บทที่ 8 8

“โอ้...” ราเชนทร์เบิกตากว้าง ก่อนหลุดขำออกมา “คนนี้ใช่ไหมวิว ที่คุณว่าเป็นผู้ชายห่วยแตก ถ้าคุณเจอหน้าอีกครั้ง คุณจะต่อยเขาให้หน้าหงายน่ะ”

วีรยาเม้มปากแน่น จ้องหน้ากฤตพล ซึ่งชายหนุ่มก็ขยับตัว เปลี่ยนจากพิงรถมายืนใกล้ๆหล่อนแทน แล้วถามด้วยแววตาวิบวับว่า

“อ้อ...คนเก่ง อยากต่อยผมเหรอครับ อ้ะ...อยากต่อยก็ต่อยเลย สนใจจุดไหนล่ะ ตาซ้าย ตาขวา ปลายคางหรือตรงแก้มผมดีครับ !!”

เมื่อต้องโดนหมากัด และ...ถูกผู้ชายจูบ

สิ้นคำท้าทาย หมัดเล็กก็ลอยหวือหมายจะอัดหน้าหล่อๆของเขาให้แตกยับ แต่เพราะเขาสูงเกินไป กำปั้นจึงไปถึงแค่คางเท่านั้น ซ้ำชายหนุ่มยังหลบได้ทันท่วงทีอีกด้วย

“เอ๊ะ ! แน่จริงอย่าหลบเซ่” หญิงสาวอัดกำปั้นซึ่งซ่อนใต้นวมขนาดใหญ่เข้าหากันดังปึกๆ พลางเขย่งปลายเท้าจิ๊กๆด้วยมาดยียวนเหมือนจิ๊กโก๋ทั้งๆที่ตัวเล็กนิดเดียว

“เสียใจด้วยนะที่ต่อยหน้าผมไม่ได้เพราะคุณเตี้ยเกินไป”

คำว่า‘เตี้ย’ที่ได้ยินเหมือนไปกระตุ้มต่อมโกรธของวีรยา ใบหน้าหวานเริ่มบูดบึ้งอย่างไม่สบอารมณ์ เสียงเล็กๆจึงตวาดแหว

“ก้มลงมาสิ ฉันจะต่อยหน้าคุณให้ยับ”

“หืม ?” คิ้วเข้มเลิกขึ้นสูง ก่อนหยัดยิ้มละไมตรงมุมปาก “แล้วทำไมผมต้องก้มลงไปให้คุณต่อยด้วยล่ะครับ ถ้าจูบล่ะว่าไปอย่าง”

“อะ...” หญิงสาวอ้าปากค้าง ส่วนหนุ่มคนอื่นที่ยืนฟังอยู่นั้นถึงกับอ้าปากค้าง

“ห๊า ! จูบ ! กล้าพูดเล่นกันถึงขนาดนี้เชียว คุณเป็นอะไรกับคุณกฤตพลน่ะ” ราเชนทร์ออกปากถามวีรยา ซึ่งหล่อนก็เม้มปากแน่น    หันมาตอบเสียงดังฟังชัด

“แค่คนรู้จักที่ไม่คุ้นเคยค่ะ”

“เฮ้ย...ทำไมคุณพูดแบบนั้นล่ะ” กฤตพลรีบแทรกขึ้นมากลางปล้อง นัยน์ตาสีเข้มเปล่งประกายวิบวับเหมือนสนุกที่ได้แกล้งหญิงสาว “ไม่คุ้นเคยที่ไหนกัน เมื่อคืนเรายังกอดกันกลมอยู่เลย”

“อะ...” มานิตตาเหลือก มองหน้าวีรยาแล้วก็เหลือบไปทาง   กฤตพลอย่างไม่อยากเชื่อ “พี่วิวมีแฟนแล้วเหรอ จริงดิ๊ ? ”

“นั่นสิ คุณแอบไปมีแฟนตั้งแต่เมื่อไหร่ ไม่เห็นบอกกันมั่งล่ะคุณวิว” ราเชนทร์จ้องหน้าวีรยาอย่างคาดคั้น มิน่าล่ะ...ถึงต่อยกระสอบทรายอย่างบ้าคลั่งแถมบอกว่าอยากต่อยกฤตพล สงสัยเป็นเพราะน้อยใจแฟนแน่ๆถึงมีพฤติกรรมแปลกประหลาดตั้งแต่เช้า

“อะ...เอ่อ ไม่ใช่นะ ไม่ใช่แฟน ฉันยังไม่มีแฟนค่ะ”

เห็นท่าทางลุกลี้ลุกลนของวีรยาแล้ว กฤตพลก็ลอบยิ้ม เขานึกสนุกที่จะได้เห็นหน้าซีดๆตาเหลือกๆของเจ้าหล่อน ดีล่ะ...เขาจะเอาคืนให้สาสมเพื่อตอบแทนในสิ่งที่หล่อนทำกับเขาเมื่อเช้านี้

ผู้หญิงคนอื่นมีแต่อยากจะกอดจูบเขาก่อนจาก

แต่หล่อนกลับทิ้งรอยเท้าไว้ให้ก่อนจากไป !

