บทที่ 3 EP 01 มีเขาบนหัว เอาตัวไม่รอด [1]
Lego part :
22.50 น.
ออด~~~
ผมเอื้อมมือไปกดออดที่หน้าประตูรั้วบ้านหลังสีเทาท้ายซอย ชะเง้อคอมองเข้าไปในตัวบ้านที่ยังคงเปิดไฟเอาไว้จนสว่างไปทั่วทั้งหลัง
บ้านหลังนี้คือบ้านของอาจารย์แดนสวรรค์ ซึ่งจริงๆ ก็อยู่ไม่ไกลจากมหา’ ลัยมากนัก เป็นบ้านขนาดกลาง และเท่าที่ผมจำได้รู้สึกว่าอาจารย์จะยังไม่มีครอบครัว แต่ถึงจะมีผมก็คิดว่ามันก็ยังพอที่จะอยู่อาศัยกันได้อย่างอบอุ่น
เหตุผลที่ผมอธิบายมาทั้งหมดนั้นก็เพราะผมแค่อยากหาอะไรทำฆ่าเวลา กดออดไปสามรอบแล้วแต่ก็ไม่เห็นจะมีวี่แววว่าอาจารย์จะเดินออกมาเปิดประตูให้ผมสักที จะว่าผมมาดึกก็ไม่ถูกนะ เพราะอาจารย์ไม่ได้ระบุเวลา ได้แต่บอกว่าให้ผมมาคืนนี้ ซึ่งตอนนี้ก็เป็นเวลาเกือบๆ ห้าทุ่ม
ออด~~~
จนแล้วจนรอดผมก็ต้องเดินกลับไปกดออดรอบที่สี่ จะคิดว่านอนแล้วก็คงไม่ใช่เพราะว่าไฟในบ้านยังสว่างโร่อยู่เลย
Rrrr~~~
“ฮัลโหล ว่าไงไอ้ปาล์ม” ผมกดรับสายก่อนจะกรอกเสียงลงไปด้วยอารมณ์หงุดหงิด สายตายังคงจับจ้องไปที่ประตูหน้าบ้านซึ่งจนถึงตอนนี้มันก็ยังคงถูกปิดเอาไว้
[ตกลงมึงได้แวะไปหาอาจารย์แดนสวรรค์ที่บ้านเขาไหมวะ]
เห็นมั้ยว่าไม่ใช่ผมคนเดียวที่ติดเรียกชื่ออาจารย์ว่าอาจารย์แดนสวรรค์ (ย้ำอีกรอบว่าแกชื่ออาจารย์แดรนสรวงนะครับ)
“มึงก็ถามเหมือนกูมีตัวเลือกนะ” ผมตอบฉุนๆ เพราะแน่นอนว่าถ้าผมมี ผมไม่มีทางจะมาเหยียบที่นี่เด็ดขาด คนอย่างผมเคยง้อใครเสียที่ไหน ถ้าไม่ติดว่านี่เป็นเรื่องคอขาดบาดตาย ผมคงไม่ทำ
[ระวังตูด เอ้ย! ระวังตัวด้วยมึง กูได้ยินมาว่ามีนักศึกษาหลายคนที่แวะไปคุยเรื่องเกรดกับอาจารย์ที่บ้าน พอรุ่งขึ้นอีกวัน เกรดแม่งพุ่งพรวดขึ้นมาเฉยเลย] ไอ้ปาล์มพยายามบอกใบ้
“กูรู้ แค่นี่ใช่มั้ยที่มึงจะโทรมาปลอบกู” ผมถามเซ็งๆ ก่อนจะเริ่มเดินเตะอากาศไปมาเมื่อรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจนตรอก แถมคนรอบข้างก็ยังมีแต่คนรอซ้ำเติม
[ยังมีอีกเรื่อง วันนี้กูกับไอ้บุ๊กแวะไปที่คลับมา เจอน้องจูนเด็กเก่ามึง ตอนนี้กำลังควงอยู่กับไอ้ตาร์หน้าแว่นว่ะ]
