บทที่ 2 เห็นเธอแล้วอยากเสียตัว [1]
วันนี้เป็นวันย้ายสำมะโนครัวเด็กในอาณัติของผม ที่ดูคล้ายจะเหมือนเมียย้ายเข้ามาอยู่กินด้วยกัน
กว่าจะยกของใส่รถกระบะที่ผมถอยมาใหม่ กว่าจะขับไปถึงห้อง ปาไปชั่วโมงครึ่ง
ไอ้เด็กเอ๋อนี่ของเยอะชิบหาย เท่าที่ดูๆ แล้วจะมีแต่พวกซีดีเกมที่ผมไม่ค่อยเล่น พวกซีจีหนักๆ ที่ต้องใช้กับคอมสเปคโหดๆ อะไรประมาณนั้น จอยเกมสีชมพูแป๋น กับโน๊ตบุ้ค หูฟังครบเซ็ต ไหนจะฟิกเกอร์ตัวการ์ตูนที่มันรีบจัดประกอบตู้แก้วด้วยตัวเองทันทีที่มาถึงห้องผมแล้วเก็บไอ้ตุ๊กตาพวกนั้นยัดใส่ตู้ไว้เป็นอนุสรณ์สถาน
กูถามคำเดียวเลยนะ
เพื่อ?
“ฟิกเกอร์ตั๋วละครเกมหมู่นี้ ตั๋วละหลายหมื่นเลยเน้อ” เธอโพล่งขึ้นมาโดยที่ผมไม่ได้ถาม พร้อมกับหันกลับมามองหน้าผมอย่างภูมิใจนำเสนอ “รวมทั้งตู้นี้ก็ประมาณสองแสนกว่าๆ ได้”
ผมที่ยืนกอดอกหน้าเข้มอยู่ถึงกับสำลักน้ำลายทันที
ไอ้เหี้ย
เหมือนเอาเงินไปละลายน้ำทิ้งเปล่าๆ เลยว่ะ ไอ้ฟิกเกอร์พวกนี้มันทำอะไรได้? นอกจากมีหน้าที่โชว์เด่นหราอยู่หน้าตู้จอแก้ว
แล้วที่สำคัญมาบอกกูทำไม เพื่ออะไร? หรืออยากอวดรวยใส่กู?
“มึงจะบอกว่ามึงรวยว่างั้นเถอะ”
“เปล่าเน้อ ป้ออ้ายรวย” โอเค กูว่ากูชักอยากถีบตูดอีเด็กเวรนี่ล่ะ “นี่ห้องของอ้ายใช่ก๋า หมู่เฮาแยกห้องนอนกันกับเปิ้นใช่ป่าว”
ยัยหมากระเป๋าพูดพลางสอดส่องมองไปรอบๆ ห้องที่คับแคบ อาจจะแคบกว่าบ้านเธอเล็กน้อย เพราะเงินเดือนที่ได้จากงานสีเทาผมก็ไม่ได้หรูอะไรมาก พอให้มีที่ซุกหัวนอนกับมีข้าวแดก แล้วก็เลี้ยงเด็กเวรได้อีกสักคนนึงก็พอแล้ว
เอาเป็นว่าแม่งไม่ใช่ธุระกงการอะไรของผมที่ต้องมาดูแลไอ้เด็กเอ๋อนี่ด้วยซ้ำ
“ใช่ ทำไม” ผมคิดในใจเล่นๆ เพราะว่านานๆ ทีจะได้คุยกับผู้หญิงที่ไม่กลัวผมแบบนี้ ลองหยอดสักหน่อยจะเป็นไรไป “หรืออยากนอนร่วมเตียงเดียวกับกู?”
เชี่ย
หยอดเองละอายปากเอง งี้ก็มีด้วย
“อ๋า... ตัวเปิ้นใหญ่ยังกะหมี อ้ายโดนเบียดตกตายแน่นอน” แต่ดูมันตอบดิ ไอ้เวรเอ้ย “นี่อ้ายกะจะตี้ก่อนที่จะย้ายมา แต่เพราะเปิ้นรีบมาเหมือนรีบไปตายที่ไหน งั้นอ้ายขออนุญาตเก็บตัวปั้มเวลก่อนเน้อเจ้า”
“ห้ะ” กูฟังไม่ทัน เอาตามตรงเลยนะ “มึงไล่กูเหรอ?”
ยัยหมากระเป๋าพยักหน้าหงึกหงัก
“...” ไอ้
“เปิ้นจะไปอาบน้ำก่อนก็ได้เน้อ ตัวเปิ้นเหม็นยาเส้นมากเลย เดี๋ยวเปิ้นอาบเสร็จ สักชั่วโมงกว่าๆ อ้ายจะไปอาบต่อ”
“...”
