นาดีน 002
แผนการเปิดโปงเจคกับนาตาลีทำให้ฉันยิ้มออกมา ฉันสลับวิดีโองานแต่งงานต้นฉบับกับวิดีโอช่วงเวลาส่วนตัวของพวกเขาสองคน ฉันแอบถ่ายวิดีโอของพวกเขาไว้เมื่อวานนี้
แขกในงานต่างสูดปากอย่างตกใจเมื่อเห็นฉากรักของเจคกับนาตาลีเล่นอยู่บนจอ ฉันหันไปมองปฏิกิริยาของทุกคน
ดวงตาของเจคเบิกกว้างอย่างไม่เชื่อสายตาขณะที่เขาจ้องมาที่ฉัน เขาพูดไม่ออก อ้าปากค้าง นาตาลีเองก็ดูหวาดกลัวไม่แพ้กัน “เธอ... เธอทำเรื่องนี้เหรอ” เธอถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
ฉันยิ้มอย่างใจเย็นแล้วกระซิบตอบ “ใช่ ฉันทำเอง”
ขณะที่มองปฏิกิริยาของทุกคน ฉันก็รู้สึกผิดขึ้นมาที่ทำให้งานมงคลต้องกลายเป็นเรื่องเศร้า
ฉันรวบชายกระโปรงชุดเจ้าสาวแล้ววิ่งออกจากสถานที่จัดงาน แต่ขณะที่กำลังวิ่งหนี ฉันก็หยุดกะทันหันเมื่อรู้สึกถึงสายตาคู่หนึ่งที่จ้องมองมาราวกับจะทะลุทะลวงร่างของฉัน
ชายคนหนึ่งยืนอยู่ไกลออกไป ดวงตาของเขาจับจ้องมาที่ฉัน พร้อมกับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่มุมปาก การปรากฏตัวของเขาน่าขนลุก ราวกับว่าเขามองทะลุปรุโปร่งไปถึงข้างในจิตใจของฉัน
“นาดีน!” ซิดนีย์เรียก ทำให้ฉันตื่นจากภวังค์ ฉันละสายตาจากชายลึกลับคนนั้นแล้วรีบวิ่งกลับไปที่ห้องของฉัน เมื่อเข้าไปข้างใน ฉันทรุดตัวลงกับพื้นแล้วร้องไห้ออกมา ปลดปล่อยความเจ็บปวดทั้งหมดที่เก็บไว้
ซิดนีย์เข้ามาเงียบๆ แล้วโอบกอดฉันไว้โดยไม่พูดอะไรสักคำ นั่นยิ่งทำให้ฉันร้องไห้หนักขึ้นไปอีก “ฉันซ่อนตัวอยู่แบบนี้ต่อไปไม่ได้แล้ว ซิดนีย์” ฉันร้องไห้ “ฉันต้องเผชิญหน้ากับมัน”
ซิดนีย์พยักหน้า บีบมือฉันเบาๆ “ฉันจะอยู่ตรงนี้ข้างๆ เธอเอง”
ทันใดนั้น ประตูก็ถูกกระแทกเปิดออก พ่อของฉันพุ่งเข้ามาด้วยใบหน้าที่แดงก่ำด้วยความโกรธ “นี่แกคิดบ้าอะไรของแก” เขาตะคอก “แกรู้ไหมว่าแกทำอะไรลงไป แกทำให้ชื่อเสียงของตระกูลเราป่นปี้ พ่อคาดหวังในตัวแกมากกว่านี้นะ นาดีน!”