เฮ้อ! ไหนสาระสำคัญของชีวิตผม ตอนนี้ผมไม่ได้มีเวลาว่างมากจะไปคิดเรื่องไร้สาระแบบนั้นสักนิด อีกอย่างผมกับยัยนั่นไม่เคยควงกันเลยด้วยซ้ำ จะเรียกว่าเด็กเก่าก็คงไม่ได้ เพราะที่ผ่านมามีแต่ยัยนั่นวิ่งเข้าหาผมอยู่ฝ่ายเดียว
“ช่างแม่ง โลกมันแคบ ไม่เห็นแปลกที่จะแดกต่อกัน แค่นี้นะ” ผมประชดเสียงต่ำแล้วกดวางสายทันทีเพราะได้ยินเสียงเปิดประตูบ้าน พอหันไปมองก็เห็นอาจารย์แดนสวรรค์กำลังเดินออกมาจริงๆ ท่าทางเหมือนจะเพิ่งอาบน้ำเสร็จเสียด้วย เพราะเขาเดินออกมาเปิดประตูต้อนรับผมทั้งที่นุ่งเพียงผ้าขนหนูผืนเดียว ไม่สิ มีอีกผืนเล็กๆ พาดอยู่บนบ่า
สาบานว่าหันมาเห็นทีแรกรู้สึกเสียวตูดแบบที่ไอ้ปาล์มเพิ่งโทรมาเตือนไม่มีผิด
“ขอโทษทีที่ให้รอนาน ผมคิดว่าคุณคงไม่มาแล้วก็เลยไปอาบน้ำ”
“ไม่เป็นไรครับ” ผมตอบสั้นๆ ก่อนจะเดินนำอาจารย์เข้าไปในบ้านทันที รีบๆ พูด ผมจะได้รีบๆ กลับ
ใจจริงแล้วก็คืออย่างที่ผมบอกว่าผมไม่ได้อยากจะมาหรอก การแอบมาคุยนอกรอบแบบนี้ไม่ค่อยอยู่ในหัวของผมเท่าไร ไหนจะยังไอ้ข่าวซุบซิบของอาจารย์ที่ก็ไม่ใช่เรื่องที่ผมเพิ่งจะเคยได้ยิน เพียงแต่ผมคิดว่าตัวผมเองเป็นผู้ชายมันจึงไม่น่าจะปัญหาอะไร (ทั้งที่การเป็นผู้ชายของผมนั่นแหละที่เป็นความเสี่ยง) แต่ทั้งหมดทั้งมวลนั้นก็เพราะผมจะยอมให้พี่อาทิตย์รู้ผลสอบครั้งนี้ของผมไม่ได้เด็ดขาด
“นั่งก่อนสิ กินอะไรมาหรือยังล่ะ”
“นี่ดึกมากแล้ว ผมว่าเข้าเรื่องเถอะครับอาจารย์” ผมรีบหันไปพูดกับอาจารย์แดนสวรรค์ตรงๆ แต่สิ่งที่เห็นคืออาจารย์ที่นุ่งเพียงผ้าขนหนูผืนเดียวเดินตามมาผมกำลังปิดประตูบ้าน แถมยัง...กดล็อก
เหี้ยแล้วไง! นี่ถ้าบอกว่าเริ่มกลัวผมจะดูแต๋วแตกหรือเปล่า
“ต้องตกอยู่ในสถานการณ์คับขันสินะ คุณถึงจะกระตือรือร้นแบบนี้” อาจารย์แดนสวรรค์พูดพลางยิ้มมุมปาก รอยยิ้มแบบนั้นทำผมขนลุกแต่ไม่อยากแสดงออกเพราะผมตกเป็นรองอยู่
ผมมองตามอาจารย์ไปเรื่อยๆ เพราะอยู่ๆ เขาก็เดินหายไปด้านในเสียเฉยๆ โดยที่ตัวผมไม่ทันจะตอบอะไร และไม่คิดจะทำด้วยเพราะเดี๋ยวจะกลายเป็นผมเล่นกับอาจารย์จนอาจจะเกิดเป็นการเข้าใจผิด
แล้วไม่นาน อาจารย์แดนสวรรค์ก็เดินกลับออกมาพร้อมกับกระดาษเอสี่แผ่นสีขาวในมือ
“นี่ข้อสอบของคุณ ทำเสร็จแล้วก็กลับบ้านได้”
ทำไมมันง่ายขนาดนั้นกันนะ?