“เล่นเกมก่อนนะเจ้า บ๊ายบาย”
ปึง
แล้วก็จบที่มันปิดประตูใส่หน้าผมอย่างไม่ใยดีว่าผมคือเจ้าของบ้าน แล้วมันก็แค่ผู้อยู่อาศัย
ผู้หญิงอะไรวะเนี่ย ทำตัวเหมือนหมากระเป๋าที่ดีแต่เห่าอวดเก่งไปเรื่อยจริงๆ โคตรน่าหงุดหงิดเลย สรุปว่าผมหวังอะไรจากความน่ารักจิ้มลิ้ม แถมทรงโตของมันได้วะ เพราะนอกจากไอ้สองอย่างนั่นแล้ว แม่งก็ไม่เห็นจะมีเหี้ยอะไรที่น่าดึงดูดเลย
เสียอารมณ์
บอกตัวกูเหม็นนัก กูไม่อาบแม่งเลย อยู่อย่างงี้ล่ะไอ้เวร
ผมกระดิกตีนดูดบุหรี่กดมือถือเลื่อนดูผู้หญิงหน้าเฟสไปเรื่อยจนเวลาผ่านไปชั่วโมงครึ่ง ไอ้ตัวแสบก็เปิดประตูเดินออกมาจากห้องนอนตัวเอง
ผมแหงนคอขึ้นไปมอง ในขณะที่ยกขาขึ้นไขว่ห้าง พ่นควันมะเร็งออกมาเป็นวงกว้าง
“!!”
แต่ก็แทบจะสำลักควันในวินาทีนั้น เมื่อเห็นว่าไอ้เอ๋อนั่น
เดินออกมาโดยที่ใส่แค่ชุดชั้นใน!
ไม่รู้ว่าแม่งเป็นผู้หญิงที่ซื่อบื้อหรือโง่กันแน่ ยัยเด็กตัวเตี้ยนั่นเดินโทงเทงไปมาด้วยสภาพกึ่งเปลือยโดยไม่อายฟ้าอายดิน คว้าผ้าเช็ดตัวที่แขวนอยู่ข้างหน้าประตูห้องน้ำ ซึ่งพอมันหันขวับมามองทางนี้ ผมก็รีบหลบใบหน้าหนีไปทางอื่นทันที
ตึกตัก ตึกตัก
เหี้ย ใจเต้นหนึบหนับเหมือนชายฉกรรจ์เพิ่งเจอกับเรือนร่างของเด็กสาววัยแรกแย้มเป็นครั้งแรกยังไงยังงั้นเลยว่ะ (ซึ่งแม่งก็จริงอยู่ส่วนนึง)
ไม่มีสุ้มเสียงใดๆ ออกมาจากปากของไอ้ตัวแสบ ผมได้ยินแค่เพียงเสียงเปิดประตูห้องน้ำ พร้อมกับร่างเกือบโป๊ของเธอจะก้าวตัวปลิวเข้าไป ก่อนที่เสียงซ่าของน้ำจากฝักบัวจะดังตามมา
ห่าเอ้ย ผมช็อก
ไอ้เด็กนี่มันบ้าปะวะ ไม่ว่าเธอจะมองผมเป็นอากาศหรือไม่ใช่ผู้ชายยังไงก็ตาม แต่ยังไงกูก็คือผู้ชายทั้งแท่งนะเว้ย
ผมมีเลือดเนื้อ มีความรู้สึกนะไอ้เวร
แม่งเอ้ย
ไม่ใช่แค่แท่งธรรมดาแล้วตอนนี้ แม่งผงาดขึ้นมาประจันหน้ากับผมที่นั่งเขย่าขาอย่างไม่รู้จะทำยังไงกับสถานการณ์ที่เพิ่งเคยเจอมาแบบสดใหม่สัสๆ
ผมมันก็แค่ผู้ชายที่ยังซิงทั้งกายและใจ ดูผมน่ากลัว หน้าโฉดๆ ผู้หญิงไม่กล้าเข้าหาแบบนี้ หลายคนคงคิดว่าพอได้เอาผมคงจะเย็บแบบดุดันฮาร์ดคอชนิดทำผู้หญิงครางคอแทบแตกเหมือนกำลังจะตาย
แต่ไม่ใช่เลยว่ะ
สาบานได้ว่าตั้งแต่เกิดมาจนอายุ 22 กูไม่เคยเห็นเรือนร่างของอิสตรีมาก่อน
มือหนาที่สั่นเทิ้มของผมถูกยกขึ้นมาขยำอากาศเหมือนพวกโรคจิต
น่าจะขนาดประมาณนี้มั้ง แวบๆ ว่าแม่งแทบล้นปรี่ออกมาจากชั้นในเลย