เขาขยับเข้ามาใกล้ ยังคงโกรธจัด “ตอนที่แกรู้ว่าพวกเขาสองคนอยู่ด้วยกัน แกควรจะมาหาพ่อ ทำไมแกไม่ทำ”
ฉันเงยหน้ามองเขา ตัวสั่นเทา น้ำเสียงแผ่วเบาราวกระซิบ “พ่อคะ หนูเจ็บนะคะ พ่อก็รู้ว่าหนูรักเจคมากแค่ไหน”
“พ่อไม่สน!” เขาคำราม “แกต้องกลับไปแต่งงานกับเจคเดี๋ยวนี้ งานแต่งนี้ต้องเกิดขึ้น”
น้ำตาไหลอาบแก้มขณะที่ฉันจ้องมองเขาอย่างไม่เชื่อสายตา ฉันอยากจะกรีดร้อง อยากจะอ้อนวอนให้เขารับฟัง แต่ฉันรู้ดีว่าไม่ควรขึ้นเสียงกับเขา ฉันทรุดตัวลงคุกเข่า กอดขาของเขาไว้ “พ่อคะ ได้โปรด” ฉันอ้อนวอนด้วยน้ำเสียงที่ขาดห้วง “หนูแต่งงานกับเขาไม่ได้ หนูจะไม่มีวันมีความสุขกับเจค”
แต่ใบหน้าของเขายังคงเรียบเฉย “เลิกไร้สาระได้แล้ว” เขาคำราม “การแต่งงานครั้งนี้สำคัญกับครอบครัวของเรา เราต้องการอำนาจและความมั่งคั่งของตระกูลเจคเพื่อช่วยให้เรารอดพ้นจากการล้มละลาย แกไม่เข้าใจเหรอ”
ฉันส่ายหน้า หัวใจสลาย “ได้โปรดเถอะค่ะพ่อ หนูทำไม่ได้”
แต่คำตอบของเขากลับเย็นชาและเด็ดขาด “ถ้าแกไม่แต่ง นาตาลีก็จะแต่งเอง”
ฉันเงยหน้ามองพ่ออย่างรวดเร็ว เขาคงไม่ได้หมายความตามที่พูด ฉันจ้องมองเขาอีกครั้ง ตกใจเกินกว่าจะพูดอะไรออกมา “นาตาลีเหรอคะ” ฉันทำได้เพียงกระซิบ
“ใช่” เขาพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นไม่เปิดโอกาสให้โต้เถียง “ถ้าแกไม่แต่ง เธอก็จะแต่ง”
โลกของฉันพังทลายลงตรงหน้า ขณะที่มองพ่อเดินกระทืบเท้าออกไป ทิ้งให้ฉันจมอยู่กับความสับสนวุ่นวายในอารมณ์ ซิดนีย์รีบเข้ามาอยู่ข้างๆ ฉันอีกครั้ง โอบกอดฉันไว้ขณะที่ฉันปล่อยโฮออกมาอีกรอบ ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าชีวิตของฉันจะกลายเป็นแบบนี้
ฉันร้องไห้อยู่นาน ฉันเหนื่อยล้าและหมดแรงทางอารมณ์ ฉันนั่งเงียบๆ จ้องมองออกไปในความว่างเปล่า หลังจากนั้นครู่ใหญ่ ฉันก็หันไปหาซิดนีย์ “ฉันต้องไปดูงานแต่งนี้” ฉันพูดเบาๆ
ดวงตาของซิดนีย์เบิกกว้างด้วยความตกใจ “เธอแน่ใจเหรอ”
ฉันพยักหน้า พลางเช็ดน้ำตาหยดสุดท้าย “อืม ฉันต้องไปเห็นด้วยตาตัวเอง”
ฉันเลือกดูเสื้อผ้าในตู้ หยิบชุดที่ใส่สบายออกมา ขณะที่ฉันกำลังแต่งหน้า ซิดนีย์มองฉันผ่านกระจก “เธอแน่ใจจริงๆ เหรอ” เธอถามอีกครั้ง
ฉันพยักหน้าอีกครั้งโดยไม่พูดอะไร เราเดินกลับไปที่งานแต่งและแฝงตัวเข้าไปในฝูงชนโดยไม่มีใครสังเกต ไม่มีใครสนใจเรา พวกเขาทุกคนกำลังยุ่งอยู่กับงาน
