บทที่ 2 ตอนที่2
ทันทีที่ฉันเปิดซองจดหมายออกก็พบกับกระดาษสีชมพูที่ถูกตกแต่งให้เป็นรูปหัวใจเต็มดวง เนื้อหาในจดหมายเชื้อเชิญให้ไปร่วมงานมงคลสมรสของ
“งานมงคลสมรสระหว่างนางขณิฐา ลิ้มเกียรติและนายมงคล ณรงค์เดช”ฉันอ่านออกเสียงดังน้ำเสียงสั่นเครือแววตาสั่นไหวริมฝีปากสั่นระริก หัวใจเจ็บจี๊ดใบหน้าชาไปทั้งหน้า ฉันค่อยๆละสายตาจากกระดาษรูปหัวใจในมือขึ้นไปมองหน้าผู้เป็นแม่ของฉัน
“นี่มันอะไรกันคะ?”ฉันพยายามทำน้ำเสียงให้แผ่วเบาที่สุดอย่างคนที่กำลังพยายามระงับอารมณ์กรุ่นโกรธของตัวเองไม่ให้มันระเบิดออกมา
“หนูถามว่ามันอะไรกันคะ!!!”ฉันตะโกนเสียงดังลั่นบ้านพร้อมกับลุกขึ้นยืนด้วยความไม่พอใจที่คนที่ฉันถามเขา แต่เขากลับไม่ยอมตอบคำถามของฉัน
“แม่กำลังจะแต่งงาน…แม่อยากให้ลูกไปงานแต่งของแม่…กับติณห์เขาน่ะ”
“หึ…ให้หนูไปเหรอ…”
“ได้…หนูจะไป…”
“แต่ไม่ได้ไปแสดงความยินดีหรอกนะ…”
“แต่หนูจะไปพังงาน!!”
“ยัยเอย!!”แม่ของฉันตวาดเสียงดังกลับใส่หน้าของฉันแววตาของท่านสั่นไหว
“แม่คิดได้ยังไง…พ่อเพิ่งจะเสียได้ยังไม่ถึงปี…”
“แม่ก็จะแต่งงานใหม่…”
“แถมสามี…ไม่สิ…”
“ผัวของแม่ยังเป็นรุ่นราวคราวลูกอีกตั้งหาก!!”
“หยุดนะยัยเอย!!”แม่ของฉันตะโกนเสียงดังให้ฉันหยุดพูดจาน่าเกลียด
“หนูไม่หยุด…”
“ถ้าแม่ยังยืนยันที่จะแต่งงานกับผู้ชายรุ่นลูกคนนั้น…”
“หนูก็จะไม่อยู่ที่นี้…”
“มีมันต้องไม่มีหนู…และถ้ามีหนู…ต้องไม่มีมัน!!”ฉันประกาศก้าวเสียงดังฟังชัดแววตาของฉันสั่นไหวเนื้อตัวสั่นเทาไปด้วยความโกรธ
พรึบ
“คุณหนูคะ…ใจเย็นๆนะคะ..”ป้าแพรเดินมาเกาะไหล่ฉันพร้อมกับเอามือลูบมาที่แขนของฉันเพื่อให้ฉันใจเย็นลง
“หนูใจเย็นไม่ได้แล้วค่ะ…หนูจะไม่อยู่ที่นี้!!”
“คุณแม่อย่าคิดว่าหนูไม่รู้นะคะ…ว่าคุณแม่แอบมีชู้ทำให้คุณพ่อหัวใจวายตาย”
เพลี๊ย
“คุณหนู!!”
ใบหน้าของฉันหันไปตามแรงตบของฝาคุณแม่ฉันที่ฉันยังพูดไม่ทันจบก็โดนคุณแม่ตบหน้าของฉันซะก่อน
พรึบ
ฉันเอามือไปกุมแก้มตัวเองข้างที่โดนคุณแม่ของฉันตบและค่อยๆหันหน้ากลับมาเผชิญหน้ากับท่านต่อน้ำตาของฉันไหลอาบแก้มทั้งสองข้าง ตั้งแต่เกิดมาคุณแม่ไม่เคยตบฉันเลยสักครั้งเดียว
“แกอย่าพูดจาพล่อยๆอีก”แม่ของฉันกดเสียงต่ำแววตาดุดันอย่างไม่พอใจที่ฉันรู้เรื่องของท่านกับชายชู้ของท่าน
“หึ…หนูแค่พูดความจริง”
“ยัยเอย!!”
“หยุดเถอนะคะ..คุณผู้หญิงแค่นี้แก้มของคุณหนูก็บวมช้ำมาพออยู่แล้ว..”ป้าแพรไปยืนตรงกลางระหว่างฉันกับแม่ของฉันพร้อมกับยกมือขึ้นไหว้แม่ของฉันน้ำเสียงของท่านสั่นเครือ
“ป้าแพรคะ”ฉันร้องเสียงหลงที่ป้าแพรร้องไห้เพราะสงสารฉัน แต่กลับกันคุณแม่ของฉันท่านกลับไม่สะทกสะท้านอะไรเลยสักนิดเดียว
“แค่นี้มันยังน้อยไป…”
“หนูจะไม่อยู่ที่บ้านหลังนี้อีกแล้ว!”
“ถ้าแกอยากไปแกก็ไปเลย…ไปแล้วไม่ต้องกลับมา!”
