บทที่ 3 บทที่1.วิวาห์พาฝัน 2
หญิงสาวถอนใจ เธอหอบเศษดอกไม้ไปทิ้งในถังขยะ ดวงตาแสนเศร้ามองดอกไม้เหล่านั้นด้วยความเสียดาย...ดอกไม้ในถังขยะเป็นดอกไม้ช้ำๆ ที่รูปทรงไม่สมบูรณ์ มันถูกคัดทิ้ง...เพราะสภาพที่ไม่พร้อมใช้งาน และคงไม่ต่างจากตัวเธอ เป็นของเหลือใช้ที่ไม่มีใครเห็นคุณค่า เธอตัดใจเทดอกไม้เหล่านั้นทิ้ง ยังมีงานอีกมากรออยู่ บุษบันไม่มีเวลามายืนหายใจทิ้งเปล่าๆ
รีสอร์ตรินลดา เป็นรีสอร์ตที่แพรวนราเพื่อนสนิทของเธอฝากฝังให้มาทำงาน แพรวนรารู้... เวลานี้เพื่อนของเธอต้องการเวลาเยียวยาหัวใจ เมื่อกำลังบอบช้ำจนสุดที่จะปั้นหน้าชื่นหลอกตาคนใกล้ตัวได้
อีกอย่าง...ชายคาของบ้านไชยยะนัน ยิ่งทำให้บุษบันช้ำหนัก
หญิงสาวจึงหาที่สงบๆ ให้เพื่อนใช้เป็นที่พักใจ แต่ใครจะรู้ล่ะ คนเหล่านั้นก็ยังตามมาหลอกหลอนบุษบันอยู่ดี
สาวสุดชอกช้ำนึกอยากจะโทร. หาเพื่อนรักจับจิต แต่คงต้องรอให้งานด่วนครั้งนี้ผ่านไปเสียก่อน อย่างแรกที่เธอควรทำ คือพยายามอยู่ให้ไกลรัศมีของงานวิวาห์แสนหวานนี่ ไม่ใช่เพราะกลัว แต่เพราะเธอไม่อยากเห็นความหลอกลวงที่เกิดซึ่งหน้าจากผู้ชายคนนั้นอีก!!
“บุษๆ อยู่นี่เอง คุณรินมีเรื่องอยากไหว้วานพอดี”
“คะ” หญิงสาวขานรับลดถังขยะในมือลง เมื่อคนที่ร้องเรียกคือรินลดา เจ้าของรีสอร์ตและเป็นนายจ้างของเธอ ผู้หญิงเก่งที่เธอนับถือ อายุเลยเลข4ไปหลายปี แต่ก็ยังคงสง่างามจนสาวใสแอบทึ่ง
“พอดีเด็กเสิร์ฟขาดคนหนึ่ง คุณรินเลยอยากให้บุษไปช่วย...”
หญิงสาวไม่เคยเกี่ยงงาน เธอมาทำงานในรีสอร์ตในฐานะเลขานุการกึ่งผู้ช่วยของรินลดา แต่งานอื่นๆ เธอก็ทำได้ ไม่เคยปฏิเสธแถมอาสาด้วยความเต็มใจ 2เดือนในรีสอร์ตแห่งนี้ ทำให้เธอผ่อนคลายและดีขึ้น จากความเมตตาของคนรอบข้าง
“ได้ค่ะ ที่ร้านอาหารใช่ไหมคะ บุษจะได้รีบไปเลย” ถังขยะถูกวางลงข้างตัว เธอเช็ดมือกับชายเสื้อ เงยหน้าขึ้นยิ้มเผล่
“เปล่าจ้ะ ที่งานข้างล่าง...แค่ช่วงสั้นๆ ก่อนที่ตัวจริงจะมาถึง...เริ่มมีแขกทยอยมาแล้ว แต่คนที่จะบริการมีไม่พอ คุณรินเลยอยากให้บุษลงไปช่วยแก้ขัดไว้ก่อน”
ใจหายวูบ!! คือสิ่งแรกที่บุษบันรู้สึก หญิงสาวยิ้มกร่อย ไม่กล้าปฏิเสธ แต่มันเป็นการฝืนตัวเองสุดๆ เมื่อความตั้งใจของบุษบัน คือเธอจะไม่เฉียดไปใกล้ชายหาด เพื่อป้องกันใจตัวเอง เธอไม่ได้เจ็บช้ำเพราะอดีตคนรัก กำลังประกาศให้ชาวโลกรู้ว่าผู้หญิงที่เขาเลือกไม่ใช่เธอ แต่เธอสมเพชตัวเอง สมเพชความโง่ที่หลงบูชานักรบมาช้านาน โดยไม่รู้ว่าเนื้อแท้ของชายผู้นั้น น่าขยะแขยงเสียจนสุดที่จะรับรู้
“ค่ะ...” เมื่อเลี่ยงไม่ได้ เธอก็จำต้องทำ แต่จะพยายามที่สุดไม่ให้เจ้าของงานรู้ว่าเป็นตนเอง
“แค่ชั่วโมงเดียวจ้ะ ก่อนที่ทีมงานจะเข้ามาเปลี่ยน ฝากด้วยนะบุษ แขกชุดนี้กระเป๋าหนักทุกคน ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด...เราคงมีงานแบบนี้มาอีกหลายงาน เมื่อกษิดิศชญาธรเขามีคนรู้จักเยอะ”