ทันใดนั้น เสียงของเจคก็ดังก้องไปทั่วห้อง “สวัสดีครับทุกท่าน งานแต่งงานจะดำเนินต่อไปตามแผนเดิม ต้องขออภัยสำหรับ...ความผิดพลาดก่อนหน้านี้ด้วยนะครับ”
ขณะที่มองเขา สิ่งเดียวที่ฉันอยากทำคือจับหน้าเขาฟาดกับกำแพง
พ่อของฉันเดินเข้ามา จูงนาตาลีไปหาเจค เราเป็นฝาแฝดที่หน้าตาเหมือนกันเปี๊ยบ คนที่ไม่สนิทกับครอบครัวเราจะแยกไม่ออกเลยว่าใครเป็นใคร
นาตาลีดูงดงามในชุดสีขาว และพ่อของฉันก็ยิ้มอย่างภาคภูมิใจขณะที่พาเธอเดินไปตามทางเดิน
พวกเขากล่าวคำสาบาน สัญญาว่าจะรักกันตลอดไป ขณะที่ผู้ประกอบพิธีประกาศว่าทั้งสองเป็นสามีภรรยากัน ฝูงชนโห่ร้องยินดี แต่ฉันกลับนั่งอยู่ตามลำพัง จมดิ่งอยู่ในความทุกข์ทรมาน ความเจ็บปวดนั้นเกินจะทนไหว ทำให้ฉันรู้สึกโดดเดี่ยวแม้จะอยู่ในห้องที่เต็มไปด้วยผู้คน
ในงานเลี้ยง ฉันดื่มเหล้าแก้วแล้วแก้วเล่า แชมเปญถูกรินอย่างไม่ขาดสาย ฉันเริ่มรู้สึกมึนๆ และนั่นคือตอนที่ฉันสังเกตเห็นเขา—ชายคนจากเมื่อตอนนั้น
เขาสูง สง่างาม และมีเสน่ห์อย่างปฏิเสธไม่ได้ ด้วยบุคลิกที่น่าเกรงขามซึ่งดึงดูดความสนใจ
กรามที่แข็งแรงและดวงตาสีฟ้าคมกริบคู่นั้นราวกับมองทะลุเข้ามาในใจฉัน เขาแต่งกายอย่างไร้ที่ติในชุดสูทสั่งตัด ไหล่กว้างและรูปร่างสมส่วนแบบนักกีฬาแสดงให้เห็นว่าเขาดูแลตัวเองเป็นอย่างดี
เขาจ้องมองฉันอย่างตั้งใจ และเมื่อสายตาของเราประสานกัน เขาก็ยิ้ม เผยให้เห็นลักยิ้มของเขา หัวใจของฉันเต้นผิดจังหวะไปหนึ่งที โดยไม่ทันได้คิด ฉันเดินตรงไปหาเขา “ไงคะ สุดหล่อ” ฉันพูดด้วยน้ำเสียงยานคาง “สวัสดีครับ” เสียงของเขานุ่มนวลและเป็นมิตร “คุณเป็นอย่างไรบ้าง”
“สบายดีค่ะ” ฉันโน้มตัวเข้าไปใกล้ “คุณรู้ไหมว่าคุณค่อนข้าง...”
“หล่อเหลา?” เขาพูดต่อประโยคของฉันให้จบพร้อมกับแสยะยิ้ม
ฉันพยักหน้า แก้มร้อนผ่าว “ใช่ค่ะ ใช่เลย” ฉันวางมือลงบนไหล่กว้างของเขา ประกายไฟที่ไม่อาจปฏิเสธได้พลันปะทุขึ้น ฉันโน้มตัวเข้าไปใกล้ยิ่งขึ้นแล้วกระซิบ “ที่นี่เริ่มจะร้อนแล้วนะคะ เราไปหาที่อื่นกันดีไหม”
รอยยิ้มของเขากว้างขึ้น เขาลุกขึ้นยืนแล้วยื่นแขนให้ฉันอย่างสุภาพบุรุษ “ไปกันเลยไหมครับ” เขาถาม
ฉันรับแขนของเขาไว้โดยไม่ลังเล เราเดินออกจากสถานที่จัดงานไปด้วยกัน แล้วริมฝีปากของฉันก็ประกบเข้ากับริมฝีปากของเขาทันที
