บทที่ 4 4

ว่องไววางกระเป๋าเอกสารลงบนพื้น ก่อนจะหันมามองหญิงสาวอย่างจริงจัง มือจับไหล่สองข้างของหล่อนไว้แน่น แล้วเริ่มโน้มน้าว

“วิวรู้ใช่มั้ยว่าพ่อเป็นแค่พนักงานจนๆทั้งๆที่พ่อมีความสามารถแต่ก็ทำงานตำแหน่งเล็กๆได้เงินเดือนไม่ถึงหมื่นด้วยซ้ำ พ่อน่ะเลิกหวังแล้วว่าจะได้ใช้ความสามารถของตัวเองอย่างเต็มที่เพื่อให้เจ้านายเห็นแล้วก็เลื่อนตำแหน่งให้พ่อ ขืนรอแบบนั้นมีหวังพ่อคงอายุใกล้ 60 ปีพอดี พ่อเลยมีความคิดทางลัด...และทางลัดที่ว่าก็ต้องอาศัยความร่วมมือจากลูก”

“พ่อคงหมายถึงการส่งวิวไปเป็นเครื่องสังเวยท่านประธานนั่น เพื่อที่พ่อจะได้ตำแหน่งดีๆหรืออาจได้ลูกเขยรวยในอนาคตงั้นสินะ”

“ใช่...พ่อหวังดีกับวิวนะ ถ้าได้แต่งงานกับคุณเก้า วิวจะมีความสุขสบายไปทั้งชีวิต”

“หึ...” วีรยาทำเสียงแค่นๆในลำคอ พลางปลดมือหยาบกร้านของบิดาออกจากบ่า ปากก็พูดต่อไปอีกว่า “จริงอยู่ที่วิวอาจมีความสบาย แต่พ่อคะ...เงินมันซื้อความสุขไม่ได้นะ ถ้าต้องอยู่กับตานั่น วิวคงไม่มีความสุขแน่ๆ”

“ทำไมจะไม่มีความสุขล่ะ” ดวงตาเจ้าเล่ห์ฉายแววบางอย่าง มุมปากกระตุกยิ้มหยัน “พ่อรู้นะว่าแกหลงรักคุณเก้า”

หญิงสาวหน้าซีดลงอย่างเห็นได้ชัด เสียงแทบไม่หลุดพ้นจากลำคอเมื่อถามออกไปว่า “พ่อ...พ่อรู้ได้ไง”

“เจอรูปคุณเก้าอยู่ใต้หมอนในห้องนอนแกไง ทำไมล่ะวิว...พ่ออุตส่าห์ทำเพื่อแกนะ แกจะได้สมหวังในความรักไง”

“รักแบบนี้วิวไม่ต้องการ พ่อก็น่าจะรู้ดีว่าชื่อเสียงคุณเก้าดังไปในทางไหน เขาเป็นนักรักตัวพ่อ ไร้หัวใจ ไม่เคยรักใครจริง ที่พ่อพาวิวไปทิ้งหน้าบ้านเขา พ่อคงจะไม่ได้อะไรเลย นอกจากลูกสาวพ่อคนนี้ที่ต้องเสียตัวไปฟรีๆ”

ว่องไวชะงักไปชั่วอึดใจ ก่อนจะเสียงแข็งขึ้นอย่างหงุดหงิด “ก็เพราะแกหัวรั้น ปากแข็งแบบนี้ไงล่ะ พ่อถึงต้องให้แกกินยาปลุกเซ็กส์ ไม่งั้นแกคงไม่มีวันได้นอนกับคุณเก้าหรอก”

วีรยาสะอึก หล่อนไม่คิดเลยว่าผู้ให้กำเนิดจะเป็นคนแบบนี้ เสียงใสจึงตวาดแหวอย่างเหลืออด “คนอย่างคุณเก้าไม่มีทางแต่งงานกับวิวแน่ๆ แล้วสักวันพ่อจะรู้ว่าสิ่งที่พ่อทำลงไป มันเป็นสิ่งที่ผิด”

“ฉันไม่ผิด” สรรพนามเรียกแทนตัวเองได้เปลี่ยนไปตามแรงอารมณ์ที่เริ่มขุ่นมัว “ไม่ว่ายังไงฉันก็จะทำให้คุณเก้ายอมแต่งงานกับแกให้ได้ คอยดูสิ” พูดจบก็หุนหันขึ้นรถยนต์คันเก่าๆที่ซื้อมานาน      สิบกว่าปีแล้ว จากนั้นก็ขับออกจากบริเวณบ้านไปทันที ทิ้งให้หญิงสาวยืนนิ่งอยู่ที่เก่า...

