บทที่ 2 บทที่ 1 ทนไม่ไหว
บทที่ 1 ทนไม่ไหว
หนึ่งปีต่อมา
"น้องเกลโอเคนะคะ" วิลลี่ผู้จัดการเอ่ยถามเกวลินที่กำลังนั่งหลับตาให้ช่างแต่งหน้าอยู่ เธอลืมตาขึ้นมาแล้วพยักหน้าน้อยๆ เป็นคำตอบ
"วันนี้นักข่าวมาเยอะมากๆเลยนะคะ พี่กลัวน้องเกลจะ...." เกวลินยกมือให้ช่างหยุดแต่งหน้า แล้วหันมามองผู้จัดการด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง
"เกลโอเคค่ะพี่วิลลี่ เกลหายดีแล้วพร้อมทำงานค่ะ" เธอกดเสียงต่ำ ย้ำว่าตัวเองพร้อมทำงานหลังจากพักฟื้นจากอุบัติเหตุมาเป็นปี วิลลี่คลี่ยิ้มบางๆให้แล้วเดินออกมา
"พอแล้วค่ะ เกลขอเวลาอยู่คนเดียวสักพัก" สะบัดมือบอกช่างแต่งหน้าออกไป เธอมองตัวเองผ่านเงาสะท้อนกระจกเงา ก่อนจะพลับตาลงช้าๆ
"โอ๊ย!!" รีบยกมือขึ้นมากุมขมับบางไว้เมื่อภาพเหตุการณ์ที่เธอขับรถประสบอุบัติเหตุฉายเข้ามาในหัว เกวลินทำหน้าเหยเกอย่างหนักเมื่อเกิดอาการปวดศีรษะขึ้นมากะทันหัน
"ฉันไม่เป็นอะไร ฉันโอเคพร้อมทำงานที่ฉันรัก.." เงยหน้ากะพริบตาปริบๆ สูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ แล้วหยัดกายลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ภายใต้รองเท้าส้นสูงที่ยาวกว่าห้านิ้ว ชุดเดรสสีเทาเปิดอก มีเครื่องเพชรประดับระยิบระยับที่หูและคอ
หญิงสาวสะบัดเท้าก้าวเดินออกจากห้องแต่งตัวด้วยความมั่นใจ
"เกลพร้อมแล้วค่ะพี่วิลลี่"
"โอเคค่ะ วันนี้นักข่าวต้องมาสัมภาษณ์น้องเกลเยอะแน่ๆเลยค่ะ" หญิงหันมองผู้จัดการเพียงหางตา ก่อนจะคลี่ยิ้มบางๆ "เอ่อ...พี่อยากให้น้องเกลตอบคำถามนักข่าวดีๆนะคะ พี่เป็นห่วง.."
"ตอบเท่าที่ตอบได้ค่ะ" ยิ้มมั่นใจปรากฏบนมุมปากบางอีกครั้ง หลังจากที่ห่างหายไปนาน วิลลี่ยิ้มหวานให้หญิงสาวแล้วรีบเดินตามหลังเกวลินเข้ามาในงานเลี้ยงเปิดตัวบริษัทใหม่ของชินวา
"น้องเกลไหวแน่นะครับ?" ชินวาถามอย่างเป็นห่วง เขาโอบไหล่เธอไว้แล้วใช้ปลายนิ้วชี้ปัดปอยผมที่ตกลงมาขึ้นมาทัดหูเธอ
"เกลโอเคแล้วค่ะ แต่....." เธอลากเสียงยาว อยากจะถามถึงเหตุการณ์ที่เธอประสบอุบัติเหตุเมื่อปีที่แล้ว แต่ถามทุกครั้งทั้งวิลลี่และชินวาก็เบี่ยงประเด็นตลอด และเธอก็จำเหตุการณ์ในวันนั้นไม่ได้แม้แต่น้อย ภาพตัดไปในตอนที่ไฟสว่างวาบสาดส่องกระทบใบหน้าเธอ
"เกล! เกลครับ" เสียงเข้มของชินวาเรียกสติเธอที่ล่องลอยออกไปกลับคืนมา เกวลินยิ้มหวานให้ชายหนุ่ม จากนั้นชินวาก็จับมือเธอขึ้นมาควงแขนเขา แล้วทั้งสองก็เดินเข้ามาในงานพร้อมกัน
ทันทีที่ทั้งคู่เดินเข้ามาในงาน นักข่าวต่างมารายล้อมถ่ายรูปทั้งสอง แสงแฟลชสว่างวิบวับจนไม่อาจกะพริบตาได้แม้แต่วินาทีเดียว
'น้องเกลหายดีแล้วเหรอคะ'
'น้องเกลเป็นยังไงบ้างคะ ประสบอุบัติเหตุรถชนหายดีแล้วเหรอคะ ได้ข่าวว่าน้องเกลความจำเสื่อม?'
