บทที่ 9 ตอนที่ 9
ตอนที่ 9
"อื้อ..." หญิงสาวขยับตัวเล็กน้อยเหมือนคนกำลังถูกรบกวน เธอพลิกตัวเข้าหาเขาแล้วซุกใบหน้าลงไปที่หน้าอกของเขาอย่างต้องการไออุ่น
คุณหมอหนุ่มจึงใช้แขนข้างหนึ่งของเขา ให้เธอหนุนแล้วกอดเธอเอาไว้ในอ้อมแขน
ไม่รู้ว่าทำไม เขาถึงรู้สึกอยากปกป้อง อยากดูแล ผู้หญิงคนนี้ ทั้งๆ ที่เขาก็ไม่ได้รู้จักกับเธอมาก่อน ชายหนุ่มนอนมองใบหน้าของเธอภายใต้แสงไฟสลัวๆที่ได้จากโคมไฟ
ความรู้สึกของเขาตอนนี้ที่มีต่อเธออาจจะเป็นเพราะความสงสารก็ได้ เขาอยากจะหาเหตุผลให้กับตัวเองให้มากกว่านี้ แต่ตอนนี้เขายังบอกไม่ได้ว่าความรู้สึกของเขาที่มีต่อเธอตอนนี้มันคือความรู้สึกอะไรกันแน่
ชายหนุ่มเอามือลูบแก้มนวลๆของเธออย่างแผ่วเบา เขาหยิบผมที่ปิดบังใบหน้าของเธอมาทัดหูให้ แล้วก้มลงไปจูบหน้าผากมนของหญิงสาวหนึ่งทีก่อนที่เขาจะหลับตาลง
ตอนนี้ในสมองของเขา คิดว่าจะทำอย่างไรกับผู้หญิงคนนี้ดี เธออายุยี่สิบสี่ทำงานแล้ว เขาลืมถามว่าเธอทำงานที่ไหน มัวแต่ถามเรื่องอื่นอยู่
#เหนือเมฆ
เช้าวันรุ่งขึ้น เหนือเมฆได้กลับไปพักรักษาตัวต่อที่บ้าน โดยมีนางพยาบาลที่ทางโรงพยาบาลจัดหามาให้ ไปคอยดูแลอย่างใกล้ชิด
"คุณหมอ...อาหารมาแล้วค่ะ" พยาบาลคนนี้เป็นผู้หญิงวัยกลางคน ที่ทางโรงพยาบาลจัดหามาให้ เพราะคิดว่าคนมีประสบการณ์น่าจะมาดูแลเจ้านายหนุ่มได้ดีกว่าสาวๆ ที่พึ่งเรียนจบมาใหม่ๆ
"วางไว้ตรงนั้นแหละผมยังไม่หิว" เขาบอกอย่างไม่ใส่ใจปนรำคาญนิดหน่อย
"ได้เวลาทานยาแล้วนะคะ" พยาบาลคนนี้ได้รับคำสั่งมา ให้มาดูแลเจ้านายหนุ่มคนนี้ให้ดีที่สุด เธอจึงอยากทำหน้าที่ของเธอให้ดี
"ออกไปก่อนครับ ผมไม่มีอารมณ์" ถึงคำพูดจะฟังดูดีแต่น้ำเสียงที่ส่งออกไปนั้น คนเป็นลูกน้องถึงกับขนลุก
"แต่..."
"ออกไปก่อน" เสียงกัดฟันของเขาบ่งบอกถึงอารมณ์คนพูดอย่างชัดเจน เขากำลังคุมอารมณ์ของตัวเองไม่ให้เสียงดังใส่พยาบาลที่มาดูแลเขา
ปกติเหนือเมฆก็ไม่ได้เป็นคนอารมณ์ร้ายนักหรอก แต่พอนานวันเข้าอาการหงุดหงิดของเขามันก็เริ่มเพิ่มมากขึ้น จนพยาบาลที่มาเฝ้าไข้เปลี่ยนหน้าเป็นว่าเล่น
“แต่ดิฉัน...”
