บทที่ 4 การพบกันโดยบังเอิญ
“พี่บูรณ์บอกว่าเธอจะสละสิทธิ์แขกรับเชิญในรายการวาไรตี้ ผมเลยโทรมาคอนเฟิร์มหน่อย”
น้ำเสียงของทีปกรเรียบเฉยจนฟังไม่ออกว่าดีใจหรือเสียใจ
“แล้วคุณล่ะ อยากให้ฉันสละสิทธิ์หรือไม่อยากให้สละ?”
เขมจิราแกล้งพูดเป็นปริศนา ชาติที่แล้วเพื่อเอาใจคนตระกูลทับทอง ประกอบกับคำชักชวนของทีปกร สุดท้ายเธอก็ยอมสละโอกาสนี้ให้ญาดาวี
บูรณ์วิรัชรักษาสัญญาจริงๆ โดยหาผลงานใหม่มาให้เธอ แต่กลับเป็นบทบาทที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่
สำหรับเธอแล้วมันไม่มีประโยชน์อะไรเลย หนังไม่เพียงแต่ห่วย แต่ยังไม่เป็นที่รู้จัก สุดท้ายก็ถูกระงับการถ่ายทำเพราะไม่ผ่านการเซ็นเซอร์
ส่วนญาดาวีล่ะ? กลับใช้โอกาสที่แย่งไปจากเธอ สร้างภาพลักษณ์สาวน้อยใสซื่อบริสุทธิ์ จนโด่งดังเป็นพลุแตก
ที่ทำให้เขมจิรายิ่งโมโหไปกว่านั้นคือ เดิมทีทีปกรก็ได้รับเชิญให้เข้าร่วมรายการนี้ด้วย แต่เธอในฐานะแฟนสาวของเขา กลับมารู้เรื่องนี้หลังจากรายการออกอากาศไปแล้ว
ทั้งสองคนในรายการดูสนิทสนมกันมาก แค่มองผ่านหน้าจอก็รู้สึกได้ถึงสายตาที่ส่งให้กัน แต่เพราะทีปกรกับบูรณ์วิรัชเป็นเพื่อนร่วมรุ่นกันพอดี เธอจึงไม่ได้คิดไปในทางอื่น
ประกอบกับภายหลังมีโอกาสดีๆ เข้ามาโดยบังเอิญ เธอได้เข้าไปถ่ายละครในกองถ่าย ทีปกรยังแวะมาเยี่ยมที่กองเป็นครั้งคราว เธอก็ค่อยๆ ลืมเรื่องนี้ไป
คงเป็นเพราะสวรรค์เมตตา การแสดงที่โดดเด่นของเธอได้รับการยอมรับจากผู้ชม จนได้เข้าชิงรางวัลนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม แต่น่าเสียดายที่ยังไม่ทันถึงวันประกาศรางวัล เธอก็ถูกคนสะกดรอยตามและลักพาตัวไป
โทรศัพท์สายสุดท้ายที่เธอโทรขอความช่วยเหลือคือโทรไปหากวินท์ แต่อีกฝ่ายกลับสนใจแต่ญาดาวี เธอจึงโทรหาทีปกรอีกครั้ง แต่กลับได้ยินเสียงดัดจริตของญาดาวีดังมาจากในสาย เธอถึงได้รู้ว่าพวกเขากำลังอยู่ด้วยกัน
ยังไม่ทันได้เสียใจ ก็ถูกผลักลงมาจากดาดฟ้าตึก ร่างกายแหลกละเอียด
ตอนนี้มาลองคิดดู ทีปกรคงจะรู้จักกับญาดาวีมาตั้งนานแล้ว ตั้งแต่ต้นจนจบ มีเพียงเธอคนเดียวที่ถูกปิดหูปิดตา
“ฟังจากที่พี่บูรณ์พูด เขาอยากให้เธอสละสิทธิ์นะ เขาจะหาผลงานที่ดีกว่านี้ให้ ผมว่าเธอควรสละสิทธิ์”
ทีปกรพูดด้วยน้ำเสียงกึ่งบังคับ แทบไม่มีความลังเลแม้แต่น้อย
“คุณพูดถูก ฉันควรสละสิทธิ์ แต่ฉันว่าสิ่งที่ฉันควรสละไม่ใช่สิทธิ์นี้ แต่เป็นอย่างอื่น”
เขมจิราแค่นเสียงเย็นชา “ฉันควรจะสละคุณให้เธอด้วยใช่ไหม?”
“เธอพูดบ้าอะไร? นั่นน้องสาวเธอนะ ฉันจะไปคบกับเธอได้ยังไง?”