“เหอะ…หนูไปแน่…และหนูก็เป็นเด็กใจแตก…มีผัวหลายคนเล่นชู้กับผู้ชายมากหน้าหลายตาแบบที่แม่ทำ…”
“ยัยเอย!!”แม่ของฉันตวาดแผดเสียงดังสนั่นบ่งบอกได้ว่าท่านกำลังไม่พอใจฉันเป็นอย่างมาก
“ถ้าแกจะไปแกก็ไปแต่ตัว”
“ห้ามเอาของที่นี้ออกไปแม้แต่ชิ้นเดียว…”
“เพราะแกมา…แกก็มาแต่ตัว…”
“นังลูกเนรคุณ!!”ฉันมองหน้าคุณแม่ผู้มีพระคุณของฉันทั้งน้ำตา มันปวดจี๊ดและปวดร้าวไปทั้งหัวใจที่แม่เห็นคนอื่นดีกว่าฉันที่เป็นลูกแท้ๆของท่าน ฉันจะไม่กลับมาเหยียบบ้านหลังนี้อีก!
สวัสดีฉันชื่อ ขวัญเอย อายุปีนี้ก็22ปีเต็มแล้ว เมื่อก่อนชีวิตของฉันเป็นที่น่าอิจฉาสุดๆคุณหนูผู้สวยเริ่ดเชิดที่เพียบพร้อมไปทั้งฐานะและหน้าตา แต่แล้วทุกอย่างสำหรับฉันก็แปรเปลี่ยนไปเมื่อคุณพ่อของฉันล้มป่วยด้วยโรคหัวใจท่านนอนรักษาตัวอยู่นานและก็จากโลกนี้ไปเมื่อปีที่แล้ว โดยสาเหตุก็เพราะคุณแม่ของฉันแอบมีชู้ทำให้คุณพ่อเสียใจและหัวใจล้มเหลวเสียชีวิตกระทันหัน ตอนแรกฉันนึกว่าคุณแม่จะเลิกกับชายชู้แต่แล้วท่านก็ไม่เลิกกลับจะแต่งงานกับมันและเอามันมาผลาญเงินคุณพ่อฉัน ฉันรับไม่ได้ฉันเกลียดผู้ชายคนนั้น!!!!ที่มาพรากคุณพ่
อไปจากฉันและยังจะมาแย่งคุณแม่ไปจากฉันอีก!!
เคนโซ คิณภพ….
พรึบ
ตุ๊บ
“ไอ้สัส…ถุย!”ผมสบถคำด่าพร้อมกับถุยน้ำลายลงไปบนร่างของเด็กช่างกลต่างสถาบันกับผมที่มันสวมใส่ช็อปสีน้ำเงินเข้มส่วนผมสวมใส่ชุดช็อปสีแดงออกเลือดหมูนิดๆ
ตุ๊บ
“อึก!”เสียงสะอึกสุดท้ายก่อนที่ร่างของมันจะนอนแน่นิ่งหมดสติไป ผมก็กระตุกรอยยิ้มที่มุมปากและหันหลังเดินออกมาจากซอกตึกร้างเก่าๆที่อยู่ในตัวของตลาดนัดที่ใกล้วิทยาลัยของผม ผมเอามือปัดเสื้อช็อปและเดินผิวปากกลับไปคร่อมรถมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์500ccคันใหญ่สีดำสลับสีน้ำเงินของผมพร้อมกับสตาร์ทรถและบิดออกมาจากที่แห่งนั้นมุ่งหน้าไปยังวิทยาลัยของผมเพื่อจะเข้าเรียน
พรึบ
ผมจอดรถของผมในที่จอดรถประจำก็พบกับเพื่อนๆในแก๊งของผมที่มันกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะประจำของพวกเรา
“เห้ย…ไอ้เคน”เสียงตะโกนทักทายผมดังมาจากเพื่อนๆของผมทันทีที่พวกมันเห็นผม ผมก็ยักคิ้วและยกมือทักทายพวกมันกลับไปก่อนจะเดินตรงดิ่งไปหาพวกมัน
“ได้ข่าวว่าไอ้ครามยกพวกไปตีมึงเหรอวะ..”
“ที่ไปยุ่งยามกับเด็กมัน?”ไอ้ธารเพื่อนหนึ่งในห้าของผมเอ่ยขึ้น ไอ้ครามที่พวกมันถามถึงก็คือคนที่ผมเพิ่งจะกระทืบมันเสร็จก่อนที่จะมาวิทยาลัยนี่แหละครับ
“อืม…”ผมตอบมันสั้นๆก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งและหยิบบุหรี่ไฟฟ้าที่อยู่ในกระเป๋าเสื้อช็อปของผมมาสูบอย่างสบายใจเชิปโดยไม่สนใจว่าจะถึงเวลาเข้าเรียนแล้วหรือยัง
“แล้วเป็นไง…”ไอ้คิวเอ่ยถามผมกลับมาด้วยสีหน้าอย่างอยากรู้อยากเห็นของมัน ผมก็แสยะยิ้ม
“พวกมึงก็เตรียมคนให้พร้อมเย็นนี้…”ผมบอกแค่นั้นเพื่อนๆผมต่างรู้ดีว่าทำไม เพราะผมกระทืบไอ้ครามเละขนาดนั้น เพื่อนๆมันก็คงจะรวมตัวมาดักรอตีพวกผมเพื่อแก้แค้นให้เพื่อนมันอยู่แล้ว
“แต่คืนนี้…พวกมึงคงไม่ลืมปาตี้ใช่เปล่าว่ะ?”
“ปาตี้อะไรว่ะ?”





























































































