บทที่ 8 ตอนที่ 8
ตอนที่ 8
วายุรีบขึ้นไปเอาเสื้อผ้ากับของใช้ แล้วรีบกลับคอนโด ระหว่างทางกลับเขาแวะซื้อของใช้ผู้หญิงและเสื้อผ้าให้เธออีกสองสามชุด แล้วรีบกลับเพราะนี่มันก็ใกล้เวลาที่เธอจะต้องทานยาอีกแล้ว เมื่อมาถึงคอนโดวายุจึงรีบเข้ามาดูอาการของเธอทันที
"พราว..." เขาเรียกชื่อเธอ หญิงสาวค่อยๆลืมตาขึ้นมาอย่างเชื่องช้า ตามประสาคนป่วย ตอนนี้เธอรู้สึกปวดหัวแล้วก็หนาวมาก
"คุณเป็นยังไงบ้าง" เขาอยากให้เธอรู้สึกตัว ให้ลุกขึ้นมาทานข้าวแล้วจะได้ทานยา เขาวัดไข้เธอด้วยเครื่องมือที่ทันสมัยปรากฏว่าเธอยังมีไข้สูงอยู่
"คุณ..." น้ำเสียงของเธอนั้นแหบแห้งเหลือเกิน
"ยังไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น ลุกไหวมั้ย" เขาพยุงให้เธอลุกขึ้นนั่ง แล้วส่งจานข้าวต้มให้เธอทานเอง
ตอนนี้เธอดูน่าสงสารมากๆ ต้องมาเจอกับเรื่องแย่ๆแบบนี้ ดูจากหน้าตาของเธอแล้วอายุยี่สิบหรือยังก็ไม่รู้
ทางด้านเหนือเมฆ
"พ่อหาพยาบาลให้แกได้แล้วนะ พรุ่งนี้กลับไปนอนเล่นที่บ้านได้" คุณเดชากรแวะมาเยี่ยมลูกชายแต่เช้า แล้วเอาข่าวดีมาบอกด้วย
"ขอบคุณครับคุณพ่อ" เหนือเมฆยิ้มรับ เขาเบื่อที่จะนอนอยู่เฉยๆอย่างนี้เต็มทนแล้ว งานก็ทำไม่ได้ วันๆมีแต่ลูกน้องที่มาคอยดูแล ส่วนคนที่อยากให้มากลับไม่โผล่หน้ามาให้เขาเห็นเลย
"พี่ชายของแกเขาตกลงมาช่วยงานแกแล้วนะ"
"ครับ วันนี้ไม่เห็นพี่เขามาเยี่ยมผมเลย เขาไปไหนเหรอครับ หรือว่ากลับเชียงใหม่ไปแล้ว"
"เมื่อวานเห็นเข้ามาที่บ้านแล้วก็ขอตัวออกไป เห็นว่าจะไปทำธุระน่ะ" คุณเดชากรเล่าไปตามที่เห็น ลูกชายทั้งสองคนของท่าน ก็โตกันหมดแล้ว เรื่องส่วนตัวจะไปไหนมาไหนท่านไม่เคยเข้าไปยุ่ง
สองคนพ่อลูกคุยกันต่ออีกสักพัก ผู้เป็นพ่อก็ต้องกลับไปทำงานต่อแค่แวะมาส่งข่าวให้เท่านั้น เหนือเมฆเลยต้องอยู่คนเดียวไปก่อน อีกสักพักผู้เป็นแม่ถึงจะมาเพราะท่านแวะไปทำธุระนิดหน่อย เมื่อไม่มีใครอยู่แล้ว เหนือเมฆก็คิดถึงเรื่องแฟนสาวของเขาขึ้นมา...เขากับเธอคงจบกันจริงๆแล้วสินะ
ที่จริงเขากับเธอคบกันมาได้สักพัก แค่ลองคบหาดูใจกันก็เท่านั้น ถ้าเธอจะจบความสัมพันธ์ของเราเพียงเท่านี้เขาก็ยินดี เพราะต่อให้ยื้อไว้แต่เธอไม่มีใจให้กันแล้ว อยู่ไปก็เท่านั้น สู้ปล่อยให้เธอไป ตามใจในสิ่งที่เธอต้องการเลยจะดีกว่า
แต่ถึงชายหนุ่มจะคิดได้ มันก็ไม่ได้ทำให้เขาอารมณ์ดีขึ้นมา เขารู้สึกหงุดหงิดทุกครั้งที่คิดถึงเรื่องนี้ รู้สึกว่าเขาเป็นคนที่โดนเธอทิ้ง มันหยามกันชัดๆ แล้วอย่าหวังว่าจะได้กลับมาเป็นเหมือนเดิมเลย เขาไม่มีทางกลับไปหาคนหลายใจแบบนั้นอีกเด็ดขาด
ทางด้านวายุ กับ พริ้งพราว
"คุณจะไปโรงพยาบาลหรือจะให้ผมไปส่งที่บ้าน" ตกเย็นชายหนุ่มเห็นว่าเธออาการดีขึ้นแล้ว เขาจึงถามออกไป เพราะถ้าจะให้เธออยู่กับเขาแบบนี้ต่อ เขาเกรงว่าเธออาจจะไม่ปลอดภัย
"พราวขออยู่ต่อที่นี่อีกสักพักได้มั้ยคะ" คำพูดของเธอทำให้วายุรู้สึกตกใจ
ตอนนี้เธอไม่อยากกลับห้อง ไม่อยากแม้แต่เห็นหน้าเพื่อนที่คิดว่าไว้ใจได้ พริ้งพราวเสียความรู้สึกมาก เพื่อนที่อยู่ด้วยกันมาตั้งนาน ไม่คิดว่าจะทำแบบนี้กับเธอได้ลงคอ
