บทที่ 5 5
“ไม่เอา” หญิงสาวส่ายหน้าหวือ ก่อนจะประจบอย่างฉอเลาะ “แก้วอยากรอกินพร้อมพี่เก้านี่คะ ถ้าไม่ได้กินกับพี่เก้า แก้วคงกินข้าวได้น้อย”
“ขี้อ้อนจริง” ฝ่ามือหนาลูบเรือนผมสลวยของน้องสาวอย่างแสนรัก ก่อนจะจับมือเกวลีมาบีบเบาๆ “แก้วหายไวๆนะ พี่อยากเห็นแก้วมีความสุข”
“ทำไมคะ แก้วเดินไม่ได้แบบนี้ พี่เก้าเบื่อแก้วเหรอคะ เบื่อที่จะดูแลน้องสาวพิการใช่ไหมคะ” หางเสียงมีร่องรอยความน้อยใจอย่างเห็นได้ชัด ขณะที่ชายหนุ่มยิ้มละมุน จูบแก้มใสเบาๆแล้วบอกเสียงหนักแน่นว่า
“ไม่เคยเบื่อเลยครับ ต่อให้ต้องดูแลแก้วไปทั้งชีวิต พี่ก็ยินดี เพียงแต่ว่าพี่อยากให้แก้วหายไวๆ เป็นห่วงน้องสาวนี่ครับ”
ฟังประโยคนี้จากพี่ชาย หญิงสาวก็ยิ้มแก้มปริ จูบหนักๆที่หลังมือใหญ่แล้วจับมือกฤตพลมาแนบแก้มตัวเองอย่างประจบ “ขอบคุณค่ะที่พี่เก้าเป็นห่วงแก้ว”
“เวลาหมอมาตรวจ แก้วก็อย่าดื้อกับหมอนะครับ รู้มั้ย”
“ค่ะ...แก้วสัญญาว่าจะเรียบร้อยที่สุดและจะเชื่อฟังหมอ ทุกอย่าง ว่าแต่พี่กันย์ล่ะคะ เช้านี้ไม่เห็นเลย”
หญิงสาวถามถึงพี่สาวคนโตชื่อกันย์ชนกซึ่งมีอายุ 32 แล้ว แม้วัยจะล่วงเลยถึงเลข3นำหน้า แต่ก็ยังครองตัวเป็นโสด ไม่ยอมมีแฟน แถมยังขี้บุ่น จุกจิก และชอบต่อว่าพฤติกรรมนักรักของกฤตพลอยู่เสมอ
“เมื่อคืนคงไม่ได้กลับมั้ง คงเคร่งอยู่กับงานเหมือนเดิมนั่นแหละ ช่างพี่กันย์เขาเถอะแก้ว เราไปกินข้าวกันดีกว่า ป่านนี้ป้าแม้นคงเตรียมอาหารรอไว้บนโต๊ะแล้ว”
“พูดถึงป้าแม้น เมื่อกี้ป้าแม้นเล่าว่าเห็นผู้หญิงอยู่ในบ้านพี่เก้า เพิ่งกลับไปเมื่อเช้านี้...พี่เก้าพาผู้หญิงมานอนค้างที่บ้านเหรอคะ” น้ำเสียงราบเรียบแต่ดวงตาแฝงแววใคร่รู้เต็มเปี่ยม ขณะที่ชายหนุ่มนิ่งไปชั่วอึดใจก็ตอบเลี่ยงๆไปว่า
“เพื่อนของพี่น่ะ ตอนนี้กลับไปแล้ว”
“เพื่อนแน่เหรอคะ อย่าคิดนะว่าแก้วไม่รู้ว่าพี่เก้าเจ้าชู้มากแค่ไหน พี่เก้าจะพาผู้หญิงคนไหนเข้าโรงแรม แก้วไม่ว่า แต่อย่าพามาบ้านได้ไหมคะ”
“หืม ? แบบนี้ก็แสดงว่าแก้วไม่อยากได้พี่สะใภ้อ่ะดิ” ถามเสียงกลั้วหัวเราะ ซึ่งเกวลีก็ทำหน้าง้ำ ตอบเสียงสะบัด
“ช่วยแบ่งแยกหน่อยก็ดีนะคะ ถ้าไม่ใช่ผู้หญิงที่เป็นตัวจริง พี่เก้าอย่าพาเข้าบ้านนะ แก้วขอร้อง”
