บทที่ 9 9
“ผมต้องขอโทษแทนน้องชายผมด้วยนะครับ สงสัยหมอนี่จะเมาแล้วเลอะเลือน”
“พี่พูดงี้ได้ไง ผมเสียหายนะ ตามตัวมีแต่รอยถลอก ผมต้องการค่ายา” สุชาติที่ยืนเงียบมานานได้โวยวายขึ้น นี่มันอะไรกัน...เขาได้รับอุบัติเหตุเลยเรียกร้องค่าเสียหาย จากนั้นก็เปลี่ยนฉากเป็นวีรยาทะเลาะกับกฤตพลถึงขั้นท้าต่อยกัน ผ่านไปไม่ถึง10นาทีก็เปลี่ยนฉากใหม่ กลายเป็นว่าวีรยาเป็นเมียของกฤตพลแถมยังพูดเกี้ยวกันต่อหน้าคนอื่นอีก
ชักจะงง...มึน เบลอ !
“แค่เขาไม่ด่านายก็บุญแล้ว ถนนไม่ใช่ของนายคนเดียวนะจะได้ขับรถแบบไม่ประมาทได้เพราะคิดว่าคงไม่มีใครกล้าชนตัวเอง” ราเชนทร์ตำหนิอย่างไม่พอใจ ขณะที่กฤตพลเปิดกระเป๋าใบเล็กแล้วหยิบธนบัตรสีเทาออกมา3ใบ
“ค่าเจ็บตัวคุณครับ”
“เอ่อ คงรับไม่ได้” ราเชนทร์ปฏิเสธด้วยท่าทีอึกอัก เล่นเอาสุชาติถึงกับตวาดแหว
“พี่ไม่รับเงินน่ะถูกแล้ว เพราะคนที่ต้องเป็นฝ่ายรับคือผม ยุ่งจริงๆ น่าเบื่อชะมัด” มือดำๆรีบฉวยคว้าเงินในมือกฤตพลก่อนจะ ขึ้นรถแล้วขับกลับค่ายมวยด้วยท่าทางหัวเสีย
“เอ่อ ขอโทษอีกครั้งครับที่น้องผมเสียมารยาท” ราเชนทร์พูดด้วยหน้าเจื่อนๆก่อนจะฉุดแขนมานิตแล้วเดินกลับ โดยไม่ลืมที่จะหันมาขยิบตาให้วีรยาราวจะส่งซิก
ซิกบ้าซิกบออะไรล่ะ...หล่อนไม่ได้อยากอยู่ตามลำพังกับหมอนี่นะ จะได้ทำทีเป็นเปิดโอกาสให้แบบนี้
หญิงสาวสะบัดหน้าพรืดเมินใส่กฤตพลก่อนจะหันหลังเดินหนีแต่ก็ยังช้ากว่าร่างสูงที่วิ่งมาดักหน้า
“เอ๊ะ...ถอยไปนะไอ้ยักษ์” หล่อนตั้งฉายาให้เขา...ยักษ์คงเหมาะกับกฤตพลที่สุดแล้ว คนอะไรตัวสูงเกือบ 190 เซนติเมตร
“อยากจูบมดตะนอยอ่ะ” เขาตอบกลับ และยังไม่ทันที่หล่อนจะอ้าปากเถียง ต้นแขนนุ่มก็ถูกจับดึงจนอกอวบหยุ่นแนบอกกว้างแกร่ง พร้อมริมฝีปากร้อนๆที่ฉกวูบลงมาประทับจูบเรียวปากอิ่มอย่างดูดดื่ม
วีรยาตัวอ่อน เรียวขาสั่น มือที่เตรียมผลักอกหนาเปลี่ยนเป็นนิ่งเฉยโดยไม่รู้ตัว...นี่หรือคือจูบที่แท้จริง
ความร้อนรุ่มที่แฝงมาด้วยความอ่อนหวานจนตัวหล่อนแทบละลายเป็นขี้ผึ้ง ส่วนลึกในหัวใจร่ำร้องเรียกหาเขา...หาผู้ชายที่ไม่เคยมองเห็นคุณค่าในตัวหล่อน
เพราะคิดได้แบบนี้ ดวงตาที่หรี่ปรือจึงเบิกกว้างขึ้น ทำฮึดฮัดหวังให้เขาถอยห่าง แต่กลับได้ผลตรงกันข้ามเพราะ กฤตพลกลับ รุกประชิดยิ่งขึ้นด้วยการโอบกอดหล่อนแนบแน่น...
