บทที่ 5 บทที่ 5
สายตาและคำขอร้องที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความห่วงใยอย่างแท้จริงนั้น ทำให้อนามิกาเกิดอาการละล้าละลัง และไม่อยากหักหาญน้ำใจคนแก่ด้วยการพาตัวเองไปเผชิญอันตราย แม้จะรู้อยู่เต็มอกว่าการอยู่ที่นี่นานขึ้นเท่าไหร่ โอกาสที่จะได้เผชิญหน้ากับกฤชเพชรก็มากขึ้นด้วย ทว่านั่นคงสำคัญน้อยกว่าความห่วงใยของพิทยา และความปลอดภัยของตัวเธอเองกระมัง
“นิจอยู่ก็ได้ค่ะ แต่ดูท่าฝนจะไม่หยุดตกง่ายๆ นะคะคุณลุง แบบนี้นิจจะได้กลับเมื่อไหร่น้อ” หญิงสาวรำพึงถึงความกังวลของตัวเอง
“ถ้ามืดค่ำแล้วฝนยังไม่หยุด คุณนิจก็ค้างที่นี่เลยครับ ที่นี่ออกจะกว้างขวาง ห้องหับก็เยอะ เดี๋ยวลุงจะให้แม่บ้านไปจัดห้องให้ ส่วนเสื้อผ้าถ้าคุณนิจไม่ถือก็ใส่ของยัยแพรนะครับ บางตัวยังไม่ใส่ก็มี”
“นิจไม่ถือหรอกค่ะ แต่นิจไม่อยากรบกวนเลย”
“รบกวนอะไรกันครับ ถือซะว่าอยู่เป็นเพื่อนคนแก่ก็แล้วกัน บ้านคงครึกครื้นขึ้นถ้ามีคุณนิจอยู่ด้วยอีกคน ลุงกับตาเพชรอยู่กันสองคนก็เงียบๆ นี่ถ้าเพชรแต่งงานแต่งการและมีหลานให้ลุงสักคนสองคนก็คงดี แต่ดูท่าน่าจะอีกนาน” พิทยาบ่นไปตามประสาคนแก่ที่เริ่มจะมีความเหงาและอยากเห็นลูกมีครอบครัว
“บางทีอาจจะอีกไม่นานนี้ก็ได้นะคะ” อนามิกาพูดเสียงหม่นเศร้า เมื่อนึกถึงภาพความสนิทสนมระหว่างกฤชเพชรกับพลอยพิมลที่ตนเห็นมากับตา
คนที่เป็นประเด็นดูเหมือนจะอายุยืน เพราะขณะที่ผู้เป็นพ่อและอนามิกากำลังพูดถึงเขาอยู่นั้น รถยนต์ซึ่งตะลุยฝนมาตั้งแต่ทางเข้าไร่ก็แล่นถึงหน้าบ้านพอดี
ทั้งคนมาใหม่และคนที่นั่งอยู่ก่อนต่างก็มีท่าทีชะงักไปครู่หนึ่งเมื่อเจอหน้ากัน แต่ก็ยังเป็นกฤชเพชรที่ควบคุมสีหน้าได้ดีกว่า ในขณะที่อนามิกาหน้าเจื่อนไปทันตา แค่ได้เห็นคนที่ตัวเองอยากหลบหน้าก็ตั้งตัวไม่ติดอยู่แล้ว ทว่าสิ่งที่หนักหน่วงในอกมากไปกว่านั้น คือได้เห็นเขามาพร้อมกับพลอยพิมล ในมือมีกระเป๋าใบขนาดย่อม ซึ่งไม่ต้องอธิบายก็รู้ว่าพลอยพิมลคงมาค้างที่บ้านของเขา…
ความเศร้าหมองแล่นพล่านไปทั่วร่างพร้อมๆ กับที่เลือดสูบฉีดอย่างอ่อนแรง แม้จะรู้อยู่แล้วว่าทั้งคู่คบหากัน แต่ใจมันกลับสั่นเทาไปหมด เมื่อได้ประจักษ์แก่ตาตัวเองถึงความสัมพันธ์ที่กำลังรุดหน้าไปในอีกระดับหนึ่งระหว่างคนทั้งสอง
“มาแล้วเหรอตาเพชร พ่อกำลังเป็นห่วงอยู่พอดี แล้วนั่นพาใครมาด้วย แม่หนูคนนี้ดูคลับคล้ายคลับคลานะ” พิทยาทักทายลูกชาย และพิศมองหญิงสาวที่เดินเคียงข้างมาด้วยอย่างรู้สึกคุ้นตา
“นี่ผิงเพื่อนยัยแพรครับพ่อ เมื่อก่อนยัยแพรเคยพามาบ้านเราที่กรุงเทพฯ บ่อยๆ พ่อจำได้หรือเปล่าครับ”
