บทที่ 11 11

“ใครเป็นแมวแก่ขี้โมโหกัน ห๊ะ !” หญิงสาวตวาดเสียงถามอย่างฉุนเฉียว

“คุณไง...แมวแก่”

วีรยาตาขุ่น เม้มปากแน่น ยังไม่ทันจะโต้อะไรต่อ ปลายจมูกโด่งก็กดลงตรงแก้มสาว พร้อมกระซิบเสียงเบาว่า

“แต่ก็น่ารักนะ”

วูบหนึ่งที่หล่อนหน้าร้อนวูบราวมีไฟมาแผดเผา แต่ก็พลันสลายหายไปในพริบตาเมื่อได้ยินประโยคถัดมาจากชายหนุ่ม

“แวะที่บ้านผมก่อนดีมั้ย ผมอยากทบทวนเรื่องราวคืนนั้นกับคุณอีกสักครั้ง”

นิ้วมือทั้งห้ากางออกก่อนจะข่วนที่แก้มกฤตพลอย่างแรง เสียงเล็กๆแผดลั่น

“ฉันไม่อยากค้างคืนกับคุณอีก รู้ไว้ด้วย”

ชายหนุ่มยกมือขึ้นจับแก้มตัวเองที่แสบปร่าไปทั่วบริเวณ พลางเลิกคิ้วอย่างงุนงง...ผู้หญิงมากมายล้วนอยากใกล้ชิดกับเขา และไม่พอใจที่เขาคิดจะจบสัมพันธ์ด้วย แต่กับหล่อน...เขาสู้อุตส่าห์เปิดโอกาสให้มากกว่าสาวคนอื่นๆ ทว่าหล่อนกลับไม่ยอมสานสายสัมพันธ์กับเขาต่อ

“ทำไม ? ”

เขาถามสั้นๆและก็ได้รับคำตอบที่สุดแสนจะโหดร้ายในความรู้สึกของเขา

“ตอนแรกที่ฉันยอมนอนกับคุณเพราะฉันเคยได้ยินกิตติศัพท์ว่าคุณเป็นนักรักหนุ่มที่ร้อนแรง แต่พอได้นอนกับคุณแล้ว ฉันถึงได้รู้ว่า...จริงๆแล้วบทรักคุณมันจืดชืด ห่วยแตกสิ้นดี ฉันเลยคิดจะจบทุกอย่างลงแค่นี้ เพราะผู้ชายอย่างคุณมันไม่ประทับใจฉันยังไงล่ะ”

หง่าง...

ชายหนุ่มถึงกับผงะ อ้าปากค้างอย่างคาดไม่ถึง ความมั่นใจของคาสโนว่าที่สะสมชื่อเสียงเรื่องผู้หญิงมานานแรมปีบัดนี้พังทลายลงจนแทบไม่เหลือ

และคนที่ทำลายความมั่นใจของเขาก็คือผู้หญิงคนนี้...!

“เข้าใจแล้วใช่มั้ยคะ ถ้าเข้าใจแล้วก็ช่วยขับรถพาฉันไปส่งที่บ้านด้วย”

กฤตพลอึ้ง...ดูหล่อนเถอะ หน้าเชิด จมูกเชิด แถมจิกหางตามองเขาด้วยมาดหยิ่งผยอง ช่างอวดดีนัก !

แม้จะนึกกรุ่นโกรธอยู่ในใจ แต่สุดท้ายชายหนุ่มก็ต้องจำใจพาหล่อนไปส่งที่บ้านอยู่ดี และในระหว่างทางนั้นสมองของเขาเริ่มร่างแผนการบางอย่างขึ้นมา

วีรยา สุขรัก...เขารู้ชื่อหล่อนเพราะเป็นคนพาหล่อนไปหาหมอ ชื่อนี้เขาจะจดจำเอาไว้ เขาจะพยายามทำทุกทางเพื่อให้หญิงสาวยอมพ่ายแพ้เขา

จะต้องให้หล่อนถอนคำพูดที่เคยดูถูกเขาว่าห่วยแตกให้ได้

ตาคู่คมปรายมองวีรยาอย่างเจ้าเล่ห์...อยากรู้นักว่าหล่อนจะใจแข็งไปได้สักแค่ไหนกันเชียว ชักนึกสนุกขึ้นมาแล้วสิ !

