บทที่ 4 มิใช่แท่งหยก

“และข้าคือผู้โชคร้าย ที่ต้องเสียเงินน้อยนิดและเสียเวลา แล้วยังต้องมาดูแลผู้หญิงที่สติไม่สมประกอบ ซ้ำร้ายยังดูบ้าตัณหา”

ที่เขากล่าวเช่นนั้น เพราะหยางอี้คังคาดคะเนว่าหลังจากศีรษะนางได้รับการกระทบกระเทือนหนัก ความคิดความอ่านจึงเปลี่ยนไป จากเด็กหญิงที่เคยกล่าวหาว่าเขาเป็นขโมย กลับกลายเป็นสาวงามสมองฝ่อที่คิดทำตัวเยี่ยงหมูและเอาแต่นุ่งชุดวิวาห์สีแดง ปากก็ร่ำร้องให้ผู้ชายอุ้มขึ้นเตียง!!

อาเปี่ยวมองหน้าคนเป็นนาย ก่อนอ้อมแอ้มตอบว่า “ข้าเกรงว่าสวรรค์เท่านั้นจึงจะล่วงรู้เรื่องนี้ แต่อย่างไรเสียคุณหนูกุ้ยฟางก็งามเหนือผู้ใด นางคงสร้างความพึงพอใจให้ท่านแม่ทัพได้บ้าง”

ได้ยินเช่นนั้น มือยาวและแข็งแกร่งก็ยกจอกสุราขึ้นดื่มรวดเดียวจนหมด และสั่งให้อาเปี่ยวเร่งเติมอย่างไว

“ยามนี้ ข้าเป็นห่วงลั่วลั่วเหลือเกิน ป่านนี้นางจะไปซุกซนอยู่ที่ใด”

“ข้าก็ประหลาดใจยิ่งนัก และม้าเร็วของเราสืบได้ว่าแม่นางลั่วลั่วได้ออกจากเรือนหลายชั่วยามแล้ว แต่เหตุใดยังเดินทางมาไม่ถึงจุดนัดพบก็มิอาจทราบได้”

แม่ทัพหนุ่มรูปงามตบโต๊ะไปหนึ่งที และกล่าวขึ้น

“เฮ้อ ข้าคิดว่าผู้ที่ขัดขวางเรื่องนี้คงไม่พ้นเกาจื้อเฉิง เพื่อนรักของข้าเป็นแน่” เมื่อกล่าวจบก็วางจอกสุราลงบนโต๊ะเสียงดัง ก่อนสั่งให้อาเปียวนำป้านสุรามาส่งให้ จากนั้นก็กรอกมันเข้าปาก หวังให้เมามายเพื่อลืมเรื่องที่ทำให้จิตใจหนักอึ้ง


ซูกุ้ยฟางหลับๆ ตื่นๆ อยู่เกือบสองวันเต็มๆ ในห้องนอนของหยางอี้คัง นางได้รับการดูแลอย่างดีจากฝูและบ่าวรับใช้อีกสองคน ซึ่งล้วนเป็นคำสั่งของหยางอี้คัง

ช่วงหัวค่ำที่ผ่านมา ซูกุ้ยฟางต้องคอยหลบหน้าบุรุษรูปงาม ด้วยเขาดื่มหนักจนน่ากลัว และยังจู้จี้ขี้บ่นไปเสียทุกเรื่อง แม้แต่การแต่งตัวของหญิงสาว

“ผู้หญิงสกุลซูนิยมนุ่งห่มชุดเจ้าสาวตลอดเวลารึอย่างไร แล้วไฉนมันถึงเป็นสีแดงดั่งโลหิตเช่นนี้”

ริมฝีปากอวบอิ่มพยายามขยับโต้ตอบ แต่สมองของนางเหมือนยังไม่เข้าที่เข้าทาง และดูเหมือนจะขาวโพลนไปเสียทุกครั้ง โดยเฉพาะยามที่บุรุษเจ้าของเรือนทำสุ้มเสียงเข้มใส่ๆ พร้อมแสดงอาการเกรี้ยวกราดเกินจริง

“ผู้น้อยหาได้มีอาภรณ์อื่น และเรือนของท่านมีแต่ผ้าดิบสีดำทึมทึบเนื้อหยาบชวนให้ระคายผิว ไม่ก็สีขาวซีดๆ ราวผ้าห่อศพ!”

