บทที่ 7 บทที่ 7

“นั่นน่ะสิ ลุงก็ลืมไปว่าคุณนิจไม่กินเผ็ด เลยลืมบอกให้แม่ครัวทำอาหารให้คุณนิจเป็นพิเศษ”

“ต้มจืดฟักก็ไม่ได้เผ็ดนี่” กฤชเพชรยังพูดกดดันต่ออีก ทำให้พิทยาต้องรีบปรามลูกชาย

“ตาเพชรนี่ยังไงนะ จะให้คุณนิจกินอาหารอย่างเดียวได้ยังไง” คนเป็นพ่อเอ็ดลูกชาย ก่อนจะหันมาทางหญิงสาวที่นั่งอยู่ข้างๆ ตน “เดี๋ยวลุงจะให้แม่บ้านไปทำอาหารมาให้เพิ่มนะครับคุณนิจ”

“อย่าวุ่นวายเพราะนิจเลยนะคะคุณลุง นิจอิ่มแล้วจริงๆ ทุกคนกินต่อเถอะค่ะ”

“เอาอย่างนั้นก็ได้ ถ้าหิวตอนดึกๆ ก็ลงมาดื่มนมนะ เก็บอยู่ในตู้เย็นในห้องครัว”

“ขอบคุณค่ะคุณลุง” อนามิการับคำ ก่อนจะขอตัวลุกจากโต๊ะอาหาร เพื่อให้คนที่จะเป็นครอบครัวเดียวกันในอนาคตได้รับประทานอาหารร่วมกันอย่างเป็นกันเองต่อไป

สายพิรุณที่เทกระหน่ำลงมาไม่ขาดสายตั้งแต่ช่วงเย็นเริ่มซาในเวลาสองทุ่ม กระทั่งเหลือแต่ละอองฝนจางๆ และเหือดหายไปในที่สุด เสียงกบและอึ่งอ่างดังขึ้นอย่างเซ็งแซ่ ขณะที่เสียงฟ้ายังคำรามเบาๆ แต่ก็ทิ้งระยะห่าง ไม่เหมือนตอนแรกที่แผดเสียงก้องคำรามราวกับกำลังพิโรธใครอยู่

สี่ทุ่มแล้วอนามิกายังไม่นอน เธอเพิ่งคุยโทรศัพท์กับพี่ชายเสร็จ จากนั้นก็ทิ้งโทรศัพท์มือถือเครื่องนั้นไว้บนหัวเตียงเมื่อไม่จำเป็นจะต้องใช้มันอีก ร่างบางพาตัวเองลงมาชั้นล่างเป็นรอบที่สองเพราะยังไม่ง่วง อากาศอันแสนเย็นฉ่ำที่ระเบียงนอกบ้าน ชวนให้เธออยากออกไปสัมผัสมันใกล้ๆ อีกครั้ง

ไฟในห้องโถงที่เปิดสว่างไสวในช่วงหัวค่ำ ตอนนี้ปิดเกือบหมดทุกดวง เหลือเพียงไฟสีส้มนวลตาที่ติดไว้ใกล้กับบันไดเท่านั้น อนามิกาพาตัวเองตรงไปยังประตูที่เชื่อมกับระเบียงด้านนอก มือเล็กดันประตูกระจกแบบสไลด์ไปด้านหนึ่ง แล้วพาตัวเองออกไปด้านนอก ก่อนจะรีบเลื่อนประตูให้ปิดลงเพราะกลัวยุงจะเข้าบ้าน ขาเรียวเตรียมจะก้าวไปยังระเบียง แต่ก็ก้าวไม่ออก เมื่อสายตาปะทะกับคนสองคนที่จับจองสถานที่นั้นก่อน พร้อมกับที่โสตประสาทได้ยินถ้อยคำสนทนาของทั้งคู่เข้าอย่างไม่ได้ตั้งใจจะได้ยิน

“ผิงว่าผิงชอบพี่เพชรจริงๆ เข้าแล้วล่ะค่ะ”

พลอยพิมลขยับเข้าไปยืนซ้อนหลังร่างสูง แล้วตัดสินใจสอดมือเข้ากอดเอวสอบ ก่อนจะซบหน้าลงบนแผ่นหลังกว้างของกฤชเพชร พร้อมกับสารภาพบางอย่างกับเขาออกไปตรงๆ

“รู้ตัวหรือเปล่าว่าพูดอะไรออกมา”

“รู้สิคะ มีสติครบถ้วนและไตร่ตรองมาดีแล้ว ผิงไม่อยากเก็บไว้คนเดียว เลยอยากบอกให้พี่เพชรรับรู้เอาไว้”

“ผู้ชายมีตั้งเยอะแยะ มาชอบผู้ชายนิสัยไม่ดีแถมปากเสียอย่างพี่ทำไม”

“ไม่รู้สิคะก็มันชอบไปแล้ว แล้วพี่เพชรล่ะคะ รู้สึกยังไงกับผิง บอกผิงให้รู้เลยได้ไหม ผิงไม่อยากรอแล้ว”

“พี่...”

