บทที่ 10 10

เห็นสีหน้าโรยๆตาแดงๆของเจ้าหล่อนแล้ว ชายหนุ่มก็ส่ายหน้าด้วยความระอา พลางพูดเสียงเบาว่า

“ผมว่าน่าจะเป็นเจ้าสุนัขจรจัดตัวนั้นมากกว่านะที่ใหญ่ที่สุดในซอยนี้เพราะมันทำให้ผู้หญิงอวดเก่งอย่างคุณนอนสิ้นฤทธิ์หมดท่าแบบนี้ !”

“ขับรถไปเลย ไม่งั้นฉันจะลง” เพราะทิฐิที่มีทำให้หญิงสาวเริ่มเสียงแข็งใส่เขาอีกครั้ง เล่นเอาดวงตาคู่คมถึงกับ     วิบวับอย่างขบขัน

“เออ แฮะ... แต่ดูเหมือนปากจะยังไม่สิ้นฤทธิ์”

“เรื่องของฉัน ที่คุณจูบฉัน ฉันยังไม่ได้คิดบัญชีเลยนะ” หล่อนทำเสียงเขียวใส่ ขณะที่คิ้วเข้มเลิกขึ้นสูง

“คุณต่อยผม1ที ผมเลยคิดค่าตอบแทนเป็นจูบ 2 ครั้งไง”

วีรยาหน้าร้อนวูบ หล่อนเม้มปากอิ่มแน่นพลางเถียงด้วยท่าทางหาเรื่อง

“ฉันต่อยคุณพลาดนะ”

“ช่วยไม่ได้ ผมเปิดโอกาสให้คุณต่อยแล้ว แต่คุณอยากต่อยพลาดเอง เป็นความผิดของคุณนะ ไม่ใช่ความผิดของผม”

“เอ๊ะ !” หล่อนตาขุ่น ดูท่าจะเถียงเขาอีกยาว ด้วยความระอาใจ ชายหนุ่มจึงดึงเนคไทของตัวเองออกแล้วเอามาปิดปากหญิงสาวทันทีอย่างแน่นหนา

“อำอะไออองอุนเอี่ย (ทำอะไรของคุณเนี่ย)” วีรยาถามเสียงอู้อี้เพราะถูกเขามัดปากไว้พร้อมดิ้นขลุกขลัก มือทำท่าจะปลดเนคไทออกจากปาก แต่ชายหนุ่มชี้หน้าแล้วขู่เสียงเขียว

“ห้ามเอาออกนะ ไม่งั้นผมจะปล้ำคุณบนรถนี่แหละ หึหึ” ต่อท้ายด้วยเสียงหัวเราะเหมือนคนโรคจิตอีกเล็กน้อย เล่นเอาหญิงสาวถึงกับตาเหลือก ไม่กล้ายกมือมาแกะผ้าออก...เลยได้แต่ทำท่าฮึดฮัดแล้วบ่นไปตามประสา

“อู้อายอิ๊อั๋ยไอ้อี อุเอ๊ด (ผู้ชายนิสัยไม่ดี ทุเรศ)”

“เออ บ่นไป ด่าไปเถอะ ผมฟังไม่รู้เรื่องหรอก ถึงจะโดนคุณด่ารุนแรงแค่ไหน ผมก็ไม่สะดุ้งสะเทือน” กฤตพลผิวปากหวืออย่างสบายอกสบายใจ พลางสตาร์ทเครื่องยนต์แล้วค่อยๆเคลื่อนรถออกจากซอยไปอย่างช้าๆ ขณะที่หน้าหวานหันไปมองตามข้างทางด้วยดวงตาเศร้าๆ

อะไรกันนี่...เมื่อคืนถูกพ่อมอมยาแล้วประเคนให้ผู้ชายที่หล่อนหลงรักมานาน ทำให้หล่อนต้องเสียสาวไปโดยไม่ตั้งใจ

รุ่งเช้าเจอพ่อพูดจาให้รู้สึกแย่ ตกบ่ายโดนจูบ แถมยังโดนหมากัดก้นอีก

หรือว่าช่วงนี้จะเป็นช่วงที่หล่อนเคราะห์หนักที่สุด

ดวงตากลมโตเหลือบมองเสี้ยวหน้าคมของคนที่กำลังขับรถอยู่...เขาหล่อจริงๆนั่นแหละ บุคลิกดี รูปร่างสูง หุ่นเซ็กซี่ นัยน์ตาชวนฝัน

หล่อนเคยปลื้มเขามานาน 2 ปี ในฐานะที่เขาประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อย เขาเป็นคนเก่ง ขยัน และเป็นที่พึ่งพาของน้องสาวซึ่งพิการคนหนึ่ง

หล่อนติดตามข่าวคราวของเขามานานจากในหนังสือซุบซิบ   คนดังและในข่าวหน้าหนังสือพิมพ์

เคยคิดว่าเขาเป็นเทพบุตร แต่ทว่าเมื่อเช้านี้หล่อนกลับได้เห็นธาตุแท้ของเขาว่าเป็นผู้ชายที่ชอบดูถูกผู้หญิง...ราวกับซาตานไร้หัวใจ