หล่อนถูกพันธนาการด้วยอ้อมแขนอบอุ่น ตามด้วยจูบครั้งที่สองที่เขามอบให้...คราวนี้ไร้ความหวานชื่น มีเพียงความแรงร้อนตามอารมณ์ปรารถนาที่เริ่มลุกโชน
“อา...” ชายหนุ่มครางในลำคอเสียงแผ่ว พึงพอใจที่ได้โอบกอดร่างนุ่ม และฉกฉวยจุมพิตจากเมียบังเอิญที่เขาได้มาอย่างไม่ได้ตั้งใจ
หล่อนหอมหวานไปทั้งตัวโดยเฉพาะริมฝีปากบางๆที่เขาคลั่งไคล้
ราวกับว่ารอบกายมีเพียงหล่อนคนเดียวเท่านั้น เขาไม่สนใจอย่างอื่น...ไม่สนแม้กระทั่งหมาจรจัดตัวหนึ่งรูปร่างผอมโซที่เดินย่องเข้ามาทางด้านหลังหญิงสาว
“พะ...พอ พอได้แล้วอีตาบ้า” วีรยาว่าเสียงขุ่นเมื่อเขายอมถอนจูบออก หล่อนทั้งอายทั้งสับสน
ถึงแม้จะรักเขา แต่เขากลับไม่มองเห็นคุณค่า หล่อนจึงไม่คิดจะไปเจอเขาอีก
เพราะเหตุการณ์วาบหวามเมื่อคืนนี้ทำให้หล่อนได้รู้ว่าเขาเป็นผู้ชายที่ไม่น่าเข้าใกล้ ซ้ำยังดูถูกเพศแม่ตัวเองอย่างไม่น่าให้อภัย
เคยคิดว่าอคติที่หล่อนมีจะทำให้หล่อนลืมค่ำคืนที่แสนหวานนั่นได้
แต่กลับไม่เป็นอย่างที่คิดเมื่อมีเหตุให้ต้องเจอกับเขาอีกครั้ง และคราวนี้หล่อนก็โดนเขาดูถูกอีกจนได้
ไม่ได้ดูหมิ่นด้วยคำพูดเหมือนเมื่อเช้า แต่ดูแคลนหล่อนด้วยการจูบ
นี่คงเห็นว่าหล่อนเป็นผู้หญิงง่ายๆที่จะพาขึ้นเตียงด้วยเมื่อไหร่ก็ได้สินะ !
วีรยากัดฟันกรอดรีบดันอกอบอุ่นให้ออกห่าง ก่อนจะถอดนวมออกจากมือทั้งสองข้างแล้วตั้งการ์ดเตรียมพร้อม
ถ้าจะชกหมอนี่ หล่อนอยากชกด้วยมือเปล่าๆโดยที่ไม่ได้ใส่นวม เพราะมันจะสะใจมากกว่า
“ฮะ...เฮ้ ทำอะไรน่ะคุณ” เขาถามเสียงหลง ก่อนขมวดคิ้วมุ่นเมื่อหญิงสาวกระโจนเข้าใส่พร้อมตะเบ็งเสียงลั่น
“ฉันจะฆ่าคุณด้วยมือของฉันเอง จะได้รู้ซะบ้างว่าที่นี่ใครใหญ่ !” กำปั้นเล็กๆยังไม่ทันจะสัมผัสตัวเขา วีรยาก็หวีดร้องออกมาเสียก่อนด้วยความเจ็บปวด
“กรี๊ด ! โอ๊ย !”
“เป็นอะไร ผมยังไม่ทันจะสู้คุณเลยนะ และก็ไม่คิดจะสู้ด้วย” ชายหนุ่มถามอย่างงุนงง ขณะที่วีรยาหน้าเผือดสี มือลดต่ำลงแล้วชี้ไปด้านหลังของตนพลางบอกเสียงตะกุกตะกัก
“มะ หมา หมา หมากัดตูดฉัน”
“ห๊ะ !” กฤตพลลดสายตาลงต่ำ เห็นสุนัขไร้ขน ตามตัวเต็มไปด้วยโรคผิวหนังจนขนหลุดร่วงทั้งตัว แม้ตัวจะเตี้ยแต่มันก็กระโดดงับก้นหญิงสาวถึง
“เฮ้ย ! ไปเดี๋ยวนี้นะ” ชายหนุ่มออกปากไล่ หันไปคว้าไม้หมายจะไล่หมา แต่เหมือนมันจะรู้เท่าทันเพราะรีบวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว
“คุณเป็นไงบ้างเนี่ย” เสียงทุ้มถามอย่างเป็นกังวล โยนไม้ไปทางหนึ่งแล้วจับไหล่กลมกลึงไว้แน่น
“ฉะ...ฉัน ฉัน ฉันเจ็บตูดมากเลย” วีรยาบอกเสียงเครือ เป็น ครั้งแรกที่หล่อนถูกหมากัด เพิ่งรู้พิษสงของเขี้ยวสัตว์ก็วันนี้เอง
“คุณทำใจดีๆไว้นะ ผมจะพาคุณไปหาหมอ”
“รีบพาฉันไปหาหมอเร็วๆสิ ฉันกลัวตายนะ” หล่อนมองอย่างคาดหวังราวเห็นเขาเป็นที่พึ่ง และนั่นก็ทำให้ชายหนุ่มถึงกับยิ้มกริ่ม
“เอาน่า ผมไม่ทิ้งคุณหรอก รีบขึ้นรถผมเร็ว” กฤตพลประคองหญิงสาวขึ้นรถ ก่อนจะพาตัวเองอ้อมไปเปิดประตูเข้าไปนั่งฝั่งคนขับ