เท้าเล็กๆ รีบพาตัวเองหมุนตัวกลับไป เพราะไม่อาจทนฟังคำสารภาพรักที่กำลังจะหลุดจากปากของผู้ชายที่กำลังยืนหันหลังให้ผู้หญิงกอดได้

ความเร่งรีบและสมองที่ถูกบีบจนพร่าเบลอทำให้ลืมตระหนักต่อสิ่งรอบข้าง ร่างเล็กวิ่งตรงเข้าบ้านโดยลืมที่จะดันประตูให้เปิดออก จึงทำให้เกิดการปะทะอย่างจังจนร่างกายที่สร้างด้วยเลือดเนื้อและอ่อนแอกว่ากระจกแข็งๆ ตรงหน้าเป็นฝ่ายได้รับความเจ็บปวด

ปัง!

“โอ๊ย!”

แม้จะไม่อยากให้คนที่กำลังสวีตหวานกันรับรู้ถึงการมาของตัวเอง และตั้งใจจะจากไปเงียบๆ แต่เสียงที่หลุดอุทานออกมาด้วยความเจ็บนั้น ก็ทำให้ความตั้งใจทุกอย่างพังครืน

เสียงที่เกิดจากการกระแทกระหว่างคนกับกระจก ซึ่งดังไล่เลี่ยกับเสียงอุทานที่บ่งบอกความเจ็บ ทำให้ทั้งพลอยพิมลและกฤชเพชรต่างชะงัก รีบก้าวมายังเงาตะคุ่มๆ ที่กำลังยืนเอามือกุมหน้าผากตัวเองทันที

“คุณนิจเป็นยังไงบ้างคะ เจ็บมากหรือเปล่า” พลอยพิมลที่วิ่งเข้ามาประคองถามไถ่อย่างเห็นใจ

“เจ็บนิดหน่อยจ้ะผิง”

ปากบอกว่าเจ็บนิดหน่อยทั้งที่มือยังกุมศีรษะไม่วาง ซึ่งจริงๆ มันไม่นิดเลย และดูเหมือนว่าตอนนี้หน้าผากของเธอจะมีก้อนแข็งๆ นูนขึ้นแล้ว

“พี่เพชรมาช่วยประคองคุณนิจเข้าไปข้างในหน่อยสิคะ จะได้รู้ว่าเจ็บตรงไหนบ้าง”

พลอยพิมลหันไปเรียกชายหนุ่มที่ยืนอยู่ใกล้ๆ ตัวเอง ความมืดทำให้ไม่มีใครเห็นว่าตอนนี้สายตาของเขาเป็นแบบไหน แต่ความเงียบและความนิ่งนั้นก่อให้ความคิดของหญิงสาวสองคนเป็นไปคนละทาง

พลอยพิมลเข้าใจว่าเพราะความเป็นสุภาพบุรุษ ทำให้กฤชเพชรไม่ฉวยโอกาสแตะเนื้อต้องตัวอนามิกา ในขณะที่อีกคนได้แต่เก็บงำความน้อยใจเอาไว้เงียบๆ คิดไปว่าที่เขาไม่ใส่ใจนั้น คงเป็นเพราะไม่พอใจที่เธอมาขัดจังหวะการสารภาพรักของเขากับพลอยพิมล

“ผิงถอยไปก่อน”

ทั้งสองสาวยังไม่มีใครเข้าใจ เมื่อได้ยินกฤชเพชรพูดเช่นนั้น แต่พลอยพิมลก็ขยับออกห่างจากการช่วยประคับประคองอนามิกาตามคำสั่งของเขา

กฤชเพชรขยับเข้ามาใกล้ ก่อนจะทำในสิ่งที่มากกว่าการประคอง ร่างสูงย่อตัวช้อนเอาร่างเล็กขึ้นไว้ในวงแขน โดยที่อนามิกาได้แต่ร้องประท้วง เพราะรู้สึกไม่ค่อยดีนักที่ตัวเองถูกอุ้มต่อหน้าต่อตาพลอยพิมล อย่างน้อยกฤชเพชรก็ควรจะคำนึงถึงจิตใจของผู้หญิงที่เขารักบ้าง

บทก่อนหน้า
บทถัดไป