น้ำเสียงเรียบเฉยของทีปกรเปลี่ยนเป็นร้อนรนในทันที เหมือนกับถูกเหยียบหาง
“ฉันไม่มีน้องสาวหน้าไม่อายแบบนั้นหรอกนะ คุณจะบอกว่าคุณคิดกับเธอแค่น้องสาว ฉันคิดมากไปเองงั้นเหรอ?”
ชาติที่แล้วเขมจิราโง่เกินไป ให้ความสำคัญกับความรักโง่ๆ นี่มากเกินไป ตอนนี้เธอไม่สนใจแล้ว อยากจะให้คนน่าขยะแขยงพวกนี้ออกไปจากชีวิตเธอเสียที
“เธอจะหาเรื่องอะไรกันแน่? ถ้าเธอไม่อยากสละสิทธิ์รายการนี้ก็แล้วไป ไม่เห็นต้องหาเรื่องเลยนี่?”
ทีปกรเริ่มร้อนใจอย่างเห็นได้ชัด แต่เขมจิรากลับพูดช้าๆ ชัดๆ ทีละคำ “คุณทีปกร ฟังให้ดีนะ เราเลิกกัน”
ปลายสายเงียบไปหลายวินาที ขณะที่เขมจิรากำลังจะวางสาย เสียงของทีปกรก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง
“ทำไม? แค่เพราะผมบอกว่าเธอควรสละโอกาสในรายการวาไรตี้เหรอ? ผมก็ทำไปเพื่อเธอเองนะ อย่าไม่มีเหตุผลสิ”
เขมจิราฟังเสียงของทีปกร จะบอกว่าไม่เสียใจเลยก็คงโกหก เพราะชาติที่แล้วเธอได้รับความอบอุ่นไม่มากนัก เขาเคยให้ความรักความห่วงใยกับเธออยู่บ้าง แต่ตอนนี้เธอคิดตกแล้ว กลับรู้สึกขยะแขยงมากกว่า
“ฉันไม่ได้ล้อเล่นนะทีปกร ฉันเองต่างหาก ที่ไม่เอาคุณแล้ว คุณเข้าใจไหม?”
เขมจิราพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
ชาติที่แล้ว ต่อให้พ่อแม่พี่ชายทำให้เธอเสียใจแค่ไหน เธอก็ไม่รู้สึกอะไร อย่างน้อยก็ยังมีคนรักเธอ คอยดีกับเธอ
แต่ไม่คิดเลยว่า คนที่เธอแคร์ที่สุด กลับเป็นคนที่ทำร้ายเธอได้เจ็บปวดที่สุด
ถ้าหากตอนแรกที่เธอสารภาพรัก ทีปกรบอกเธอให้ชัดเจน ไม่ใช่ทำท่าทีกำกวม เธอก็จะไม่ว่าอะไร อย่างมากก็เป็นแค่เพื่อนกัน
แต่เขากลับรับเอาความดีของเธอไป ในขณะเดียวกันก็ทำตัวคลุมเครือกับญาดาวี ช่างน่ารังเกียจจริงๆ
“เขมจิรา เธอไม่เต็มใจก็ไม่ต้องสละสิทธิ์ ไม่เห็นต้องเอาเรื่องเลิกกันมาขู่ผมเลย ความรักไม่ใช่เรื่องล้อเล่นนะ”
“ใช่ ความรักไม่ใช่เรื่องล้อเล่น แต่ความรักของคุณมันขยะ ขยะก็ควรจะอยู่ในถังขยะรีไซเคิล อย่ามายุ่งเกี่ยวกันเลย”
เขมจิราพูดจบก็วางสายทันที จากนั้นก็จัดการบล็อกและลบเบอร์ในคราวเดียว ลบช่องทางการติดต่อทั้งหมดของทีปกรออกจากมือถือของเธอจนหมดสิ้น
หลังจากทำทุกอย่างเสร็จ เขมจิราก็เริ่มทำความสะอาดต่อจนเหงื่อท่วมตัว พอทำความสะอาดเสร็จ อารมณ์ก็พลอยปลอดโปร่งขึ้นมาไม่น้อย
ตอนกลางคืน ขณะที่เธอกำลังยกสลัดที่ทำเองออกมาจากครัว โทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีกครั้ง
เป็นเพื่อนคนหนึ่งโทรมา บอกให้เธอลองดูข่าวบันเทิง
เขมจิราเปิดเว็บไซต์ดูอย่างไม่เข้าใจ แล้วก็รู้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น เป็นบริษัททับทองเอนเตอร์เทนเมนท์ที่ออกประกาศแถลงการณ์ว่าได้ยกเลิกสัญญากับเธอแล้ว
