บทที่ 7 7
แม้ว่าสุชาติจะไม่เจ็บอะไรมาก แต่เรื่องกลับไม่จบง่ายๆเมื่อต่างฝ่ายต่างคิดว่าตัวเองเป็นคนถูก
“เอ่อ...อย่าฉุนเฉียวไปเลยครับคุณชาติ ใจเย็นนิดนึง” มานิตพูดเสียงเบาอย่างเกรงใจ และนั่นก็ยิ่งทำให้สุชาติหงุดหงิดมากยิ่งขึ้น
“ไม่ยงไม่เย็นล่ะ ถ้าไม่ได้ค่าทำขวัญจากไอ้นี่ วันนี้เรื่องไม่จบแน่ จะไปแจ้งความให้รู้แล้วรู้รอด”
เหมือนเจ้าของรถหรูจะเบื่อดูเหตุการณ์นี้ต่อไป จึงพูดขึ้นด้วยเสียงเนิบๆ
“ต้องการเท่าไหร่ล่ะ”
“แกยอมจ่ายเงินแล้วเรอะ แสดงว่ารู้ตัวแล้วสินะว่าตัวเองเป็นคนผิด” สุชาติได้ที รีบยืดอก ทำคอยาว แล้วจิกหางตามองคู่กรณีอย่างหยามหยัน
“ถึงผมจะยอมจ่ายเงินให้คุณ แต่ผมก็ไม่เคยคิดว่าตัวเองผิด” กฤตพลพูดเสียงห้วน...น่าปวดหัวจริงๆ บ่ายวันนี้เขาตั้งใจจะไปที่บ้านว่องไวเพื่อสอบถามเรื่องผู้หญิงนิรนามที่มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับเขาเมื่อค่ำคืนที่ผ่านมา
เขานั่งคิดทบทวนดูแล้ว ถึงเพิ่งนึกขึ้นมาได้ว่าในงานสังสรรค์ เขาเห็นเหมือนกับว่าว่องไวซึ่งเป็นพนักงานระดับล่างคนหนึ่งได้ควงแขนผู้หญิงคนนั้นมางานด้วย
คาดว่าน่าจะเป็นลูกสาวหรือเปล่า เขาก็ไม่แน่ใจนักเพราะตอนนั้นไม่ได้สนใจอะไร แต่ตอนนี้เขากลับอยากรู้ที่สุดว่าหล่อนรู้จักบ้านเขาได้ยังไง แล้วมีแผนการอะไรหรือเปล่าถึงมายั่วยวนเขาถึงที่บ้าน
หลังจากเคลียร์งานสำคัญในบริษัทเสร็จ เขาก็ค้นหาประวัติของว่องไวจนทราบที่อยู่อย่างแน่ชัด จากนั้นก็ตรงดิ่งไปบ้านว่องไวทันที แต่กลับพบว่าไม่มีใครอยู่
น่าแปลกที่ว่องไวลางาน 2 วันแล้วโดยไม่มีเหตุผล แถมประตูบ้านก็ล็อกกลอนไว้ แสดงว่าผู้หญิงที่เขาอยากพบก็ไม่อยู่เช่นกัน
แต่ไม่คิดเลยว่าในระหว่างที่จะกลับบ้านนั้น เขาต้องมาเจออุบัติเหตุเล็กๆที่ไม่คาดฝันนี่เสียก่อน
“ถ้าไม่คิดว่าตัวเองผิด คุณจะยอมเสียเงินค่าทำขวัญให้น้องผมทำไมล่ะครับ” ราเชนทร์ท้วงเสียงอ่อน และนั่นก็ทำให้กฤตพลหลุดจากห้วงความคิด ใบหน้าคมเคร่งขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเมื่อตอบกลับเสียงดังว่า
“เพราะผมอยากตัดปัญหายังไงล่ะ !”
“คิดว่าเงินจะแก้ปัญหาได้ทุกอย่างเหรอไง” เสียงแหลมดังขึ้น ทำให้สายตาทุกคู่ต้องเบนไปมองทางที่มาของเสียงอย่างพร้อมเพรียง เห็นสาวน้อยร่างบอบบางอยู่ในชุดเสื้อกล้ามสีขาว กางเกงขาสั้นบานๆเหนือเข่าสีน้ำเงิน ในมือใส่นวมอันใหญ่สีน้ำเงิน หน้าตาขึงขังรับกับผมทรงดอกเห็ดที่เจ้าตัวพยายามเกล้ารวบขึ้นสูงๆแล้วม้วนผมเป็นก้อนกลมๆเอาไว้อย่างมีสไตล์
หล่อนวิ่งมาถึงคนสุดท้ายและก็ทันได้ยินประโยคนั้นจากปากของกฤตพลเข้าพอดี หล่อนจึงรีบตะโกนอย่างไม่พอใจ “คนรวยนี่ชอบใช้เงินแก้ปัญหา น่าเบื่อจริงๆ”
“ว่าใคร ห๊ะ !” เสียงทุ้มตะคอกลั่น ก่อนจะถอดแว่นออกเพื่อมองหน้าเรียวที่มันเยิ้มด้วยหยาดเหงื่อนั่นให้ชัดๆ
โลกกลมหรือสวรรค์จงใจกันที่ทำให้เขาได้พบเจอหล่อนอีกครั้ง...แม่สาวปริศนาที่ทิ้งลูกถีบประทับก้นเขาก่อนจะลาจากไปด้วยมาดนางพญาเมื่อเช้านี้
ไม่คิดเลยว่าตอนบ่ายจะได้พบหล่อนอีกครั้งในคราบของนักมวยหญิง !