“โธ่ คุณครับ ผมรู้นะว่าคุณยังไม่มีแฟน แล้วผมก็ไม่ใช่แฟนคุณด้วย”

“อ้าว...” ราเชนทร์กับมานิตทำหน้าเหรอหราอย่างงุนงง ขณะที่หญิงสาวพยักหน้าหงึกหงัก

“เออ นั่นน่ะถูกแล้วค่ะ ฉันยังไม่มีแฟน”

“ถึงจะไม่ใช่แฟนแต่ผมก็เป็นสามีของคุณนะ”

เปรี้ยง ! เหมือนถูกฟ้าผ่าทั้งๆที่เป็นตอนกลางวันแสกๆ ทุกคนต่างอ้าปากค้าง ไม่เว้นแม้แต่วีรยาที่ตัวแข็งชาเหมือนถูกสาป ดวงตากลมโตกระพริบถี่ยิบ ก่อนจะหวีดเสียงลั่น

“ไอ้บ้า ฉันยังไม่มีสามีนะ อย่ามาพูดจาแบบนี้ ฉันเสียหายนะรู้มั้ย !” หญิงสาวโผนทะยานหมายจะผลักอกเขา แต่เพราะความอับอายระคนแรงโกรธ ทำให้หล่อนไม่ทันระวังตัว เกิดสะดุดเท้าตัวเองหน้าทิ่มใส่เขา เล่นเอาร่างสูงที่ไม่ทันได้ตั้งหลักถึงกับหงายหลังล้มลงที่พื้นโดยมีคนตัวเล็กนั่งคร่อมทับอยู่บนหน้าท้อง

“อะ เอ่อ...” วีรยาพูดไม่ออก หล่อนหน้าชาหนึบจนแทบจะไม่รู้สึกอะไร ขณะที่กฤตพลทำเสียงล้อเลียน

“ผมมากกว่านะที่จะเสียหาย อยู่ๆก็ถูกคุณหื่นใส่กลางวันแสกๆ ผมเข้าใจนะว่าคุณต้องการผมมาก แต่คุณก็ควรจะเลือกสถานที่สักนิดหนึ่งสิ”

แป่ว...

ดู ดูอีตานี่พูดซะก่อนสิ น่าซัดปากให้บวมเจ่อแข่งกับขอบฉิ่งจริงๆ ผู้ชายคนนี้ช่างมีความสามารถพิเศษในการพูดจายั่วโมโหคนอื่น และตอนนี้หล่อนก็กำลังโกรธจนตัวสั่น

เขามีสิทธิ์อะไรที่มาพูดฉีกหน้าหล่อนต่อหน้าคนอื่น เขาเห็นเป็นเรื่องสนุกใช่มั้ย

แต่สำหรับหล่อนแล้ว...มันไม่ใช่เรื่องสนุกเลยสักนิด

วีรยาพยายามตะเกียกตะกายลุกจากตัวเขา ก่อนจะยืนตัวตรงแด่วแล้วหันไปหาพรรคพวก...จริงสิ หล่อนยังมีเพื่อนที่พร้อมจะเข้าใจหล่อนอยู่เสมอ ราเชนทร์ต้องเชื่อหล่อนแน่ๆ

หญิงสาวมองเจ้าของค่ายมวยด้วยดวงตาระยิบระยับฉายแสงแห่งความหวัง รีบออดอ้อนว่า “คุณเชนเชื่อฉันใช่ไหมคะ ว่าฉันไม่ได้เป็นอะไรกับตาบ้านี่จริงๆ”

“เอ่อ ผมก็อยากจะเชื่อคุณอยู่หรอก แต่สิ่งที่ผมเห็นทำให้ผมเชื่อไม่ลง คุณกับเขาดูสนิทกันมาก แล้วอีกอย่างนะ...ผมเพิ่งรู้นะเนี่ยว่าคุณใจกล้ามากขนาดนี้ ถึงขั้นแต๊ะอั๋งผู้ชายริมถนน อา...โลกพัฒนาขึ้น ทำให้ผู้หญิงกล้าแสดงออกมากถึงขนาดนี้เชียวเหรอ แต่ไม่ต้องห่วงนะคุณวิว...” ราเชนทร์ตบไหล่เล็กเบาๆเป็นเชิงให้กำลังใจ “ผมจะไม่อยู่เป็นก้างขวางคอคุณหรอก เชิญตามสบาย ยินดีด้วยนะที่มีผู้ชายที่ยอมรับผู้หญิงพลังควายเช่นคุณได้ ผม...ผมดีใจอย่างสุดซึ้งจริงๆ”    พูดพลางทำท่าปาดน้ำตาเหมือนจะล้อเลียนหญิงสาว จากนั้นก็หันไปก้มศีรษะให้กฤตพลที่ลุกขึ้นปัดฝุ่นออกจากกางเกงตัวเองอยู่

บทก่อนหน้า
บทถัดไป