'อุบัติเหตุเมื่อปีที่แล้ว วงในมีข่าวออกมาว่าน้องเกลขับรถชนคนตายจริงไหมคะ?'
"นี่คุณ คำถามแบบนี้เขาไม่ถามนะครับ ระวังปากด้วยเดี๋ยวปากพาซวยนะครับ" ชินวาอดไม่ไหวตอกกลับบ้าง เขาหันมามองหน้าเกวลินที่เริ่มหน้าเสียกับคำถามของนักข่าวที่รัวคำถามใส่ไม่ยั้ง
นักข่าวต่างยื่นไมค์มาจ่อเกวลิน เธอมองซ้ายมองขวาด้วยอาการแปลกๆ ศีรษะเริ่มปวดขึ้นมาอีกครั้ง หญิงสาวกระชับกอดแขนชินวาแน่นขึ้น แสงแฟลชก็ระรัวสาดส่องมา ทำให้เธอต้องก้มหน้าลงน้อยๆ
พลั่ก!!
"โอ๊ย!!" นักข่าวคนหนึ่งเบียดเข้ามาชนไหล่มนเกวลินจนเธอเสียหลักล้มลงไป ชินวาที่เห็นแบบนั้นก็กันนักข่าวออกแล้วเรียกให้วิลลี่มาพาเธอออกไป
"พี่วิลลี่หนู...หนูปวดหัวมากๆ คำถามของนักข่าวพวกนั้นมัน.." เธอทำหน้าเหยเกอย่างหนักๆ แล้วหยุดเดิน มือบางยกขึ้นมาจับศีรษะตัวเองไว้ ภาพตรงหน้าเริ่มพร่ามัว
"เหตุการณ์วันนั้นหนู...." เธอพยายามนึกถึงเหตุการณ์วันนั้น แต่ยิ่งพยายามคิดมันก็ยิ่งปวดหัวมากขึ้น มันมีเหตุการณ์บางอย่างที่สมองเธอลืมเลือนไป
"หนูเป็นอะไร วันนั้นมันเกิดอะไร!!" หันมาจับแขนวิลลี่แล้วออกแรงเขย่าแรงขึ้น และภาพใบหน้าวิลลี่ก็มืดดับไป พร้อมกับร่างบอบบางที่ร่วงลง
ตุ๊บ!
"น้องเกล!!" วิลลี่แหกปากร้องเสียงดัง เมื่อเกวลินสลบไปต่อหน้าต่อตา เขารีบช้อนตัวเกวลินขึ้น ชินวาที่วิ่งตามมาก็รีบปรี่เข้ามาอุ้มเธอขึ้นในท่าเจ้าสาว แล้วพากลับมายังห้องพักของทางโรงแรมที่จัดงานทันที
"เป็นแบบนี้ไม่ได้แล้วนะ ผมเป็นห่วงน้องเกล" ชินวาพูดขึ้นเสียงเข้ม แววตาฉายแววดุดันแต่กลับอ่อนลงเมื่อเขามองเกวลินที่นอนหลับตาพริ้มอยู่บนเตียง
"..." วิลลี่ทำหน้าจ๋อย "แล้วจะทำยังไงดีคะคุณชิน พี่วิลลี่ว่าน้องเกลคงไม่ยอม...."
"ผมจะจ้างบอดีการ์ดมาดูแลและคุ้มกันน้องเกล ผมให้เกลเจอเหตุการณ์เหมือนเมื่อกี้ไม่ได้!"
"บะ...บอดีการ์ดงั้นเหรอ?"
"ครับบอดีการ์ด"
