บทที่ 9 EP 03 เยี่ยมไข้ [1]

Ar-tid part :

ก๊อกๆ ๆ

ลามินเคาะประตูแล้วเปิดเข้ามาหลังจากที่ผมเพิ่งจะโทรไปสั่งให้เขาเข้ามาพบ เขาเป็นผู้ช่วยของผมเอง เราทำงานด้วยกันมานานซึ่งถึงแม้ว่าเขาจะอายุมากกว่าผมสี่ปี แต่เขาก็ให้ความเคารพผมเสมอ เป็นคนหนึ่งที่ผมรู้สึกไว้ใจ

“เอกสารทั้งหมดที่คุณอาทิตย์ต้องการครับ”

รายงานพร้อมกับยื่นเอกสารมาให้

“ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมขอตัวกลับไปทำงานก่อนก็แล้วกันครับ แต่ถ้าคุณอาทิตย์ต้องการอะไรเพิ่มเติมก็แจ้งผมได้ทันที”

“ฉันอยากให้นายช่วยเตรียมกระเช้าผลไม้ให้หน่อยน่ะ เดี๋ยวช่วงบ่ายฉันจะไปโรงพยาบาล”

“ได้ครับ” ลามินรับคำสั่งโดยไม่มีคำถามสอดรู้ตามมา

“เดี๋ยวลามิน”

“ครับ”

“เมื่อคืนนี้นายได้คุยอะไรกับเลโก้รึเปล่า” ผมถามเสียงเรียบออกไปโดยที่สายตายังคงจับต้องไปที่เอกสารปึกแรกอย่างไม่วางตา

“ผมให้คำแนะคุณเลโก้ไปว่าถ้ามอบตัวและยอมรับผิด อาจได้รับการลดหย่อนโทษน่ะครับ” ลามินพูดพลางกลั้นยิ้ม ผมรู้เพราะผมเงยหน้าขึ้นมามองเขาพอดี แต่ผมจะทำอะไรได้ล่ะ ก็แค่พยักหน้าเบาๆ ก่อนจะถอนหายใจแล้วโบกมือไล่เขากลับออกไปทำงานเหมือนเดิม คล้อยหลังเขาผมก็วางเอกสารชุดแรกในมือลงแล้วหยิบเอกสารชุดต่อไปขึ้นมาอ่าน

จะว่าเอกสารพวกนี้ทำให้ผมเสียเวลาในการทำงานมันก็ใช่ แต่ถ้าผมไม่จัดการให้จบ มันก็คงค้างคาใจจนทำงานต่อไม่ได้เหมือนกัน เพราะมันเป็นเรื่องของไอ้เด็กเจ้าปัญหาที่ชื่อเลโก้นั่นไงล่ะ

เลโก้เป็นลูกชายของเพื่อนแม่ของผมเอง เธอเอาเลโก้มาฝากแม่ของผมเลี้ยงเพราะตอนนั้นเธอแยกทางกับสามี แต่นี่ก็ผ่านไปห้าปีแล้ว ผมก็ไม่ยักเห็นว่าเธอจะมารับเลโก้กลับไปสักที ไม่เคยจะติดต่อกลับมาเลยด้วยซ้ำไป ค่าเลี้ยงดูที่พ่อกับแม่ผมเลี้ยงดูเด็กนั่นมาตั้งแต่ช่วงหนึ่งปีแรก (แต่ส่วนใหญ่เลโก้ก็อยู่กับผมอีกนั่นแหละ) รวมถึงตัวผมเองที่รับหน้าที่ดูแลและเป็นผู้ปกครองต่อมาจากพ่อกับแม่ในช่วงสี่ปีหลังก็ไม่เคยได้สักบาท แถมเจ้าตัวยังก่อเรื่องให้ผมตามแก้ไม่เว้นแต่ละวัน

ผมรู้ว่าเลโก้เป็นเด็กใจร้อน วู่วาม อาจเพราะเขาขาดบางอย่างที่ผมก็คงทดแทนให้ไม่ได้ ก็เลยทำได้แค่คอยเตือนและพยายามสอน ซึ่งก็ยังนับว่าผมพอจะมีแต้มบุญอยู่บ้างที่เขามีท่าทีเกรงๆ ผมอยู่บ้าง บางเหตุการณ์ก็ยังถือว่ายั้งคิด แต่ก็นั่นแหละ เขายังอยู่ในช่วงวัยคึกคะนอง ดังนั้นผมที่เป็นพี่ชาย (ไปโดยปริยาย) ก็หวังแค่ประคับประคองไปจนกว่าจะโตเป็นผู้ใหญ่และคิดได้ในสักวัน