สรุปว่ากูคิดถูกหรือคิดผิดเนี่ย ที่คิดจะรับดูแลลูกแกะน้อยที่ไม่ระวังตัวมาไว้ใกล้ตัวแบบนี้
ผมมันก็เสือนะเว้ย เสือโหยด้วย
ระวังจะโดนเสือแทะจนเหลือแต่กระดูกนะ ไอ้ซื่อบื้อเอ้ย
ผมจำได้ว่าตอนเด็กๆ ผมไม่เคยสมหวังกับความรักเลยสักครั้งเดียว
ตอน ป.6 เอาปากกาแทงมือเพื่อนจนเป็นรู เพราะมันมารังแกผมก่อน แล้วไอ้ตัวผมมันก็ไม่ชอบให้ใครมาทำฝ่ายเดียวซะด้วย เลยจับมือมันวางไว้กลางโต๊ะแล้วทุบปากกาเข้าหลังมือจนเลือดโชก เรียกได้ว่าช่ำประสบการณ์ตั้งแต่ยังเด็ก อาจเพราะถูกแม่เลี้ยงมาแบบไม่สนใจ แล้วตอนนั้นผมแม่งอยู่กับปู่ด้วย แล้วปู่ก็เอาแต่สำมะเลเทเมา แต่ก็ส่งเสียเรียนทุกปี
ผมจำได้ว่าผมรักปู่มาก เรียน ม.1-ม.3 ปู่เข้าห้องปกครองเพราะความใจร้อนหัวรุนแรงของผมไม่รู้กี่ร้อยครั้ง ผมทำคนได้เลือดปางตายมานับยี่สิบคนได้ แต่สิ่งที่ปู่มักทำกับเด็กมีปัญหาอย่างผมคือการบอกแค่ว่า ‘ไม่เป็นไร ปู่รับผิดชอบเอง’
ผมรักปู่มาก แบบโคตรรัก เหมือนท่านเป็นครอบครัวคนสุดท้ายในชีวิตผม ทุกวันนี้ในห้องก็ยังเก็บกระดูกของปู่จากวันเผาใส่อัฐิไว้บูชาวันพระตลอด ผมมักจะทำบุญให้แค่คนที่คิดว่าสำคัญกับชีวิต เพราะผมไม่เชื่อเรื่องบาปบุญ (แต่เชื่อเรื่องของขลังก็เลยสักยันต์เสือคู่ที่กลางหลังเอาไว้) แต่ปู่ผมเชื่อ ปู่ผมฝากไว้ก่อนตายว่าทำบุญสะสมไว้เยอะๆ เกิดชาติหน้าจะได้เป็นคนดี ผมเลยสั่งสมบุญให้ดวงวิญญาณปู่แทนซะเลย
เด็กผู้หญิงทุกคนในโรงเรียนกลัวผมมาก ช่วงนั้นผมมักอยู่กับพวกกลุ่มที่ติดยากัน (แต่ไม่ได้ติดด้วย) ชอบนั่งกับผู้หญิงแรดๆ ที่ติดบุหรี่และแซวสาวไปทั่ว จนผู้คนพูดกันปากต่อปาก คิดเอาเองว่าผมคือเสือผู้หญิงประจำโรงเรียน
ทั้งๆ ที่ตั้งแต่เกิดมา กูยังไม่เคยได้สัมผัสประสบการณ์เสียวกับผู้หญิงเลยสักครั้ง
ทุกวันนี้ที่ยังคบอยู่ก็เพื่อนสมัย ม.ต้น ทั้งนั้น เพราะพอต่อ กศน. เองหลังปู่เสีย ก็มีแต่ศัตรูมากกว่ามิตร ไอ้คำว่าแฟนอะไรนั่นก็ไม่เคยได้รู้จัก เพราะพอจะได้จริงจังกับใครสักคน เขาก็กลัวกูกันหมดทุกคน
ผู้หญิงที่ถึงเนื้อถึงตัวและเป็นเพื่อนกันส่วนใหญ่ มีผัวแล้ว และก็ไม่รู้ว่าตัวเองชอบผู้หญิงแนวไหนกันแน่ แต่ทุกคนก็ตัดสินผมกันไปหมดจากสันดานภายนอกและสังคมการคบหาที่มักจะอยู่แต่กับพวกผู้หญิงแรงๆ
ไม่รู้ดิ ไม่อยากอธิบายให้ใครฟังด้วยว่าตัวเองเป็นยังไง รู้สึกเปล่าประโยชน์
