บทที่ 2 เซอร์ไพรส์พิเศษจากย่า

“ตอนนี้ธีร์ไม่ได้เป็นแฟนของจี้แล้วนี่ ธีร์มีภรรยาแล้ว จี้ไม่อยากเป็นชู้” หญิงสาวพูดพลางแกะแขนของแฟนหนุ่มออก แต่เขากลับยิ่งกอดเธอแน่นกว่าเดิม

“ไม่เอาสิจี้ ธีร์ไม่ได้อยากแต่งกับยัยพยาบาลบ้านนอกนั่นสักหน่อย เราคุยกันแล้วนี่คะว่าธีร์แค่แต่งตามความต้องการของคุณย่า ถ้าคุณย่าเซ็นยกมรดกให้ธีร์แล้ว ธีร์ก็จะเฉดหัวมันไปทันที”

“งั้น เราก็ห่างกันก่อนนะคะ จี้จะลดสถานะเป็นแค่เพื่อนของคุณไปก่อน แล้วก็...” เธอพูดพลางแกะมือของเขาออก แล้วถอยจากเขา

“อะไรที่เพื่อนไม่ทำกัน ธีร์ก็ไม่มีสิทธิมาทำกับจี้”

“จี้...อย่าทรมานกันแบบนี้สิ คุณก็รู้ว่าผมจำใจ ผมไม่มีทางเลือก ทั้งคุณพ่อ คุณแม่ โดยเฉพาะคุณย่ากดดันให้ผมต้องยอมทำแบบนี้” เสียงโทรศัพท์ของธีรชลดังขึ้น เมื่อเขาหยิบขึ้นมาดูก็พบว่าเป็นเยาวภาย่าของเขาโทรฯ เข้ามา

“เรากลับเข้าไปที่งานกันเถอะ ไปทำต่อให้มันจบๆ รำคาญจะตายอยู่แล้ว” ธีรชลบอกกับจิรนิษฐ์ ก่อนที่ทั้งคู่จะเดินจับมือกันกลับเข้าไปในงาน

ธีรชลและจิรนิษฐ์เดินกลับเข้ามาในห้องจัดเลี้ยง แขกในงานต่างพากันมองไปที่คนทั้งสองแล้วกระซิบกระซาบ บางคนเบิกตากว้างเพราะเห็นรอยแดงที่คอของจิรนิษฐ์ มันชัดจนไม่อาจปกปิด และดูก็รู้ว่ารอยมันเกิดมาจากอะไร

“ว้ายตายดูนั่นสิ...หายออกไปกับผู้หญิง พอกลับเข้ามาก็มีรอยแบบนั้นอยู่ที่คอ”

เอื้องดาวยืนนิ่งอยู่ปลายทางเดิน ดวงตาเหมือนถูกทิ่มแทง หัวใจที่เพิ่งเจ็บอยู่แล้วเหมือนถูกบีบแน่นขึ้นไปอีก ธีรชล…กลับเข้ามาแล้วแต่หน้าของเขาก็ยังเต็มไปด้วยความไม่เต็มใจเหมือนทุกอย่างเป็นภาระหนักที่เขาต้องแบก

เขาจับมือจิรนิษฐ์เดินเข้ามาตรงกลางห้องอย่างไม่ปิดบัง มือเขาจับแน่นราวกับต้องการประกาศให้ผู้คนรู้ถึงความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเธอ แขกในงานพากันซุบซิบเสียงดังขึ้นเรื่อยๆ เอื้องดาวมองรอยแดงบนคอของจิรนิษฐ์ ก็รู้สึกอับอายเหลือทน นอกจากแขกในงานแล้ว พ่อแม่ของเธอก็มาร่วมงานด้วยตามคำเชื้อเชิญของเยาวภา

“แขกจะสับสนหรือเปล่า ว่าเจ้าสาวคนไหน” ธารารัตน์พูดขึ้นอีกครั้ง เธอรู้สึกสะใจมากที่เห็นลูกชายทำแบบนั้น เดิมทีเธอไม่ลงรอยกับเยาวภาอยู่แล้ว เห็นลูกชายฉีกหน้าย่าตัวเองแบบนี้ก็ยิ่งสะใจ ที่ยิ่งไปกว่านั้น เธอไม่ได้อยากได้ลูกสะใภ้คนนี้เลย ยิ่งเป็นสะใภ้ที่เยาวภาเลือกก็ยิ่งไม่อยากได้

