บทที่ 2: สวัสดี... เพื่อนหอพัก

มุมมองของไค

เขาเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม และฉันก็เพิ่งรู้ตัวว่ากำลังยืนนิ่งเป็นไอ้บื้อขณะที่ประตูลิฟต์เปิดออกด้านหลัง

“ขอโทษครับ” ฉันพึมพำกับตัวเองขณะพยายามทรงตัวประคองน้ำหนักของโคลบนบ่า

แต่ดูเหมือนฉันจะประเมินน้ำหนักเขาต่ำไป เพราะทันทีที่ฉันหันตัวจะเข้าลิฟต์ ฉันก็สะดุดขาตัวเองจนเกือบจะล้มหน้าคะมำลงไปกองกับพื้น

“ระวัง!”

สิ่งต่อมาที่ฉันรับรู้ได้คือตัวเองถูกกระชากให้กลับมายืนตรงด้วยมือข้างหนึ่งที่วางบนเอวฉัน ขณะที่ผู้ชายคนเมื่อครู่พุ่งเข้ามาช่วย

“ขอบคุณครับ” เสียงฉันแผ่วเบาราวกระซิบขณะเงยหน้าขึ้นมองเขา สบเข้ากับดวงตาสีเฮเซลที่มองใกล้ๆ แล้วออกไปทางสีเขียวมากกว่าสีน้ำตาล

ในดวงตาคู่นั้นยังมีประกายสีทองระยิบระยับอยู่สองสามจุด แต่สิ่งที่ฉันสังเกตเห็นได้ชัดที่สุดคือเขาหล่อมาก ผิวของเขาเนียนใส เป็นสีทองอ่อนๆ ที่ยิ่งดูเด่นชัดขึ้นใต้แสงไฟเหนือศีรษะ

“ไม่เป็นไร” ริมฝีปากเขาขยับเป็นรอยยิ้มมุมปาก “ถือว่าเป็นการตอบแทนเรื่องเมื่อกี๊แล้วกัน”

ชั่ววินาทีหนึ่ง สมองฉันว่างเปล่าไปหมด “เมื่อกี๊?”

“ที่ช่วยปิดประตูห้องน้ำให้ไง”

แล้วฉันก็นึกออก

ฉันหยุดชะงักก่อนจะเดินผ่านห้องน้ำห้องนั้นพอดี ฉันมองไม่เห็นว่าเกิดอะไรขึ้นข้างในจากมุมนี้ แต่ยังพอมองเห็นฝ่ามือของเขาวางราบอยู่บนผนังห้องน้ำ เขาสวมแหวนเงินที่นิ้วชี้ซึ่งมีลวดลายสลับซับซ้อน...และถึงแม้ฉันจะไม่ควรไปอยากรู้อยากเห็นเรื่องของคนอื่น แต่ฉันก็ไม่อาจละสายตาไปจากมือของเขาได้...จากแหวนวงนั้น...จนกระทั่งฉันเอื้อมมือไปปิดประตูห้องน้ำอย่างแผ่วเบาที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อไม่ให้ใครคนอื่นได้มาเพลิดเพลินกับโชว์ที่พวกเขากำลังแสดงกันอยู่

เชี่ย!

ฉันผละออกจากอ้อมแขนเขาและเข้าไปในลิฟต์ได้ในเวลาอันรวดเร็ว ขณะที่โคลครางออกมาบนบ่าเพราะถูกลากไปมาอย่างรุนแรง แต่ฉันไม่ได้สนใจเลย เพราะในตอนนั้นหัวใจฉันเต้นเร็วเสียจนแทบจะระเบิดออกมาจากอก

บ้าฉิบหาย!

เขาเห็นฉัน!

เขาเห็นฉันแอบมองเขาในห้องน้ำ! เชี่ย! เชี่ยเอ๊ย!!!!

ทำไมแผ่นดินไม่แยกแล้วสูบฉันลงไปเลยวะ

แต่ในขณะที่ฉันคิดว่าตัวเองจะผ่านความอับอายนี้ไปได้ ฉันก็เห็นเขาเดินเข้ามาในลิฟต์ตามหลังฉัน พร้อมกับกระเป๋าเป้ใบเล็กที่สะพายอยู่บนบ่า ฉันตัวแข็งทื่อในทันที

“ให้ผมช่วยนะ” เขามายืนอยู่อีกฝั่ง และก่อนที่ฉันจะทันได้ห้าม เขาก็จับแขนข้างที่ว่างของโคลไปพาดไว้บนบ่าของเขาแล้ว

ฉันคงจะบ่นมากกว่านี้ แต่พอน้ำหนักของโคลส่วนหนึ่งถูกยกออกไป ฉันก็ไม่สามารถบ่นได้เต็มปากนัก โดยเฉพาะเมื่อผู้ชายคนนี้กำลังช่วยฉันอยู่...แล้วเพื่อนสนิทของฉันก็ตัวหนักเป็นบ้า

“ขอบคุณอีกครั้งนะ...”

“ไนท์” เขาบอก “แล้วคุณล่ะ”

“ไค” ฉันขยับตัวออกห่างอีกนิด “ไค ฮันเตอร์”

“เจ๋ง” เขายิ้มกวนๆ ขณะที่ประตูลิฟต์ปิดลง “ชั้นไหนครับ”

“ชั้นหก”

“อ้อ?” เขาดูประหลาดใจเล็กน้อย “ผมก็จะไปชั้นนั้นเหมือนกัน”

“มาหาใครเหรอครับ” ฉันถามขึ้นหลังเงียบไปครู่หนึ่ง

ฉันไม่รู้ว่าทำไมตัวเองถึงอยากรู้ บอกตามตรง ฉันไม่ชอบยุ่งเรื่องของคนอื่น แล้วก็ไม่ชอบเวลาคนอื่นมาอยากรู้เรื่องของฉันมากเกินไปด้วย แต่ถึงอย่างนั้น...

