คนเดียวมานานแล้ว เอื้องชินค่ะ” เธอยิ้มเศร้า ๆ

“แต่ถ้าคุณย่าไปอยู่กรุงเทพฯ แล้วสุขภาพแย่ลง เอื้องจะรู้สึกผิดกว่าที่ไม่ได้ดูแลพี่ธีร์อีกเป็นร้อยเท่าเลยนะคะ” คำพูดของเอื้องดาวทำให้เยาวภาอ่อนลงทันที ท่านรักและเชื่อใจเอื้องดาวมากจนมองข้ามความจริงที่ว่า หลานสะใภ้กำลังพยายามยับยั้งการกระทำของตัวเองอยู่

“อืม...เอื้องพูดก็มีเหตุผล” เยาวภาน้ำเสียงอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด

“ย่าก็แค่คิดว่า...ถ้าเอื้องไปอยู่กับธีร์ที่นั่น ธีร์จะได้ดูแลเอื้องบ้างไง ย่าเองก็ไม่สบายใจที่เห็นเอื้องต้องมาลำบากดูแลย่าอยู่คนเดียวแบบนี้”

“คุณย่าอย่าพูดแบบนั้นสิคะ การดูแลคุณย่าไม่เคยทำให้เอื้องลำบากเลย” เธอใช้มือบีบมือคุณย่าอย่างปลอบโยน

“เราอยู่ที่นี่ด้วยกันไปก่อนนะคะ ถ้าคุณย่าคิดถึงพี่ธีร์ เราก็แค่โทรหาเขาบ่อยขึ้นก็ได้”

“โทรหาให้บ่อยขึ้นอะไรกัน ทุกวันนี้ย่าเห็นธีร์โทรหาเอื้องแค่วันละครั้งเอง บางวันไม่โทรด้วยซ้ำ”

“พี่ธีร์เขายุ่งค่ะ เอื้องคุยกับเขาแล้ว เขาเล่าอะไรให้เอื้องฟังเยอะมาก คุณย่าสบายใจได้เลยค่ะ แล้วก็พี่ธีร์ยังบอกอีกนะคะ ว่าจะพยายามมาหาให้ได้ทุกอาทิตย์”

“เห็นเอื้องยิ้มได้ย่าก็ดีใจ ย่ารู้และก็เข้าใจนะว่าธีร์กับเอื้องไมได้รักกันมาก่อน แต่เชื่อเถอะว่าอยู่กันไปเดี๋ยวก็รักกันเอง เหมือนย่ากับปู่นั่นแหละ"

“ค่ะ”

“ย่าถามอีกครั้งนะ เอื้องไม่ได้โดนธีร์บังคับให้มาพูดกับย่าใช่ไหม?” แม้เยาวภาจะรู้คำตอบอยู่แล้ว แต่เธอก็อยากจะลองใจเอื้องดาวเท่านั้น ว่าเธอจะกล้าพูดความจริงหรือเปล่า

“ไม่นะคะ...เอื้องพูดเองค่ะ เพราะว่าเอื้องเป็นคนดูแลคุณย่ามาตลอด เอื้องรู้ดีค่ะว่าอะไรดีไม่ดีกับคุณย่า” สุดท้าย เยาวภาก็พยักหน้าอย่างไม่เต็มใจนัก แต่ก็ยอมรับฟังคำแนะนำของเอื้องดาว และถึงรับฟังก็ไม่ได้แปลว่าเธอจะทำตามที่พูด เยาวภาไม่มีวันยอมปล่อยให้สองคนนี้แยกกันอยู่แน่นอน สุดท้ายเธอจะต้องหาทางทำให้พวกเขาได้อยู่ด้วยกันให้ได้

“ก็ได้...ถ้าอย่างนั้นก็เลื่อนไปก่อนแล้วกัน” หญิงถอนหายใจ ถึงเธอจะรับปากแบบนั้นแต่ในใจของเธอยังคงคิดหาทางที่จะพาหลานสะใภ้กลับไปอยู่กรุงเทพ

“แต่เอื้องต้องสัญญากับย่านะ ว่าจะโทรไปรายงานธีร์เองว่าเรื่องนี้ย่าเป็นคนตัดสินใจ แล้วก็ต้องหาเวลาคุยกับธีร์ให้บ่อยขึ้นด้วย”

“ค่ะ” เอื้องดาวรับปากทันที แม้ในใจจะหนักอึ้ง เพราะการโทรหาธีรชลแต่ละครั้งก็เหมือนกับการเดินเข้ากองไฟดีๆ นี่เอง

บทก่อนหน้า
บทถัดไป