"ชื่อพราวหรือเราน่ะ" วายุถาม เมื่อได้ยินเธอเรียกชื่อตัวเองหลายครั้งแล้ว
"ค่ะ"
"แล้วทำไมไม่กลับบ้าน" หรือว่าเธอจะเป็นเด็กใจแตก จะมาขออยู่กับเขาง่ายๆ แบบนี้ได้ยังไง
"พราวอยู่กับเพื่อนค่ะ" เธอทำหน้าเศร้าๆ
"โทรหาเพื่อน ให้มารับคุณไปโรงพยาบาลดีมั้ย" เขาเสนอ เนื่องจากไม่มีความจำเป็นที่จะต้องให้เธออยู่ต่อ หรือจะต้องเป็นธุระให้เธอขนาดนั้น เท่าที่ทำให้เธอมันก็มากเกินไปแล้ว
"......." พริ้งพราวน้ำตาคลอเมื่อนึกถึงเรื่องคืนนั้นขึ้นมา
"เป็นอะไร...ร้องไห้ทำไม" เขายังไม่ได้ทำอะไรเธอเลยนะ หน้าตายังไม่ถึงยี่สิบอย่างนี้ ยังไม่อยากเสี่ยงติดคุกหรอกนะ
"เพราะเพื่อนของพราว พราวเลยต้องมาอยู่ในสภาพแบบนี้ค่ะ" หญิงสาวพูดออกมาอย่างไม่ปิดบัง ทำให้ชายหนุ่มเข้าใจทันทีว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนน่าจะมาจากเพื่อนของเธอ
"เพื่อนคุณเป็นคนใส่ยาเหรอ" เขาถามเธอด้วยสายตาสงสารจับใจ เมื่อคืนเธอคงทรมานอยู่ไม่น้อย ไหนจะต้องมานอนป่วยแบบนี้อีก
"ค่ะ" เธอพยักหน้าเบาๆรับ
"ถ้างั้นก็อยู่ที่นี่ไปก่อน เรียนจบหรือยัง" เขาคิดว่าเธอน่าจะยังเรียนอยู่เพราะดูจากใบหน้าของเธอแล้ว เหมือนเด็กที่ยังเรียนไม่จบเลย
"ขอบคุณนะคะ" เธอยกมือขึ้นพนมมือไหว้ชายหนุ่มอย่างขอบคุณมากๆ ที่ยอมให้ที่พักกับเธอ ถ้าเธอไม่ได้มาเจอกับเขาคนนี้ ไม่รู้ว่าป่านนี้เธอจะเป็นอย่างไรบ้าง
"ตอนนี้พราวทำงานแล้วค่ะ" ชายหนุ่มพยักหน้ารับทราบ
"อายุเท่าไหร่แล้ว" เขาต้องการรู้อายุของเธอเพราะเขาอาจจะเผลอ ไปทำอะไรไม่ดีกับเธอเข้า แล้วเขาก็ไม่อยากได้ข้อหาพรากผู้เยาว์ด้วย
"ยี่สิบสี่ค่ะ" ห๊ะ!! นี่เธอไม่ใช่เด็กแล้วนี่ เขาอมยิ้มให้กับคำตอบที่ได้
"งั้นกินข้าวแล้วทานยาซะนะ ผมจะออกไปทำธุระ อยู่คนเดียวได้มั้ย"
"คุณจะกลับมากี่โมงคะ" ที่จริงเขาว่าจะกลับไปนอนที่บ้าน เพราะเห็นว่าเธออาการดีขึ้นแล้ว นอนโซฟามันปวดหลัง
"ยังไม่รู้ มีอะไร อยากได้อะไรอีกหรือเปล่า"
"พราวกลัวผี" โธ่เด็กน้อย ตัวเขานี่น่ากลัวกว่าผีอีกยังไม่รู้ตัวอีก
เมื่อพริ้งพราวอาการดีขึ้นเธอจึงโทรไปลางานที่โรงพยาบาล คงไปทำอีกทีวันจันทร์หน้าเลย
วันนี้วายุต้องออกไปซื้อเสื้อผ้าอีกครั้ง เพราะเขาไม่ได้เตรียมชุดทำงานมา คงต้องไปหาซื้อเอาแถวๆ นี้ใช้ไปก่อน
และแล้วเขาก็กลับเข้ามาอีกครั้ง ปรากฏว่าเธอเปิดไฟนอน ไฟสว่างทั่วห้องสงสัยเธอจะกลัวผีจริงๆ
เขาเดินไปที่เตียงนอน เห็นยาแก้ไข้ที่เขาเตรียมไว้ให้ มันหายไป แสดงว่าเธอทานยาที่เขาเตรียมไว้ให้นั้นแล้ว
คุณหมอหนุ่มเดินเข้าห้องน้ำไปอาบน้ำ แล้วกลับออกมาสวมใส่ชุดนอนสบายๆ มองหญิงสาวที่กำลังหลับไม่รู้เรื่องอยู่บนเตียงของเขา เธอดูน่ารักน่าทะนุถนอมเหลือเกิน
แต่ครั้งนี้วายุไม่ยอมนอนที่โซฟาแล้ว เพราะเขานอนมาสองคืนแล้ว มันปวดเนื้อปวดตัวไปหมด เขาเลยแทรกตัวลงไปนอนข้างๆเธอ บนเตียงนอนนุ่มๆ ที่เขาใช้นอนเป็นประจำถ้าได้ลงมาที่กรุงเทพฯ
เขาปิดไฟกลางห้องให้เหลือแต่ไฟที่หัวเตียง แล้วใช้หลังมือวัดอุณหภูมิที่ร่างกายให้เธอ...ตัวเธอไม่ร้อนแล้ว