“อ๋อ เปล่าครับ ผมเพิ่งย้ายเข้ามาอยู่หอนี้” เขาพูด “ต้องมาอยู่กับเพื่อนร่วมห้องคนหนึ่ง”

“อย่างนั้นเหรอครับ”

เมื่อประตูลิฟต์เปิดออกที่ชั้นหก ไนท์กับฉันก็ลากโคลไปยังสุดทางเดินอีกฝั่งซึ่งเป็นห้องของเขา ฉันเคาะประตูอยู่สองสามครั้งก่อนที่ในที่สุดเราจะได้ยินเสียงตอบรับจากเพื่อนร่วมห้องของโคล

“เชี่ยไรวะเนี่ย!” แซมมวล นักศึกษาแพทย์ปีสี่ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมห้องของโคล เปิดประตูออกมาด้วยสีหน้าหงุดหงิด...ซึ่งเปลี่ยนเป็นอยากจะฆ่าคนทันทีที่สายตาของเขาจับจ้องไปที่โคล “ล้อกันเล่นใช่ไหมเนี่ย!”

“ขอโทษนะพี่แซมมวล” ฉันส่งสายตาขอโทษขอโพยไปให้สุดฤทธิ์ “ช่วยเปิดประตูค้างไว้ให้หน่อยได้ไหมครับ ผมจะพาเขาไปที่เตียง”

“ระวังหนังสือฉันด้วย!” แซมมวลมองเราอย่างไม่สบอารมณ์ก่อนจะหลีกทางให้เราเข้าไป

ฉันหันไปเผชิญหน้ากับไนท์ ส่งยิ้มขอบคุณให้เขา “จากตรงนี้เดี๋ยวผมจัดการเอง ขอบคุณมากนะครับที่ช่วย”

“ไม่มีปัญหา” เขาปล่อยแขนโคล และฉันก็ร้องโอดครวญอีกครั้งเมื่อน้ำหนักทั้งหมดของเขาถาโถมลงบนบ่าฉัน

ฉันหันตัวพาโคลเข้าไปข้างในอย่างระมัดระวัง พยายามอย่างสุดความสามารถที่จะไม่เหยียบหนังสือเป็นล้านๆ เล่มที่กองระเกะระกะอยู่เต็มพื้น ก่อนจะโยนเขาลงบนเตียงแทบจะทันที ฉันบิดไหล่ไปมาเมื่อน้ำหนักของเขาหายไปแล้ว จากนั้นก็ช่วยโคลถอดรองเท้าและดึงผ้าห่มมาคลุมตัวให้เขาก่อนจะรีบวิ่งออกมา

แซมมวลจะหงุดหงิดง่ายถ้าเราอยู่ในห้องเขานานเกินความจำเป็น ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมโคลถึงไม่ค่อยมีใครมาหาที่ห้อง ฉันขอบคุณเขาระหว่างทางที่เดินออกมา แล้วก็มุ่งหน้าไปยังอีกฝั่งของโถงทางเดิน ไปยังห้องของฉัน...เพียงเพื่อจะพบว่าไนท์กำลังยืนอยู่หน้าประตูห้องฉันพอดี พร้อมกับคีย์การ์ดในมือ

ฉันกำลังจะถามเขาว่ากำลังทำอะไรอยู่ แต่แล้วฉันก็เห็นกระเป๋าใบใหญ่สองใบวางอยู่ข้างๆ ตัวเขา และความจริงที่ว่าเขาเพิ่งใช้คีย์การ์ดเปิดประตูห้องเข้าไป

เดี๋ยวนะ...เดี๋ยวก่อน...นั่นหมายความว่า...?

ให้ตายสิ!

ฉันรีบวิ่งไปที่ห้องของตัวเองแล้วใช้มือข้างหนึ่งยันประตูที่เปิดอยู่ไว้ ในจังหวะที่ไนท์กำลังจะปิดมันพอดี

เขาเงยหน้ามองฉันอย่างตกใจ ดวงตาสีเฮเซลของเขาเบิกกว้างขณะมองฉันขึ้นๆ ลงๆ ก่อนจะยอมปล่อยมือจากประตู

“มีอะไรให้ช่วยหรือเปล่าครับ” เขาถามอย่างงุนงงขณะถอยห่างจากประตู ปล่อยให้ฉันเข้ามาในห้องแล้วปิดประตูตามหลัง

“ผมพักที่นี่” ฉันรีบค้นกระเป๋ากางเกง หยิบคีย์การ์ดของตัวเองออกมาแล้วโชว์หมายเลขบนการ์ดให้เขาดู “นี่ห้องผม”

“อ้อ?” รอยยิ้มค่อยๆ ปรากฏขึ้นบนริมฝีปากของเขาขณะมองการ์ดสลับกับมองหน้าฉัน มีบางอย่างในแววตาของเขาที่ทำให้ฉันรู้สึกไม่สบายใจ...ทำให้เกิดความรู้สึกจั๊กจี้ในท้องที่ฉันก็บอกไม่ถูกว่ามันคืออะไร

ที่รู้ก็คือฉันไม่ชอบมันเลย ไม่ชอบแม้แต่นิดเดียว...

“ถ้างั้นผมคงต้องแนะนำตัวใหม่อีกครั้ง” เขายิ้มกวนๆ พลางยื่นมือออกมาให้ฉันจับ “ผมชื่อไนท์ วินเทอร์ส ปีหนึ่ง คณะนิเทศศาสตร์ สวัสดี...รูมเมต”

บทก่อนหน้า
บทถัดไป