"โธ่เว้ย...ออกไป!!” ตั้งแต่เหนือเมฆเกิดอุบัติเหตุขาเดินไม่ได้ เขาจะหงุดหงิดแบบนี้เป็นประจำและเริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆจนคนในบ้านที่ผลัดกันมาช่วยดูแล ไม่สามารถเข้าหน้าเขาได้เหมือนเดิม
#วายุ&พริ้งพราว
เช้าวันใหม่
วันนี้วายุต้องตื่นแต่เช้า เพื่อที่จะไปบริหารงานแทนน้องชายชั่วคราว ส่วนทางโรงพยาบาลที่เขาดูแลอยู่คือที่เชียงใหม่ ได้ให้โจเลขาคนสนิทดูงานแทนไปก่อน แต่ก็อาจจะต้องมีขึ้นไปดูเองบ้าง อาจจะอาทิตย์ละหนึ่งครั้ง
ส่วนเช้านี้ เขาตื่นก่อนหญิงสาวที่เขานอนกอดเธอมาทั้งคืน และเขาก็ยังกอดเธออยู่อย่างนั้น ไม่อยากขยับตัวกลัวว่าเธอจะตื่น แต่อาการไข้ ไม่น่ามีอะไรต้องเป็นห่วงแล้ว พักอีกสักวันก็น่าจะหายเป็นปกติดี
"คุณ!!" เธอลืมตาตื่นขึ้นมา เห็นว่าตัวเองอยู่ในอ้อมกอดของชายหนุ่ม แทนที่เขาจะแกล้งหลับ แต่กลับมองไปที่ใบหน้าของเธอแล้วส่งยิ้มให้
"ตื่นแล้วเหรอครับ" เธอจำเขาได้แล้ว ผู้ชายคนนี้คือคนที่เดินชนเธอที่โรงพยาบาลวันนั้น ว่าแล้วหน้าคุ้นๆ แต่สำหรับชายหนุ่มเขาคงจำเธอไม่ได้หรอกเพราะวันนั้นดูเขารีบๆ
"ปล่อยพราวนะคะ" เธอรู้สึกใบหน้าร้อนผ่าวขึ้นมา เขากอดเธอทำไม กอดตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วยังจะรอยยิ้มนี้อีก ตอนนี้หญิงสาวหัวใจเต้นแรงผิดจังหวะ เกิดมาไม่เคยใกล้ชิดกับผู้ชายคนไหนถึงขนาดนี้มาก่อน
ยิ่งมองใกล้ๆ เธอยิ่งรู้สึกว่าเขาหน้าตาดีมากเลย ยิ่งกว่าพระเอกซีรี่ย์เกาหลีที่เธอชอบดูซะอีก
"วันนี้ผมต้องไปทำงานแล้ว" วายุบอก...พร้อมกับปล่อยหญิงสาวออกจากอ้อมกอดของเขาอย่างเสียดาย
"ค่ะ" ใบหน้าของเธอแดงจัดขึ้นมาอีกครั้งด้วยความเขินอายที่เขากอดเธออยู่เมื่อสักครู่
"คุณต้องไปทำงานหรือเปล่า" เขาถาม...
"พราวลางานไว้ถึงวันจันทร์ค่ะ" นับจากวันนี้ก็อีกสามวัน เพราะวันนี้เป็นวันศุกร์ งานของเธอคงหยุดเสาร์อาทิตย์
"หัวใจคุณเต้นแรงมากเลยนะพราว ว่างๆไปโรงพยาบาลให้คุณหมอตรวจบ้างนะ" เขาแซว...เพราะเขาได้ยินเสียงหัวใจของเธอ ที่มันเต้นแรงมากๆ เขายิ้มให้เธออีกครั้งแล้วจึงลุกขึ้นเดินเข้าห้องน้ำไป ทิ้งให้หญิงสาวเขินอายอยู่อย่างนั้นเมื่อรู้ว่าโดนจับได้
เขายังไม่อยากบอกเธอว่าเขาทำงานอะไรและเป็นใคร เพราะมันไม่จำเป็น แต่สำหรับเขา เขาขอรู้จักเธอให้มากกว่านี้ก่อนแล้วถึงจะยอมบอก
หลังจากที่ชายหนุ่มออกจากห้องน้ำมาแล้ว เขาเห็นเธอนั่งอยู่บนเตียง คงจะรอเข้าห้องน้ำต่อจากเขามั้ง
"พราว...ผมอนุญาตให้คุณอยู่ที่นี่ได้ ไม่ต้องเกรงใจผมนะ" นี่เขาพูดอะไรออกไปวะเนี่ย
"จริงเหรอคะ!" เธอทำหน้าตื่นเต้นกับสิ่งที่เขาบอกเมื่อสักครู่
"ครับ...ข้าวของที่อยู่ในห้องกับเพื่อนคุณจะทำยังไง"
"พราวไม่กล้ากลับไป..." เธอตอบหน้าเศร้าอีกแล้ว โกรธก็โกรธ แต่เธอเป็นคนไม่กล้าสู้คน แม้แต่จะสู้หน้าเพื่อนที่นิสัยไม่ดีเธอยังไม่กล้าเลย ป่านนี้ไม่รู้ว่าเพื่อนจะพูดถึงเธอยังไงบ้าง เพราะเธอไม่ได้กลับห้องมาหลายวันแล้ว