20นาทีต่อมา รถคันใหญ่ก็จอดสนิทหน้ารั้วบ้านหลังขนาดกะทัดรัดซึ่งเก่าซอมซ่อ สีฟ้าที่เคยทาไว้สมัยเพิ่งสร้างเสร็จใหม่ๆ ตอนนี้ซีดจางลงตามกาลเวลา

แม้จะนึกแปลกใจไม่น้อยที่เขาดูจะชำนาญทางมาบ้านหล่อนเสียเหลือเกิน แต่หล่อนก็เลือกที่จะไม่ซักถาม มือเรียวรวบถุงยามากำไว้ที่อก ส่วนมือข้างที่ว่างก็เปิดประตูรถก้าวลงไป

ขณะที่กำลังผลักประตูรั้วไม้ซึ่งเริ่มผุไปบางส่วนนั้น เสียงเครื่องยนต์ก็ดับ...เล่นเอาหญิงสาวถึงกับหันขวับไปมองด้านหลัง เห็นคนตัวโตเดินเทิ่งๆลงมาด้วยสีหน้าเรียบเฉย

แม้สีหน้าจะปกติ แต่แววตาคู่คมกลับวิบวับอย่างเจ้าเล่ห์ และหล่อนก็ไม่คิดจะไว้ใจสายตาแบบนั้นด้วย

“ลงมาทำไมคะ”

“ลงมาทวงคำขอบคุณจากคุณไงวิว ผมอุตส่าห์พาคุณไปหาหมอ ไหนจะช่วยออกค่ายาให้อีก”

วีรยาเม้มปากแน่น ก่อนเน้นเสียงดัง

“ค่ะ ขอบคุณค่ะ”

“ไม่ใช่” ชายหนุ่มส่ายหน้า และนั่นก็ทำให้หล่อนถึงกับขมวดคิ้ว

“เอ๊ะ อะไรของคุณ คุณบอกว่าต้องการคำขอบคุณ พอฉันบอกขอบคุณไป คุณกลับหาว่าไม่ใช่อีก อย่ามาแกล้งกวนประสาทฉันนะคะคุณเก้า ฉันไม่ใช่เพื่อนเล่นของคุณ”

“ผมก็ไม่เคยคิดว่าคุณเป็นเพื่อน เพราะเพื่อนกันคงไม่ถอดเสื้อผ้าแล้วนอนกอดกันกลมหรอก จริงมั้ย ? ”

หญิงสาวแก้มแดงปลั่ง ดวงตากลมโตวาววับอย่างขุ่นเคือง รีบจ้ำเดินจะเข้าตัวบ้านแต่มืออุ่นรั้งแขนกลมกลึงไว้

“เอ๊ะ ! ปล่อยนะคุณเก้า”

“ไม่ปล่อย จนกว่าจะได้รับการขอบคุณจากคุณ”

“ฉันก็ขอบคุณไปแล้วไง จะเอาอะไรกับฉันอีก” หล่อนหันมาแหว ก่อนจะตัวชาวาบเมื่อริมฝีปากร้อนผ่าวแตะลงที่ข้างแก้มเบาๆ

“อ๊ะ !” หญิงสาวตาโต อ้าปากเตรียมด่า แต่ไม่ทันการเพราะชายหนุ่มฉวยโอกาสจูบซับเรียวปากอิ่มอย่างดูดดื่ม

จูบที่ราวจะฉุดวิญญาณหล่อนให้ออกจากร่าง...คราแรกแผ่วหวาน ต่อมากลับทวีความซาบซ่านเมื่อลิ้นร้อนสอดแทรกเข้ามาในโพรงปาก ขณะที่มือหนาเริ่มเลื่อนจากต้นแขนไปที่เอวเล็กคอดกิ่ว

ลูบไล้...แล้วจับสะโพกกลมมนบีบเบาๆเพื่อปลุกความรัญจวนที่หลับใหลให้ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง

“อา...” วีรยาเผลอครางออกมาก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อรู้ตัวว่าอะไรเป็นอะไร หล่อนผลักอกหนาให้ถอยห่างแต่ไม่เป็นผลเมื่อยิ่งผลัก เขากลับยิ่งกอด

ความอบอุ่นแผ่ซ่านไปทั้งร่างเมื่ออยู่ในอ้อมกอดคนตัวโตและจูบหวานๆที่ช่วยดึงความร้อนออกจากร่างกายหล่อนได้เป็นอย่างดี

สมองสั่งให้หาทางเอาตัวรอดจากจุมพิตซาตานในครั้งนี้

แต่หัวใจกลับโอนอ่อน...รู้ทั้งรู้ว่าเขาไม่รัก แต่กายสาวกลับชอบสัมผัสจากเขา เมื่อส่วนลึกในใจมีเพียงเขาตลอดมาถึง 2 ปี

แต่เมื่อนึกถึงคำพูดดูถูกที่เขาเคยมีให้ อาการโอนอ่อนก็เปลี่ยนเป็นแข็งขืน หล่อนรวบรวมเรี่ยวแรงที่มีกระแทกส้นเท้าลงบนหลังเท้าใหญ่จนชายหนุ่มสะดุ้ง

บทก่อนหน้า
บทถัดไป