สักพัก หล่อนก็ยืนไม่ไหวจนต้องทิ้งตัวลงนั่งบนพื้นดินแข็งๆ    ไม่สนใจแม้ว่าจะโดนหนามตำขา ไม่แคร์แม้ว่าตอนนี้แสงแดดจะ    แผดจ้า ไม่หวั่นต่อความสกปรกของเศษฝุ่น เพราะตอนนี้สิ่งที่ถ่วงอยู่ในใจช่างมากมายเหลือคณานับ

ฝ่ามือกร้านของพ่อที่ครั้งหนึ่งเคยโอบอุ้มเลี้ยงหล่อนมา มอบทั้งชีวิต ลมหายใจและความรู้ให้

มาวันนี้...มือคู่นั้นกลับจับหล่อนส่งให้ผู้ชายคนอื่นเพียงเพื่อหวังจะใช้หล่อนเป็นสะพานเพื่อข้ามไปหาความสำเร็จ

แม้จะเคยผ่านอะไรมามากมายกว่าอายุจะครบ 22 ปีได้ ทว่าปัญหาที่เจอตอนนี้กลับหนักหนากว่าครั้งก่อนเป็นไหนๆ หยาดน้ำตาที่กักเก็บมาเนิ่นนานตั้งแต่ช่วงเช้ามืดค่อยๆรินไหลจากหางตา ก่อนที่หญิงสาวจะปล่อยโฮดังลั่นอย่างไม่กลัวว่าจะมีใครมาได้ยิน

หล่อนจะทำอย่างไรดี เมื่อก่อนแค่แอบรักกฤตพลอยู่ไกลๆ แค่ได้เห็นข่าวคราวของเขาผ่านหน้าจอโทรทัศน์และหนังสือพิมพ์ แอบปลื้มแต่ไม่หวังครอบครอง แค่นั้นก็สุขใจแล้ว

แต่วันนี้...หล่อนถูกคนที่รักชังน้ำหน้า กล่าวหาว่าหล่อนหน้าด้านชอบยั่วยวนผู้ชาย

และที่สำคัญ...ตลอดระยะเวลาที่ปลาบปลื้มกฤตพลนานเกือบ 2 ปี บัดนี้ทุกอย่างพังครืนลงหมดเพียงเพราะเจอคำพูดร้ายกาจที่เขาพ่นใส่หน้า

เขาช่างไร้หัวใจ ไม่มีความรู้สึก เห็นผู้หญิงเป็นแค่สิ่งมีชีวิตที่โหยหาแต่เงิน เขาดูถูกหล่อนด้วยเงินตรา

ผิดหวัง...ผิดหวังจริงๆ ทั้งๆที่คิดว่าเขาจะเป็นสุภาพบุรุษมากกว่านี้แท้ๆ

ดีล่ะ...ในเมื่อเรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว หล่อนก็จะต่อต้านพ่อทุกวิถีทาง ไม่ว่ายังไงคนอย่างวีรยาก็ไม่มีวันเดินตามหมากห่วยๆของบิดาแน่ๆ !

กฤตพลเดินกลับเข้าบ้าน พบร่างเล็กๆของผู้เป็นน้องสาวนั่งอยู่บนรถเข็น เกวลีเป็นคนน่าสงสาร หล่อนประสบอุบัติเหตุตอนอายุ        1 8ปี จนตอนนี้ผ่านไปแล้วเกือบสี่ปี ทว่าขาสองข้างของหล่อนก็ยังเดินไม่ได้

ต้องใช้ชีวิตอยู่บนรถเข็น แทบไม่ได้ออกไปท่องเที่ยวที่ไหน แฟนหนุ่มที่เคยรักกันปานจะกลืนกินสมัยอายุ17 พอเห็นหญิงสาวกลายเป็นคนพิการ ผู้ชายคนนั้นก็ตีจากไปหาสาวใหม่ทันที

และนั่นก็ทำให้เกวลีกลายเป็นคนที่ไม่เชื่อมั่นในรักแท้อีกต่อไป แต่ถึงแม้จะเดินไม่ได้ แต่เกวลีก็ไม่เคยแสดงความอ่อนแอให้ใครเห็น หล่อนยังคงยิ้มแย้มแจ่มใสและพูดเก่งจนคนที่อยู่ใกล้อดนึกเอ็นดูไม่ได้

รวมทั้งกฤตพลที่รักน้องสาวดุจแก้วตาดวงใจเลยทีเดียว...

“กางเกงพี่เก้าเปื้อนหมดเลย ไปคลุกฝุ่นที่ไหนมาตั้งแต่เช้าคะ” เกวลีถาม ซึ่งชายหนุ่มก็ยิ้ม พลางทรุดนั่งคุกเข่า มือจับที่เท้าแขนของล้อเข็นไว้ แล้วตอบว่า

“พี่หกล้มนิดหน่อยครับ ว่าแต่แก้วเถอะ หิวหรือยังเอ่ย ?”

“หิวค่ะ รออยู่ว่าเมื่อไหร่จะได้กินเสียที”

“แล้วทำไมแก้วไม่กินก่อนพี่ล่ะครับ หืม ?”

บทก่อนหน้า
บทถัดไป