"มีอะไรสำคัญหรือเปล่า ผมไปเป็นเพื่อนได้นะ"
"เพื่อนพราวทำงานเข้ากะ อาทิตย์หน้าเธอเข้ากะดึกพราวว่าจะไปเอาของตอนที่เธอไม่อยู่ค่ะ"
"เค้าเป็นคนทำคุณนะ จะไปกลัวเค้าทำไม"
"ช่างเถอะค่ะ ใครทำยังไงก็ได้อย่างนั้น ว่าแต่พราวยังไม่รู้จักชื่อคุณเลย ไม่คิดจะบอกกันบ้างเหรอคะ"
"ผม...วายุภักษ์ครับ ยินดีที่ได้รู้จัก เรียกผมว่าคุณวายุก็ได้" เขาแนะนำตัวอย่างเป็นทางการพร้อมกับส่งยิ้มให้
"ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันนะคะ พราวขอบคุณคุณมากๆ สำหรับทุกอย่างเลยค่ะ" เธออยากขอบคุณเขาจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่เธอโดนยา เรื่องที่เขาให้ที่พักกับเธอ ไหนจะข้าวของเครื่องใช้เสื้อผ้าและของใช้ผู้หญิงอีก ที่เขาหามาให้ ทำไมผู้ชายคนนี้ถึงเป็นคนดีอย่างนี้นะ
เอ๊ะ! เขามีแฟนหรือเปล่า...ถ้ามีเธออาจจะรบกวนเขามากเกินไปแต่เธอก็ไม่กล้าถามคำถามนี้กับเขา เพราะมันดูเป็นส่วนตัวมากเกินไป ถ้าเขามีเขาคงไม่อนุญาตให้เธออยู่ที่นี่หรอกมั้ง
"ถามจริงๆพราวไม่กลัวผมเหรอ ผมเป็นผู้ชายนะ" เขาเลือกที่จะถามเธอออกไปตามตรง อยากรู้ว่าเธอมองเขาเป็นคนแบบไหน แล้วคิดยังไง เราไม่รู้จักกันเลยด้วยซ้ำแต่เธอทำเหมือนไว้ใจเขาขนาดนี้ ขนาดตัวเขาเองยังไม่อยากจะไว้ใจตัวเองเลยด้วยซ้ำ
"ไม่ค่ะ...คุณใจดี ถ้าคุณจะทำอะไรพราว พราวคงไม่รอดตั้งแต่วันนั้นแล้ว จริงมั้ยคะ" แหม...มั่นใจเสียจริงนะสาวน้อย! ชายหนุ่มคิดในใจ ถึงวันนั้นเขาจะไม่ได้ทำอะไรเธอเกินเลยก็จริง แต่เขาก็ได้กำไรมาไม่น้อย
"ผมอาจจะไม่ได้ใจดีอย่างที่พราวคิดก็ได้นะครับ"
"พราวขอตัวเข้าห้องน้ำก่อนนะคะ" เธอตัดบทไม่พูดเรื่องนี้ต่อ จากนั้นเธอก็เดินเข้าห้องน้ำไป อุปกรณ์ของใช้ วายุซื้อมาให้เธอครบทุกอย่าง จนหญิงสาวรู้สึกดีกับเขาอย่างบอกไม่ถูก
เมื่อชายหนุ่มกำลังจะออกไปทำงาน เขาหันมาถามเธอว่า...
"พราว...คุณทำอาหารเป็นมั้ย"
"เป็นค่ะ ทำไมเหรอคะ"
"ผมซื้ออาหารสดใส่ตู้เย็นไว้ให้ คุณเลือกเอาออกมาทำตามสบายเลยนะ ไม่ต้องเกรงใจ"
"ขอบคุณนะคะ พราวรู้สึกเกรงใจคุณจังเลย"
"ถ้าเกรงใจ เย็นนี้ผมกลับมาถึงประมาณห้าโมง ทำอาหารไว้รอนะ ผมจะกลับมาทานด้วย" เขาบอกเธอด้วยรอยยิ้ม ผู้ชายคนนี้ทำไมยิ้มเก่งจัง แถมยังใจดีอีกด้วย พริ้งพราวรู้สึกแบบนี้จริงๆ
"ได้สิคะ พราวจะรอทานพร้อมคุณนะคะ"
"ครับ ผมไปทำงานก่อนนะ" และแล้วชายหนุ่มก็ออกไปทำงาน ส่วนพริ้งพราวเธอเดินไปเปิดตู้เย็นดู ว่าเขาซื้ออะไรไว้ให้เธอบ้าง
"โอ้โห...ทำไมมันเยอะอย่างนี้เนี่ย" พริ้งพราวเห็นอาหารในตู้เย็นที่ชายหนุ่มหาซื้อมาใส่ไว้ให้ถึงกับตกใจ เพราะมันเยอะมาก ถ้าตามลำพังเธอคนเดียวคงอยู่ได้เป็นเดือน
พริ้งพราวทำอาหารพอกินได้ ถึงมันจะอร่อยไม่มากแต่ก็ไม่ได้ขี้เหร่ เธอจัดการทำอาหารแบบง่ายๆทานคนเดียว แล้วจึงหันไปหยิบมือถือมาเล่นเกม ดูโน่นดูนี่ไปเรื่อยๆตามประสาคนไม่มีอะไรทำ