“จำได้ๆ ถึงว่าสิ พ่อรู้สึกคุ้นหน้า”
“สวัสดีค่ะคุณลุง” พลอยพิมลยกมือขึ้นไหว้พิทยาและยิ้มกว้าง “ผิงจะมาขอเยี่ยมชมรีสอร์ตและค้างที่นี่สักคืนนะคะ”
“เอาสิหนูผิงตามสบายเลย แต่เสียดายมาตอนฝนตกพอดีเลยไม่ได้ดูพระอาทิตย์ตกดิน”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะคุณลุง เอาไว้ผิงค่อยให้พี่เพชรพาไปดูพระอาทิตย์ขึ้นตอนเช้าก็ได้ มาตอนฝนตกก็ฟินไปอีกแบบ สายฝนทำให้บรรยากาศสดชื่นและโรแมนติกสุดๆ ไปเลยค่ะ”
“วัยรุ่นนี่มองอะไรก็สวยงามไปหมดเลยนะ มัวแต่ชวนกันคุยก็เลยลืมบอกเพชรกับหนูผิงว่าวันนี้คุณนิจมาเยี่ยม” พิทยาหันไปทางหญิงสาวอีกคนที่ยืนเงียบอยู่นาน
“สวัสดีค่ะคุณนิจ ดีใจจังค่ะที่ได้เจอคุณนิจที่นี่” พลอยพิมลหันไปทักทายอนามิกาพร้อมทั้งยิ้มให้เช่นเดียวกับที่เจอกันที่โรงแรม
“สวัสดีจ้ะผิง นิจมาเยี่ยมคุณลุงน่ะจ้ะ กำลังจะกลับแล้ว แต่พอดีฝนตกหนักก็เลยติดฝนอยู่ที่นี่”
“เห็นทีฝนจะตกอีกนานแน่ๆ ค่ะ” พลอยพิมลให้ความคิดเห็นเพราะข้างนอกฝนยังเทกระหน่ำลงมาไม่ขาดสาย และบรรยากาศด้านนอกก็มืดขึ้นเรื่อยๆ
“ถ้าอย่างนั้นคุณนิจค้างคืนที่นี่สักคืนนะครับ ลุงจะโทร.บอกคุณน่านให้เอง”
“แต่ว่านิจ...” อนามิกายังมีท่าทีลังเล เพราะไม่ได้เตรียมใจไว้ก่อนจริงๆ ว่าต้องมาค้างที่นี่
“คุณหนูนิจของพ่ออาจจะไม่อยากนอนค้างอ้างแรมในบ้านที่อยู่ติดป่าติดเขาและไม่ค่อยสะดวกสบายนักก็ได้ครับพ่อ ถ้าคุณนิจไม่อยากจะค้างก็ไม่ต้องฝืนใจเธอหรอกครับ เดี๋ยวพอฝนหยุดตกผมจะขับรถกลับไปส่งที่กรุงเทพฯ เอง”
ประโยคนั้นกฤชเพชรเป็นคนแทรกขึ้น ใบหน้ายังคงเรียบเฉย หากแต่น้ำเสียงกลับเจือไว้ด้วยการดูแคลนว่าหญิงสาวไม่อยากทนลำบากหรืออาจจะรังเกียจบ้านของเขา หากทว่าคนฟังกลับคิดไปว่าเขาไม่อยากให้เธออยู่เป็นก้างขวางคอ ทำให้อนามิกาเกิดทิฐิและสวนกลับออกไปอย่างทันควัน
“นิจไม่ได้กลัวความลำบากอะไรหรอกค่ะ ถ้านิจกลัวความลำบาก นิจคงไปนอนค้างอ้างแรมในทะเลทรายไม่ได้หรอก เอาเป็นว่านิจจะค้างที่นี่เพื่อพิสูจน์ว่านิจไม่ได้รังเกียจรังงอนความลำบากหรืออะไรก็ตามที่คุณกำลังกล่าวหานิจ”
“ถ้าอย่างนั้นคุณนิจกับหนูผิงก็ขึ้นไปอาบน้ำอาบท่าให้สบายตัวก่อนนะ เสร็จแล้วจะได้มาทานอาหารเย็นด้วยกัน เย็นนี้ลุงคงจะเจริญอาหารน่าดู เพราะมีสองสาวสุดสวยมาทานเป็นเพื่อน” พิทยาพูดให้บรรยากาศผ่อนคลาย เมื่อเห็นว่าอนามิกากับลูกชายของตนมีท่าทีขุ่นเคืองใส่กัน หลังจากนั้นก็หันไปเรียกแม่บ้านให้พาสองสาวขึ้นไปห้องพัก โดยอนามิกาพักห้องที่สร้างไว้สำหรับแพรมุก ส่วนพลอยพิมลนั้นพักห้องรับแขก