“นี่เจ้ากำลังกล่าวว่าข้าไร้รสนิยมเยี่ยงนั้นหรือ”

“โอ้ มิได้ ผู้น้อยมิกล้า” ซูกุ้ยฟางปฏิเสธเสียงตื่น

“ฮ่าๆๆ ใครเชื่อเจ้าคงแปลก สตรีตระกูลซูร้ายกาจและอำมหิตเพียงใด ข้าคนนี้ย่อมรู้ดีแก่ใจ”

หญิงสาวฉงนหนัก หยางอี้คังทำราวกับรู้จักนางมาตั้งแต่ชาติปางก่อน และท่าทางเขาดูรังเกียจนาง แต่พอตกดึกกลับปีนขึ้นเตียงแถมยังพยายามขยับเข้ามาใกล้ๆ การกระทำแสนพิลึกพิลั่นนี้สร้างความพิศวงแก่ซูกุ้ยฟางยิ่งนัก

“เอาละ เข้านอนได้หรือยัง ข้าง่วงเต็มทน พรุ่งนี้เช้ามีธุระต้องเข้าเมืองเพื่อเจรจางานสำคัญ”

“เจ้าค่ะ ชะ เชิญท่านแม่ทัพ” หญิงสาวบอก และค้อมตัวเดินไปตรวจสอบความเรียบร้อยของเตียงนอนหลังใหญ่ด้วยใจตุ้มๆ ต่อมๆ

กลางดึกคืนนั้นพระจันทร์ส่องแสงนวลตา หญิงสาวที่ยามนี้เข้าใจทุกอย่างทีละน้อย และนางมั่นใจว่าตนทะลุมิติมาอยู่ในโลกโบราณนี้อย่างเต็มตัว ซึ่งยังไม่รู้ชะตากรรมของตนว่าจะมีโอกาสหวนกลับคืนสู่โลกเดิมหรือไม่

ถึงหลายสิ่งหลายอย่างแตกต่างไม่คุ้นชิน แต่การใช้ชีวิตที่นี่ก็หาได้ลำบากจนเกินไป กระนั้นนางต้องพยายามทำให้ทุกอย่างเดินไปตามเรื่องราวแปดบรรทัดที่เคยอ่านผ่านตา

หลังผล็อยหลับไปได้สักพัก ร่างทรงเสน่ห์ก็สะดุ้งตื่น และสาเหตุมิใช่เกิดจากการเห็นภาพฝันร้ายที่วิ่งวนเพียงแค่ในหัว แต่ประเด็นสำคัญคือมือเรียวสวยไปสัมผัสเข้ากับบางสิ่งทั้งที่มันควรอยู่ในร่มผ้า ทว่าปลายนิ้วกลับแตะเข้ากับความนุ่มหยุ่นแทน!!

คราแรกเพียงสัมผัสใจเต้นระรัวแรง แน่ละ ถึงบริสุทธิ์ผุดผ่องไร้ราคี แต่นางที่จากโลกแห่งความจริงมาใช่ว่าจะไม่เคยเห็น ในเมื่อยุคสมัยของนาง หากอยากรู้อยากเห็นสิ่งใดเพียงเลื่อนหน้าจอมือถือลื่นปรื้ดๆ เลือดกำเดาก็แทบพุ่ง!

“เอ ไฉนมันถึงได้นุ่มนิ่ม...และอุ่นพิลึกดีแท้!”

นางว่า และยังมิวายขยับมือเลื่อนขึ้นไปเพื่อตรวจสอบให้แน่ใจอีกนิด เมื่อสองสามคืนก่อนก็นอนร่วมเตียงกับหยางอี้คัง ดูเหมือนเขาจะหวงเนื้อหวงตัวยิ่งกว่านี้ เหตุใดคืนนี้กายแกร่งของเขาถึงได้ขยับมาชิดกัน แถมยังสร้างความหวิวไหวเป็นอย่างมากต่อหัวใจสาวด้วยการนอนกึ่งเปลือยกาย!

ครั้นนางเคลื่อนมือเรียวสวยเพื่อเปลี่ยนทิศทาง ก็พบว่าแก่นกายของหยางอี้คังอ่อนตัวและมันอยู่ในฝัก มิใช่ดุ้นแข็งขันที่นางเคยเห็นในคลิปโป๊แนวจัดหนักจัดเต็ม!

ความรู้สึกดังกล่าวยากเกินบรรยายเป็นคำพูด หญิงสาวผู้เคยพบเห็นฉากมหัศจรรย์มาบ้างจากสื่อต่างๆ ในโลกเก่า ซึ่งยามนี้นางได้จับของจริง ทั้งที่เมื่อก่อนได้แต่จินตนาการถึง กระนั้นสิ่งนี้มันควรดุดันแข็งขันและผงาดล้ำท้าทายมือเรียวสวย แล้วเหตุใดความรู้สึกที่ได้รับกลับนุ่มนิ่มชวนให้รู้สึกเสียดายโดยแท้

บทก่อนหน้า
บทถัดไป