“ว่าคุณนั่นแหละ คนอะไรไม่มีความรับผิดชอบ ทุเรศที่สุด” หญิงสาวแว๊ดใส่ทันทีที่เห็นหน้าเขาชัด ไม่คิดเลยว่าจะเจอสามีหมาดๆอีกครั้ง...นึกว่าชาตินี้จะไม่มีโอกาสได้เจอกันอีกแล้วแท้ๆ
“ไม่มีความรับผิดชอบที่ไหน ผมก็บอกอยู่นี่ไงว่าจะให้เงิน เรื่องจะได้จบๆซะที ผมไม่ว่างนักหรอกนะ ไม่มีเวลาให้กับเรื่องไร้สาระ”
เจอเขาสวนกลับมาเช่นนี้ วีรยาก็ถึงกับรูจมูกบานเข้าบานออกด้วยความไม่พอใจ เหมือนจะเอาเรื่องเมื่อคืนมาปะปนกันจนมั่ว หล่อนจึงเถียงเขาอย่างใส่อารมณ์เต็มที่
“กะอีแค่คำว่าขอโทษคำเดียว คุณพูดไม่เป็นหรือไง คุณสุชาติเขาไม่ได้ต้องการเงินหรอกนะ เขาแค่อยากให้คุณแสดงความมีสำนึกด้วยการขอโทษบ้าง”
“เฮ้...” สุชาติที่ยืนฟังมาพักใหญ่รีบแทรกทันทีอย่างร้อนรน “เอาสิเงินน่ะ ผมไม่ได้บื้อเหมือนคุณนะจะได้ไม่ต้องการเงิน”
“เอ๊ะ !” คนที่ถูกหาว่า‘บื้อ’ถึงกับตาเขียวขุ่น มองสุชาติเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อ “นี่ฉันกำลังช่วยคุณอยู่นะ ทำคุณบูชาโทษแท้ๆ”
“ผมไม่ได้ขอร้องเลยนะ สอดไม่เข้าเรื่อง ผมเกือบจะได้ค่า ทำขวัญอยู่แล้วเชียว” สุชาติว่าให้อย่างไม่เกรงใจ เล่นเอาหญิงสาวแทบจะเต้นผางเลยทีเดียว ขณะที่ราเชนทร์ผู้ที่มีความสุขุมมากที่สุดรีบ ยกมือขึ้นเป็นเชิงห้ามแล้วรีบพูดไกล่เกลี่ยสถานการณ์ที่เริ่มตึงเครียดมากขึ้นเรื่อยๆ
“เอาล่ะ ใจเย็นๆก่อนทุกคน ก่อนอื่นผมอยากฟังจากปากคุณด้วยนะว่าเรื่องเป็นมายังไง” หันไปทางกฤตพลด้วยสายตาตั้งคำถาม ซึ่งชายหนุ่มก็ตอบด้วยเสียงเรื่อยๆว่า
“ผมขับรถทางตรงมาอยู่ดีๆ ผู้ชายคนนี้ก็คิดจะทำเท่ด้วยการยกล้อหน้ามอเตอร์ไซค์แล้วเสียหลักเซมา ผมรีบหักรถหลบแต่ก็ทำให้คุณคนนี้รถล้ม แต่ไม่ได้ล้มรุนแรงอะไรสักหน่อย แถมเขาก็เป็นฝ่ายขับรถประมาทเองด้วย”
“จริงรึ” ราเชนทร์หันไปถามน้องชายซึ่งฝ่ายนั้นก็เชิดหน้า ตอบอย่างผึ่งผาย
“ก็จริงน่ะสิ แต่ว่ารถใหญ่ต้องเป็นฝ่ายผิดอยู่แล้วใช่มั้ยล่ะพี่”
“มันก็ไม่เสมอไปหรอกนะ นายเองก็ประมาทจริงๆอย่างที่เขาว่า แล้วยังไม่ยอมรับผิดอีก” ราเชนทร์ติติงตามความเป็นจริง เล่นเอา สุชาติถึงกับหน้าแดงก่ำอย่างไม่พอใจ
“ไม่รู้ล่ะ ยังไงมันก็ต้องจ่ายเงินให้ผม”
“ขอโทษนะครับ คุณชื่ออะไร” ราเชนทร์หันไปถามกฤตพลอย่างสุภาพ
“ผมชื่อกฤตพลครับ”
“หืม ? ” ราเชนทร์เลิกคิ้วขึ้นสูง พลางปรายตามองวีรยาแวบหนึ่งแล้วถามต่อว่า “แล้วนามสกุลละครับ”
“วรินทร์ธนโชค”