เอ...ไร้หัวใจเหรอ อาจจะไม่ใช่ก็ได้มั้ง เพราะถ้าเขาไร้ความรู้สึกคงไม่ใจดีพาหล่อนไปหาหมอแบบนี้หรอก

เกิดร่องรอยสับสนฉายชัดในดวงตาคู่สวย และนั่นก็ทำให้หล่อนตัดสินใจพูดออกมาเบาๆ

“อุนอ้ออีอ้ำใออีอ๊ะ อึ๋งอะเอื๋อนไออ่อยอ้ออาม (คุณก็มีน้ำใจดีนะ ถึงจะเถื่อนไปหน่อยก็ตาม) ”

“หืม !” ชายหนุ่มหันมามองหล่อนแว่บหนึ่ง ก่อนถามเสียงซื่อ “พูดอะไรน่ะ อยากจูบผมเหรอ ใจเย็นๆนะ รอให้หาหมอเสร็จแล้วค่อยว่ากันอีกที !”

เท่านั้นแหละ ดวงตาที่เริ่มอ่อนแสงของหญิงสาวก็ขุ่นเขียวขึ้นทันควัน ก่อนจะระเบิดคำด่าใส่เขาไม่ยั้ง

“ไอ้อ้า ไอ้อุเอ๊ด ไอ้อ้าๆๆๆๆ อั๋นเอียดอุน ไอ้อู้อายเองอวย (ไอ้บ้า ไอ้ทุเรศ ไอ้บ้าๆๆๆๆ ฉันเกลียดคุณ ไอ้ผู้ชายเฮงซวย”

ไม่มีร่องรอยโกรธขึ้งในดวงตาคู่คม มิหนำซ้ำเขายังเปิดเพลงดังลั่นเพื่อกลบเสียงหล่อนอีกด้วย พร้อมทิ้งคำพูดไว้ประโยคหนึ่งที่ทำให้หญิงสาวโมโหจนตัวสั่น

“พูดอะไรก็ไม่รู้ อู้อี้ๆ ยังกับเสียงอึ่งอ่างร้องตอนหน้าฝน !”

แสงแดดแผดจ้าส่งไอร้อนลงมายังผืนธรณีที่แห้งผาก...เดือนเมษายนเป็นช่วงเวลาที่อบอ้าวที่สุดในรอบ 1 ปี เพราะความร้อนของภูมิอากาศทำให้อารมณ์คนพลอยร้อนตามไปด้วย ไม่เว้นแม้แต่วีรยาที่ตอนนี้นั่งหน้าบูดบึ้งอยู่บนรถข้างคนขับ

แม้ว่าตอนนี้เขาจะเปิดแอร์ในรถจนเย็นฉ่ำ แต่หล่อนก็ยังไม่วายทำทีท่าฮึดฮัดจนคนที่ตั้งใจขับรถอยู่ชักจะรำคาญ

“คุณเป็นอะไรของคุณ ถอนหายใจฮึดฮัดเหมือนคนแก่ แถมทำหน้าบูดเหมือนไม่พอใจอะไรสักอย่าง”

“ฉันแค่ไม่เข้าใจว่าทำไมวันนี้ถึงเป็นวันซวยของฉัน”

“ผมอุตส่าห์ออกค่ายาให้คุณ คุณยังจะบ่นให้ได้อะไรขึ้นมาอีก วัยทองหรือไงครับ” ท้ายประโยคเขาตั้งใจยียวนหล่อนอย่างเห็นได้ชัด

ก็ดูเถอะ...อุตส่าห์บริการขับรถพาหล่อนไปหาหมอ ออกค่ายาให้ทุกอย่าง แถมยังจะพาหล่อนไปส่งบ้านอีก หล่อนจะพูดคำขอบคุณบ้างก็ไม่มี มีแต่ทำท่าทางเหมือนเขาไปทำอะไรให้หล่อนโกรธแค้นมาตั้งแต่ชาติปางก่อน

“ที่ฉันซวยเพราะเจอคนอย่างคุณนี่แหละ”

คำตอบจากปากหญิงสาว ทำให้กฤตพลต้องจอดรถข้างทาง ก่อนหันมามองคนข้างกายเขม็งด้วยสายตากึ่งสงสัย

“คุณบอกว่ารักผมไม่ใช่เหรอ หืม ?”

“นะ...นั่น นั่นเป็นอดีตไปแล้ว” หญิงสาวตอบด้วยเสียงตะกุกตะกัก รู้สึกถึงลมร้อนๆที่เป่ารดพวงแก้มเมื่อหน้าคมยื่นเข้ามาใกล้จนเกือบแนบชิด “เอาหน้าคุณออกไปห่างๆนะ ถ้าไม่อยากหน้าลายเหมือนตุ๊กแกหากถูกฉันข่วน”

นอกจากจะไม่เกรงในคำขู่แล้ว เขายังหัวเราะในลำคออีกด้วย เล่นเอาวีรยาถึงกับฉุน

“หัวเราะอะไรไม่ทราบ”

“แมวก็คือแมวล่ะนะ เมื่อคืนคุณเป็นแมวน้อยจอมยั่ว พอตกบ่าย คุณกลับแปลงร่างเป็นแมวแก่ขี้โมโหพร้อมที่จะใช้เล็บข่วนผมได้ทุกเมื่อ”

บทก่อนหน้า
บทถัดไป