จะเข้าใจยังไงก็ให้เข้าใจไปยังงั้นละกัน
เอาตรงๆ นะ ผมไม่รู้วิธีเข้าหาผู้หญิงเลย ผมไม่รู้ว่าต้องจีบยังไง ต้องเอาใจยังไงผู้หญิงถึงจะชอบ ก็ผมไม่เคยมีประสบการณ์ด้านนี้เลยนี่หว่า
ตลกร้ายดี ประสบการณ์ชีวิตเยอะยิ่งกว่าวรรณคดี แต่ประสบการณ์รักไม่เคยมีให้ตกถึงท้อง
เอาจริงๆ ไอ้เอิ้นอ้ายนั่น มันอาจจะเป็นผู้หญิงคนแรกและคนเดียวที่มนุษย์ซิงอย่างผมจะมีโอกาสได้ใกล้ชิดก็ได้
แต่ไม่รู้ว่ะ ไม่ชอบผู้หญิงซื่อบื้อ ชอบคนที่พูดคำเดียวรู้เรื่องไม่เอ๋อ อีกอย่าง... ต้องไม่พูดภาษาอื่นที่ผมไม่เก็ท (ถึงผมจะแปลคำที่มันพูดรู้เรื่องแบบงงๆ ก็เหอะ)
ตึกตัก ตึกตัก
แต่กลับมาในเวลาปัจจุบัน ถึงจะเกริ่นไปแบบนั้นก็เถอะ แต่ยังไงไอ้เด็กเวรนั่นก็คือผู้หญิงอยู่ดี
กูก็ยังใจเต้นไม่เลิกเลย คือปกติจะเห็นแค่ตอนก้มต่ำ แต่วันนี้พอได้ย้ายมาอยู่ร่วมกันจริงๆ ถึงได้รู้ว่าแม่งโคตรเอ๋อเหรอ เดินโทงๆ นมทะลักเข้าห้องน้ำไปแบบนั้นโดยที่ไม่ระแวงผมเลยสักนิด
หรือตัวผมมันไม่มีความเป็นผู้ชายเหรอวะ
ต้องแสดงออกถึงความเป็นใหญ่ของช้างเท้าหน้าให้แม่งประจักษ์สักหน่อย
คิดแล้วก็นั่งกระดิกตีนจนกระทั่งได้ยินเสียงเปิดประตูห้องน้ำของคนข้างหลัง ผมยันตัวลุกขึ้นพรวดพราด แล้วหมุนตัวหันกลับไปเพื่อประจันหน้ากับเธอแล้วตั้งท่าชี้หน้าประกาศิตว่า มึงเป็นผู้หญิงนะ อย่าแต่งตัวแบบนั้นมาให้เห็นอีก
แต่พอหันไปเห็นภาพตรงหน้า ปากผมก็เผยอกว้าง เสียงแม่งไม่ออก
ก็ไอ้เอ๋อนี่มันดันนุ่งแค่ผ้าเช็ดตัวผูกปมทับเดียวแบบเห็นหน้าอกหน้าใจใหญ่เกินตัวที่ล้นทะลักขอบผ้าชัดเจน ส่วนมือก็หิ้วกางเกงในกับชั้นในโทงๆ แบบไม่อายเทวดาหน้าอินทร์
คือจะยังไงก็ช่าง แต่คือกูเห็นเต็มๆ เลยไง แบบจะจะ
เนื้อนมไข่ ครบสูตร
“มะ... มึง” ผมอ้าปากจะด่า แต่เสือกด่าไม่ออก ดวงตาเจ้ากรรมก็หลุบมองต่ำอยู่นั่นแหละ ก็แม่งเป็นวิวดีๆ ที่หาได้ยากต่อการรับชมในชีวิตชายโสดอย่างผมเลย
แต่ไม่ได้ดิ แม่งเป็นน้อง จำไว้ว่ามันเป็นน้อง!
“... อ๋า!” เหมือนปฏิกิริยาสะเทิ้นอายของยัยเด็กเปรตนี่จะดีเลย์ มันอ้าปากกว้างเบิกตาโตออกมาหลังจากยืนหวิวอยู่นาน ก่อนที่จะเอามือมาทาบอก ซึ่งไม่รู้ว่านี่คืออาการตกใจของสาวเหนือปกติหรือเหี้ยอะไร “นี่เปิ้นยังไม่อาบน้ำก๋า? กลิ่นยาเส้นแฮงม๊ากมาก อ้ายคลื่นไส้เหมือนจะอ้วกเลยเจ้า”
ซะที่ไหน
แม่งเอ้ย กูล่ะอยากจะสูน!!