“ถ้าจะโดนด่าว่าพ่อแม่ไม่สั่งสอน ฉันก็คงไม่แปลกใจ” เยาวภาพูดพลางมองไปทางลูกสะใภ้ เธอเองก็ไม่ได้เกรงใจอะไรธารารัตน์อยู่แล้วเช่นกัน

ธีรชลสบตาเอื้องดาว เพียงแวบเดียวสายตานั้นก็แสดงออกอย่างเย็นชา และเต็มไปด้วยความรำคาญ เหมือนทุกสิ่งที่เกิดขึ้นไม่มีความหมายสำหรับเขา เหมือนเธอเป็นเพียงหุ่นเชิดตัวหนึ่งที่เขาเอามาแสดงให้กับเยาวภาดูเท่านั้น

เอื้องดาวกัดริมฝีปากแน่นน้ำตาแทบเอ่อออกมา แต่เธอฝืนกลั้นไว้พยายามทำเหมือนไม่ได้รู้สึกอะไร ทำเป็นว่าไม่สนใจ ทั้งที่จริงๆ เธอทั้งเจ็บทั้งอายจนแทบแทรกแผ่นดินหนี พิธีกรพยายามเร่งเสียงให้ทุกคนตั้งใจฟัง

“เชิญคู่บ่าวสาวขึ้นเวที…เพื่อกล่าวคำขอบคุณแขกผู้มีเกียรติค่ะ”

ธีรชลพาจิรนิษฐ์ขึ้นไปบนเวทีราวกับว่าเธอคือเจ้าสาวที่เขาเลือก เยาวภามองคนทั้งสองด้วยสายตาไม่พอใจอย่างชัดเจน ก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินไปจูงมือเอื้องดาวตามขึ้นไปบนเวทีอย่างไม่ยอม

“ใครที่ไม่ได้ถูกกล่าวถึงก็ไม่ต้องเสนอหน้าขึ้นมา” เมื่อขึ้นมาบนเวที เยาวภาก็ดึงมือธีรชลออกจากจิรนิษฐ์ แล้วยัดมือของเอื้องดาวใส่เข้าไปแทน ก่อนจะพูดเหน็บแขกไม่รับเชิญด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจอย่างมาก

“คุณย่า...”

“อย่าทำให้ย่าขายหน้าไปมากกว่านี้นะธีร์” ไม่ทันทีธีรชลจะได้พูดอะไร เยาวภาก็ชิงพูดขึ้นก่อน เธอกระชากแขนจิรนิษฐ์อย่างแรงแล้วลากลงมาจากเวทีพร้อมกับเธอ

“พอใจหรือยัง อยากจะพูดนักก็พูดสิ” ธีรชลหันไปพูดกับเจ้าสาวของเขา สีหน้าของเธอตอนนี้จวนจะร้องไห้ออกมาเต็มที

“เชิญเจ้าบ่าวเจ้าสาวพูดกับแขกในงานสักนิดนะคะ” เสียงพิธีกรดังขึ้นอีกครั้ง เมื่อทั้งเจ้าสาวและเจ้าบ่าวต่างก็ไม่มีใครพูดอะไรสักที

“ขอบคุณครับ” ธีรชลรับไมค์มาพูดในที่สุด แต่เขาก็พูดเพียงแค่ขอบคุณเท่านั้น พูดจบก็ยื่นไมค์คืนให้กับพิธีกร แล้วเดินลงจากเวทีอย่างไม่สนใจเจ้าสาวเลยแม้แต่น้อย ทั้งพิธีกร เอื้องดาว เยาวภา หรือแม้แต่แขกในงาน ตลอดไปจนถึงครอบครัวญาติพี่น้องของเอื้องดาว ต่างก็พากันอึ้งกับสิ่งที่เขาทำ

“สมใจคุณแม่แล้วหรือยังคะ” ธารารัตน์พูดเย้ยหยันแม่สามี เธอสะใจเหลือเกินที่เห็นลูกสาวทำแบบนี้ เพราะเธอไม่เต็มใจจะรับเอื้องดาวคนนี้มาเป็นสะใภ้ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว

“ลำดับต่อไปขอเชิญแขกทุกท่าน ร่วมเป็นสักขีพยานการจดทะเบียนสมรส ระหว่างเจ้าบ่าวและเจ้าสาวด้วยนะคะ”

“อะไรนะ!!!” สิ้นเสียงพิธีกรประกาศ ธีรชลก็ร้องขึ้นทันที

บทก่อนหน้า
บทถัดไป