หลังจากที่เมื่อวานเลโก้เดินเข้ามาหาผมที่ห้องทำงาน ซึ่งไม่ทันต้องอ้าปากผมก็รู้ว่าเขาคงจะต้องก่อเรื่องมาอีกแน่ๆ ซึ่งก็จริง นับเป็นครั้งที่สี่ในรอบสองเทอมติดๆ กัน แต่บอกตามตรงว่าเหตุของเรื่องในครั้งนี้มันทำให้ผมรู้สึกแปลกใจ เพราะก็มันดันไม่ใช่การทะเลาะวิวาทกับคนอื่นเหมือนทุกครั้ง (แม้มันจะมีห้อยมาในตอนท้ายก็ตาม) ดังนั้นเช้านี้ผมจึงสั่งให้ลามินหาข้อมูลที่คิดว่าน่าสงสัยมาให้ผมทั้งหมด

ไม่ใช่ผมจะเข้าข้างเลโก้หรอกนะ เพราะผมไม่เคยเข้าข้างเขามาแต่ไหนแต่ไร และเลือกจัดการแบบเด็ดขาดเสมอถ้าเขานั่นทำผิด แต่ตอนที่ได้ยินเขาบอกว่าเขาสอบตก ผมนี่แทบสำลักน้ำลาย ถึงเลโก้จะไม่ค่อยฉลาด แต่เขาไม่ได้โง่ถึงขั้นเอาตัวไม่รอด หนำซ้ำยิ่งได้ฟังเลโก้บอกเล่าถึงตอนท้ายที่มีการทำร้ายอาจารย์คนนั้นเพราะอาจารย์เสนอถุงยางให้เพื่อแลกกับคะแนนผมก็ยิ่งคิดว่ามันต้องไม่ปกติ

แล้วก็จริงอย่างที่ผมคิด…

จากประวัติของอาจารย์ที่ปรึกษาของเลโก้คนนั้นระบุว่าเขาอายุสามสิบสอง สถานะภาพโสด เป็นอาจารย์ประจำอยู่ที่มหา’ ลัยมาห้าปี แต่ประเด็นที่น่าสนใจกว่าข้อมูลพื้นฐานพวกนั้นก็คือข้อมูลเชิงลึกที่ผมให้ลามินไปสืบเพิ่มมา พบว่าในทุกคืนวันศุกร์ อาจารย์คนนี้มักชอบไป...บาร์โฮส

อืม...นี่คงเห็นเลโก้เป็นเด็กที่คิดว่าจะเคี้ยวได้ง่ายๆ สินะ หารู้ไม่ว่านั่นน่ะกระดูกชิ้นโตทีเดียว เพราะถึงผมจะรู้ว่าเลโก้อาจยอมทำทุกอย่างเพื่อปกปิดความผิด ที่หมอนั่นคิดว่าอาจทำให้ผมยุ่งยากใจ แต่เปอร์เซ็นต์ของความเป็นไปได้ที่คิดจะได้เห็นไอ้เด็กนั่นว่านอนสอนง่ายล่ะก็...มันผิดถนัด

ส่วนตัวแล้วผมไม่ได้สงสัยหรอกว่าทำไมคนอย่างอาจารย์ที่ปรึกษาถึงคิดจะสอยเด็กในปกครองของตัวเองทั้งที่ถ้าดูจากประวัติ เลโก้นี่ก็อันธพาลระดับแถวหน้าของมหา’ ลัยดีๆ นี่เอง ซึ่งหากมองให้ลึกกว่านั้น ตามสัญชาตญาณของอาจารย์ที่คงเป็นผู้ล่ามาตลอด ผมคิดว่าเขาดูออก เพราะผมก็ดูออกว่าเลโก้ไม่ได้แข็งกระด้างแบบที่คนอื่นเห็น ออกจะหัวอ่อนในบางเวลาด้วยซ้ำ เพียงแค่อาจารย์คนนั้นประมาทไปหน่อยก็เท่านั้นเอง

เลโก้ไม่ใช่เหยื่อธรรมดาที่เห็นแก่เงินหรือของล่อตาล่อใจเพียงเล็กน้อยอย่างนั้น และที่สำคัญ เลโก้ไม่ยอมปล่อยให้ตัวเองตกเป็นเหยื่อง่ายๆ หรอก

บทก่อนหน้า
บทถัดไป