บทที่ 2
เมื่อนางหันกลับก็สบตาเข้ากับดวงตาสีดำอันเงียบสงัดคู่หนึ่ง พร้อมกับแสงสลัว ๆ ที่ผ่านมาจากกระเบื้องหลังคาที่นางเปิดไว้ทำให้พอจะเห็นรูปร่างคร่าว ๆ ของชายคนนี้
ลู่ยุ๋นหลัวรู้สึกเคอะเขินเอามือที่ปิดปากชายตรงหน้าออก พร้อมกับกระซิบถามว่า “มาแอบดูเหมือนกันรึ?”
จี้อู๋เจวี๋ยขมวดคิ้ว เขาไม่ได้มีงานอดิเรกพิเศษอะไรแบบนี้ แต่เขาก็ไม่อยากเปิดปากพูดอธิบายอะไร
ไม่ตอบ? แปลว่ายอมรับ?
ก็น่าจะใช่ ผู้ชายดึกดื่นกลางค่ำกลางคืนปีนขึ้นหลังคาวังนอกจากจะมาดูชายหญิงทำอะไรกันแล้วจะทำอะไรอย่างอื่นได้อีก?
เดี๋ยวนะ? ถ้าแบบนี้ก็น่าจะถือว่าเป็นลูกค้าของนางได้อยู่นะ
พอคิดถึงตรงนี้ ดวงตาของลู่ยุ๋นหลัวก็สดใสขึ้นมาทันใด นางค่อย ๆ โน้มตัวมาประชิดชายคนนั้น พร้อมกับใช้เสียงต่ำ “ข้ามีตำรากามสูตรวาดพิเศษ ถ้าเทียบกันแล้วน่าดูกว่าข้างล่างนั่นเยอะ แค่10ตำลึงเอง ราคาโคตรคุ้ม!”
ตำรากามสูตรของนางเป็นสิ่งที่นางภูมิใจที่สุด ย้อนกลับไปเมื่อครึ่งปีก่อน นางได้เงินจากการขายตำราเหล่านี้ประทังชีวิตในตำหนักเย็น
ตำรากามสูตร?
จี้อู๋เจวี๋ยไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะมีวันที่คนในตำหนักในมาขายตำรากามสูตรกับเขาแบบโจ่งแจ้ง
“เอาไง? เงินแค่10ตำลึงคุ้มมากเลยนะ แถมยังไม่มีความเสี่ยงถูกจับที่ทุกคืนต้องปีนขึ้นมาแอบดูอีก น่าอายจะตาย” ลู่ยุ๋นหลัวแนะนำซะอย่างดิบดีทั้งที่ตัวเองก็ควรจะอายที่แอบปีนขึ้นมาดูชายหญิงทำอะไรกันเช่นกัน
จี้อู๋เจวี๋ยสีหน้าเคร่งขรึมเยือกเย็นพยายามมองอีกฝ่ายให้ชัด ผู้หญิงคนนี้รู้ตัวบ้างรึเปล่าว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่
ในค่ำคืนอันดำมืด ดวงตาดำลึกของเขาพยายามมองไปยังร่างของนางอย่างพินิจพิเคราะห์ แต่กลับมองเห็นรูปร่างของนางเพียงแค่คลุมเครือและเปล่งประกายสะท้อนของดวงตานางเท่านั้น
เพียงแค่สบตาที่คาดหวังของนาง เขาก็เกิดความสนใจในตัวนางขึ้นมาทันใด “ก็ได้ แต่ข้าไม่ได้พกมาสักตำลึง”
“ไม่ได้พกมาสักตำลึง?” ลู่ยุ๋นหลัวหน้าเฉาในทันใด ไม่ได้พกมาสักตำลึงแล้วให้นางพูดตั้งครึ่งค่อนวันเนี่ยนะ ล้อกันเล่นใช่มั๊ยเนี่ย?
“เจ้าลองดูจี้หยกอันนี้ก่อน” ไม่รู้ผีสางเทวดาอะไรดลจิตดลใจให้จี้อู๋เจวี๋ยนำจี้หยกอันนี้ออกมา
ลู่ยุ๋นหลัวรับจี้หยกนั้นมา ถึงแม้วันนี้ท้องฟ้าจะมืดสนิทแต่นางสัมผัสอันอ่อนโยนของจี้หยกที่แผ่ออกมาจากฝ่ามือของนางได้เป็นอย่างดี จี้หยกนี้มูลค่ามหาศาลแน่นอน นายคนนี้ผ้าขี้ริ้วห่อทองชัด ๆ !
ลู่ยุ๋นหลัวกลัวว่าชายคนนี้จะเปลี่ยนใจกะทันหัน นางรีบหยิบจี้หยกเก็บเข้าไปในกระเป๋าของนาง สีหน้าของนางยิ้มแย้มสดใสขึ้นมาทันใด เพียงพริบตาก็รู้สึกว่าชายตรงหน้าไม่ขัดหูขัดตาอีกต่อไป
นางหยิบตำรากามสูตรโยนไปให้เขา “รับไป! วันนี้ข้าอารมณ์ดีเป็นพิเศษ มาสิ ข้าเลี้ยงเหล้า”
บริเวณรูกระเบื้องหลังคาที่เปิดไว้ยังมีกาเหล้าวางไว้อยู่ นางต้มเหล่าตั้งแต่ช่วงต้นเดือน7 นางหมักเหล้าไว้ถึง1เดือนด้วยกัน รสชาติกลมกล่อมแถมยังแอลกอฮอล์ต่ำเมายาก ไว้จิบระหว่างแก้เบื่อได้เป็นอย่างดี
จี้อู๋เจวี๋ยรับจอกเหล้าที่ส่งมา กลิ่นหอมของดอกบัวก็โชยมาทันที เขาจิบเพียงอึกเดียวก็ลิ้มรสได้ถึงความอร่อยที่มีรสชาติเอกลักษณ์
ลู่ยุ๋นหลัวนั่งลงตรงบริเวณรูหลังคาที่เปิดไว้ นางเติมเหล้าในจอกเพิ่มขณะที่แสงไฟสลัว ๆ ลอดผ่านเข้ามา “เป็นไงบ้าง รสชาติไม่เลวเลยใช่มั๊ยละ?”
จี้อู๋เจวี๋ยดื่มพรวดเดียวหมดจอก ด้วยความที่เขาเป็นถึงองค์จักรพรรดินั้นแถบจะไม่เคยรู้จักเหล้าดอกบัวเลยและรสชาติไม่เลวเลยทีเดียว
“เหล้านี้เจ้าต้มเองรึ?” เขาถามพร้อมมองไปทางลู่ยุ๋นหลัวเขาก็หยุดชะงักไป เพราะเพียงแค่แสงไฟสลัว ๆ ที่เข้ามา เขาก็มองเห็นหญิงสาวตรงหน้าชัดเจนขึ้นมาซะที