“กูชื่อเพชร ไม่ได้ชื่อเปิ้น” แต่ปากแม่งพูดออกมาได้แค่นี้ ไอ้เวร
“เปิ้นคืออู้กำเมืองเจ้า แปลว่าเขา หรือเรา เธอ” ยัง ยังมีหน้ามายืนอธิบายภาษาบ้านเกิดแบบกึ่งเปลือยให้ผู้ชายทั้งแท่งอย่างกูฟังอีก แม่งเอ้ย ปวดหัวตุบๆ เลยไอ้สัส ทำไมมันโง่ได้ใจขนาดนี้
“จะยังไงก็ช่างแม่งเหอะ!” พยายามคมเข้มไว้ตัวกู ให้เด็กมันเกรง “ดูสภาพมึงก่อนไอ้หมาเอ๋อ มึงคิดจะออกมาในสภาพนี้ทุกครั้งที่อาบน้ำเลยเหรอไง”
ยัยตัวดีก้มลงมองสภาพหมิ่นเหม่ของตัวเอง ก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นมาทำหน้าต๊องใส่
“ใจ้เน้อ”
เวร!!!
“มึงจะบ้าเหรอวะ!” คราวนี้หลุดมาด โวยวายเป็นตุ๊ดเลยไอ้เวร “กูถามจริงๆ มึงต๊องรึเปล่า มึงไม่รู้เหรอว่าตัวมึงเป็นผู้หญิงอ่ะ!”
“รู้” มันพยักหน้าตอบรับกลับมา ก่อนที่อยู่ดีๆ จะสาวเท้าเดินรุกเข้ามาใกล้จนผู้ชายตัวใหญ่เท่าควายอย่างผมตกใจต้องผงะถอยหลังหนี จนปลายนิ้วเล็กๆ ที่เล็บยาวเฟื้อยเหมือนไม่คิดที่จะตัดมาจิ้มๆ ตรงอกผม “แต่เปิ้นเป็นพี่อ้ายนี่ ก็เหมือนคนในครอบครัวอ้าย ปกติตอนอยู่กับป้ออ้ายก็ออกมาแบบนี้ตลอดเน้อ ป้อบ่าเคยเห็นว่าอ้ายเลย”
โอเค ปวดหัวหนักกว่าเดิมอีก ลืมไปว่าตาลุงนั่นสปอยลูกสาวหนักยิ่งกว่าอะไรดี
“มึงไสตูดเข้าไปเลยนะ เข้าไปแต่งตัว!”
“แต่อ้ายยังบ่าได้เอาเสื้อเอาผ้าออกมาจากกระเป๋าเดินทางเลยก๋า” มันทำหน้าตาซื่อตาใสใส่ผมเหมือนกับที่พูดออกมาเป็นเรื่องใหญ่มาก และใช่ แม่งเป็นเรื่องใหญ่จริงๆ เพราะผมลืมไปว่าสิ่งแรกที่มันทำตอนที่มาถึงห้องผมก็คือรื้อเอาฟิกเกอร์กับตู้แก้วมาประกอบ กับพวกข้าวของอีสปอร์ตของแม่ง
แต่สิ่งสำคัญที่สุดอย่างเสื้อผ้า มันกลับไม่คิด ไอ้เวร!
“งั้นมึงไสหัวเข้าไปในห้อง แง้มประตูไว้นิดๆ กูจะส่งเสื้อเข้าไปให้”
“ฮับทราบ!” ตอบรับอย่างว่าง่ายพร้อมกับวิ่งโทงๆ เข้าไปในห้อง ส่วนผู้ชายอกสามศอกของผมที่สักทั้งตัวเป็นจอมโจรขมังเวทย์แต่มันกลับไม่มีจิตสำนึกรักตัวกลัวตายเลยสักนิดกลับต้องเป็นฝ่ายที่ช็อคกับผู้หญิงอย่างมัน
ผมตบหน้าผากตัวเองอย่างแรง ก่อนที่จะพ่นลมหายใจหนัก
ใจเกือบวาย
ต้องไปบวชพระมั้ยเนี่ยกู กลัวตบะจะแตกในสักวันถ้ามันยังทำแบบนี้อยู่
แล้วไอ้ลูกชายกูก็ไม่ยอมสงบลงเลยเนี่ย แม่ง!!