บริษัททับทองเป็นบริษัทเอเจนซี่อันดับต้นๆ ของวงการบันเทิง การที่พวกเขาออกมาประกาศแบบนี้ ก็ไม่ต่างอะไรกับการต้องการจะกดดันเธอ ถึงตอนนั้นก็จะไม่มีบริษัทเอเจนซี่ไหนกล้าเซ็นสัญญากับเธอ เธอทำได้เพียงกลับไปอ้อนวอนคนตระกูลทับทองอย่างว่าง่าย
อยากให้เธอกลับไปงั้นเหรอ? ฝันกลางวันไปเถอะ
เขมจิราปิดมือถือ แล้วนั่งลงทานอาหารเย็นอย่างสบายใจ ไม่มีใครกล้าเซ็นสัญญากับเธอ เธอก็แค่จดทะเบียนบริษัทเองก็สิ้นเรื่อง
โชคดีที่ชาติที่แล้วตอนจะย้ายทะเบียนบ้าน ญาดาวีก็สร้างปัญหาไม่หยุดหย่อน กวินท์ก็แค่ทำไปตามน้ำให้มันจบๆ ไป ไม่ได้ย้ายทะเบียนบ้านของเธอเข้าไปอยู่ในตระกูลทับทองจริงๆ ดังนั้นจนถึงตอนนี้เธอก็ยังมีทะเบียนบ้านเป็นของตัวเองคนเดียว
วันต่อมา เขมจิราตื่นแต่เช้าตรู่ แต่งตัวเสร็จก็ถือเอกสารออกจากบ้านไป วิ่งวุ่นอยู่ครึ่งวัน ในที่สุดก็จดทะเบียนสตูดิโอของตัวเองสำเร็จ
หลังจากเตรียมทุกอย่างพร้อมแล้ว เธอถึงได้โทรหาผู้กำกับรายการวาไรตี้เพื่อยืนยันว่าสิทธิ์การเป็นแขกรับเชิญของเธอไม่ได้รับผลกระทบ พอได้ยินแบบนั้นก็ค่อยวางใจ
หลายวันต่อมา เขมจิราก็ขลุกตัวอยู่ในบ้านของตัวเอง เพื่อศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับการบริหารบริษัทอย่างเร่งด่วน
ระหว่างนั้น คนตระกูลทับทองก็แสร้งทำเป็นโทรมาสองครั้ง แต่ก็ถูกเธอพูดจาถากถางกลับไปแล้วก็บล็อกเบอร์ทิ้ง
วันนี้ เขมจิรานำเอกสารมาที่กองถ่าย ตอนออกมาก็บังเอิญเจอบูรณ์วิรัชกับญาดาวี และยังมีกวินท์มาด้วย
ทั้งสามคนพอเห็นเธอสีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที เขมจิราทำเป็นไม่เห็น หันหลังเตรียมจะเดินจากไป แต่กลับถูกญาดาวีเรียกไว้
“พี่คะ พี่ก็มาพบทีมงานรายการเหมือนกันเหรอคะ?”
เขมจิราได้ยินก็ชะงักไปครู่หนึ่ง แล้วก็เข้าใจในทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น “ทำไมเหรอ? หรือว่าเธอได้สิทธิ์อีกแล้ว? คราวนี้ไปแย่งของใครมาล่ะ?”
“พี่คะ พี่เข้าใจผิดแล้วค่ะ ไม่ได้แย่งมา เป็นพี่บูรณ์ที่ไปคุยกับผู้กำกับ ให้พี่กวินท์กับฉันเข้าร่วมรายการนี้ด้วยกัน แล้วทีมงานก็ตกลงแล้วค่ะ”
ญาดาวียิ้มอย่างมีชัยเล็กน้อย เขมจิราหันไปเหล่ตามองกวินท์แวบหนึ่ง รู้สึกขยะแขยงเหมือนมีคนเอามือยัดขยะเข้าปาก
กวินท์เป็นนักแสดงเจ้าของรางวัลภาพยนตร์คนล่าสุด รายการไหนมีเขาไปร่วมด้วย ย่อมดึงเรตติ้งได้ไม่น้อย ทีมงานย่อมยินดีต้อนรับอยู่แล้ว
แสดงว่าถึงไม่ต้องใช้สิทธิ์ของเธอ ญาดาวีก็หาวิธีเข้าร่วมรายการนี้ได้อยู่ดี แล้วคนตระกูลทับทองยังจะมาบีบคั้นทางศีลธรรมกับเธออีกเหรอ? หน้าด้านอะไรขนาดนี้?