สาวใหญ่ยิ้มหวาน หล่อนเดินจากไปหลังสั่งงานบุษบัน รินลดาวางใจหญิงสาว เพราะนับตั้งแต่วันแรกจนถึงเวลานี้ บุษบันทำงานดีเกินตำแหน่ง
บุษบันสูดลมหายใจลึกๆ เธอเดินกลับห้องพักตัวเองก่อนที่จะเลยลงไปที่หาด เพื่อปกปิดใบหน้า อำพรางตัวจากสายตาคนอื่น ไม่ใช่กลัวการประจันหน้า เธอแค่ไม่อยากก่อความวุ่นวาย เพราะภารตีไม่เคยหยุดที่จะเสียดสีหากเจอเธอตรงๆ ไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนั้นชิงชังอะไรเธอนัก ทั้งๆ ที่เธอก็อยู่ในส่วนของเธอ ไม่เคยไปก้าวก่ายในส่วนของเจ้าหล่อนเลยสักนิด
ผมสลวยถูกถักเป็นเปีย ซ่อนความเงางามไว้ด้วยหมวกฟาง แว่นตาแฟชั่นที่แพรวนราลืมทิ้งไว้ ถูกใช้บังตาอีกชั้น บุษบันเอียงคอมองตัวเองในกระจก เธอยิ้มเศร้าๆ ก่อนจะเปิดประตูห้อง ออกไปเผชิญหน้ากับความจริง...และความรวดร้าวที่รออยู่เบื้องหน้า
เอาเข้าจริงๆ บุษบันกลับมองภาพความชื่นมื่นด้วยความรู้สึกชาๆ มันไม่ได้เจ็บลึกแบบที่เธอกลัว เมื่อได้เห็นหน้ากากที่นักรบฉาบหน้าไว้หลอกสายตาคนอื่น เธอกลับนึกขำขึ้นมาเสียแบบนั้น ดังนั้นจึงมีรอยยิ้มหยันๆ แต้มมุมปากของบุษบันตลอดช่วงที่เธอทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายมา
แต่ที่เธอไม่รู้...ตนเองกำลังตกเป็นเป้าสายตาของผู้ชายคนหนึ่ง เขาจับตามองเธอ นับตั้งแต่ที่หลานสาวกระซิบบอก เพื่อป้องกันความวุ่นวายที่อาจจะเกิดขึ้น หากบุษบันนึกอยากจะป่วน
นรสิงห์ไม่สงสัยเลยว่าทำไมผู้ชายอย่างนักรบถึงไม่คิดจะปล่อยมือจากผู้หญิงคนนั้นง่ายๆ
ใต้สิ่งที่หล่อนอำพรางไว้ คือความงดงามที่แทบไม่มีที่ติ หากเขาไม่รู้มาก่อนว่าผู้หญิงอย่างบุษบันเป็นเช่นไร นรสิงห์ ก็อาจจะสนใจหล่อน ตามวิสัยของภมรหนุ่ม
“เธอว่ามั้ย? เหมือนเจ้าบ่าวจะฝืนๆ ยังไงไม่รู้”
เสียงกระซิบกระซาบของกลุ่มสาวโสดกลุ่มย่อมๆ ที่รวมตัวยืนอยู่ไม่ไกลจากที่เธอยืนให้บริการ
“ไม่ฝืนได้ยังไง ใครจะไปทนยัยตีได้ หล่อนน่ะ ทั้งเหวี่ยง ทั้งวีน เอาแต่ใจสุดๆ แล้วสุภาพบุรุษอย่างคุณนักรบหรือจะทนหล่อนไหว ได้ข่าวว่า...รู้แล้วเหยียบนะยะ ไม่อย่างนั้นทีหลังฉันจะไม่เล่าให้ฟังอีก” ต้นตอข่าวลือลดเสียงลง หล่อนย้ำแล้ว ย้ำอีก ทั้งๆ ที่อยากจะเปิดปากพูดใจจะขาด
“ว่ามาเลย ใช่ที่ฉันได้ยินมามั้ยแก!!” ลูกคู่รีบสนับสนุน
“ก็งานนี้น่ะ เจ้าสาวที่ใครๆ ก็ว่าโชคดี เป็นคนเนรมิตขึ้นมาเอง เจ้าบ่าวไม่ต้องออกสตางค์สักบาท”
บุษบันไม่ได้เป็นคนไม่มีมารยาท เธอไม่ได้ตั้งใจแอบฟัง แค่อยู่ในรัศมีที่ได้ยินเต็มสองหู
“อันนี้ไม่รู้จริงหรือไม่จริง แต่ถ้าเป็นความจริง แสดงว่าข่าวเรื่องไชยยะนันกลวงก็เป็นข่าวจริงสิ”
“หูยยย หล่อ หรู โปรไฟล์ดี มาดสุขุม ดูดีตั้งแต่หัวจรดเท้า แต่ถ้ามีแต่ตัวก็ไม่ไหวนะเธอ”
หล่อนยกมือปิดปาก หัวเราะคิกคัก เพราะต่อให้นักรบเป็นผู้ชายในฝัน หากกระเป๋าใส่สตางค์ของเขาเบาหวิว ก็ไม่มีผู้หญิงคนไหนสนใจเขาหรอก
“ยัยตีคงไม่แคร์หร๊อก!! หล่อนอู้ฟู่รวยเหลือกินเหลือใช้ กะอีแค่ซื้อ ‘ผัว’ สักคน คงไม่ทำให้สมบัติหล่อนยุบยอบลงไปเท่าใดหร๊อกจ้า”