“จ้า...ก็ได้ เมื่อคืนนี้ผิดพลาดนิดหน่อย อย่าว่ากันเลยนะ” ชายหนุ่มยกมือขวาขึ้นเป็นเชิงยอมรับ ก่อนจะลุกขึ้นเข็นรถน้องสาวตรงไปทางห้องครัว เห็นแม้น...หญิงชราวัย 60ปีกำลังจัดเตรียมอาหารลงบนโต๊ะหลากหลายทั้งของคาวและหวาน
“ทานเลยไหมคะ อิฉันจะได้ตักข้าวสวยใส่จานให้” แม้นถาม ซึ่งเกวลีก็พยักหน้ารับ นางจึงหันไปตักข้าวในโถใส่จานให้อย่างเรียบร้อย
แม้นเป็นแม่บ้านมานานนับ 40 ปี งานบ้านงานเรือนไร้ข้อบกพร่อง ซ้ำฝีมือการทำอาหารยังดีมากๆ เพราะใกล้ชิดกันมานาน แม้นจึงเป็นเสมือนคนหนึ่งในครอบครัวด้วย
“วันนี้เข้าบริษัทสายนะคะคุณเก้า” แม้นเริ่มเกริ่น ซึ่งชายหนุ่มก็ยิ้มรับ
“ครับ เข้าสายนิดหน่อยไม่เป็นไรหรอก”
“สงสัยเมื่อคืนพี่เก้าจะวุ่นวายหนักไปหน่อย เช้านี้เลยไปทำงานสาย” เกวลีแขวะ เล่นเอาชายหนุ่มถึงกับหน้าเคร่ง
“แก้ว !”
“ขอโทษค่ะ แก้วไม่พูดเรื่องนั้นแล้วก็ได้ ขอแค่พี่เก้าอย่าเห็นผู้หญิงคนไหนสำคัญกว่าแก้วก็พอ”
กฤตพลถอนหายใจ พลางยิ้มรับ “ครับ แก้วสำคัญที่สุดสำหรับพี่”
แม้จะพูดไปเช่นนั้น แต่ในใจกลับหวนนึกไปถึงเจ้าของเสียงแหลมใสที่มีฝ่าเท้าหนักหน่วง...ผู้หญิงคนนั้นชื่ออะไรกันนะ หน้าตาไม่โดดเด่น แต่คำพูดจาช่างอาจหาญ ปากบอกว่ารักแต่กลับกล้าถีบเขาแถมไม่สนใจเงินที่เขาให้อีก
หล่อนเป็นผู้หญิงน่าสนใจคนหนึ่ง เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เขาถูกถีบ อยากรู้นักว่าเจ้าหล่อนชื่ออะไร ทำงานที่ไหน แล้วรู้จักบ้านเขาได้ยังไง
เขาจะต้องรู้คำตอบของทุกคำถามให้ได้ เพราะหล่อนเป็นผู้หญิงคนแรกที่เขาอยากมีคืนที่สองด้วย !
“เอส...เอ๊ส !” เสียงใสดังเป็นจังหวะทุกครั้งที่ปลายเท้าฟาดกระทบกระสอบทรายขนาดใหญ่ซึ่งห้อยอยู่ตรงหน้า จากนั้นก็ตามด้วยหมัดซ้ายขวาที่เจ้าหล่อนประเคนใส่ไม่ยั้งจนนักมวยคนอื่นๆเริ่มหันมามอง
ปั๊ก ! ตุ๊บ ! ผล๊วะ !
“ย๊าก ตายซะไอ้หน้าหล่อ” ฟันศอกใส่ทีหนึ่ง ตามด้วยหมุนตัวตวัดเท้ากลับหลังถีบใส่อุปกรณ์สำหรับใช้ฝึกมวยไทยอย่างแรงจน ร่างบางถึงกลับกระเด็นไปด้านหลัง
พลั่ก !
“ไอ้ผู้ชายเฮงซวย คิดผิดจริงๆที่เคยปลื้มคนอย่างคุณ” พูดลอดไรฟัน จากนั้นก็จับกระสอบทรายไว้แน่นแล้วอัดเข่ากระทุ้งเข้าใส่อย่างดุเดือดราวกับว่ากระสอบทรายที่หล่อนซ้อมอยู่นั้นคือคนที่หล่อนกำลังนึกแค้น
