อภิธานาธิบดี

เด็กสาวตื่นขึ้นจากการหลับใหลที่ไม่สงบซึ่งเต็มไปด้วยฝันร้าย ร่างกายชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อราวกับนักกีฬาที่วิ่งมาราธอนในโอลิมปิก เธอหวาดกลัว สับสน และรู้สึกอยากกรีดร้องขอความช่วยเหลืออย่างสุดกลั้น

เธอรู้สึกแปลกประหลาด เป็นความรู้สึกแปลกในทางที่ไม่ดี ราวกับว่ากำลังถูกจับตามอง

เธอสัมผัสได้ถึงตัวตนอื่นในห้อง มันให้ความรู้สึกเย็นเยียบและอ้างว้าง

ร่างกายของเธอร้อนรุ่มดั่งไฟ ตรงข้ามกับความรู้สึกเย็นยะเยือกภายในห้องที่สลัวราง เธอสะบัดผ้าห่มที่คลุมกายออกแล้วพยายามลุกขึ้นยืนจากเตียง แต่แขนขากลับไร้เรี่ยวแรง ทำให้เธอล้มฟุบกลับลงไปบนเตียงดังเดิม เธออ่อนแอราวกับลูกแมวตัวน้อย ร่างกายล่องลอยอย่างงุ่มง่ามในอากาศ และไม่มีเสียงหัวใจที่เต้นตุบตับเพื่อยืนยันว่าเธอยังมีชีวิตอยู่หรือตายไปแล้ว แม้ว่าในใจจะตื่นตระหนกและความคิดจะวิ่งวนสับสนอลหม่านก็ตาม

เด็กสาวมองไปยังโต๊ะข้างเตียงและยอมจำนนต่อแรงกระตุ้นที่รบเร้าให้กรีดร้องในที่สุด แม้แต่เสียงที่เปล่งออกมาก็ยังแผ่วเบา แต่มันก็ดังพอที่จะเรียกความสนใจจากหญิงชราผู้มีดวงตาหลักแหลมและผิวหนังเหี่ยวย่นได้

“ใจเย็นๆ เด็กน้อย เจ้าต้องผ่อนคลาย” นางเอ่ยเสียงทุ้มนุ่มกับเด็กสาวขณะเคลื่อนตัวมาที่เตียงอย่างช้าๆ โดยทิ้งน้ำหนักตัวลงบนไม้เท้า

ผมเดรดล็อกสีเทาขาวโพลนเป็นเครื่องยืนยันถึงอายุขัยของนาง ปอยผมสีเทายาวสยายเลยเอวลงไปจนถึงหัวเข่า ขับเน้นให้ผิวที่ซีดเผือดและเหี่ยวย่นของนางดูเด่นชัดยิ่งขึ้น

นางยื่นมืออันสั่นเทาออกไปสัมผัสหน้าผากของเด็กสาว พลางกุมมือที่สั่นระริกของเด็กสาวไว้ในมือข้างหนึ่งของนางที่เต็มไปด้วยจุดด่างดำแห่งวัยและหยาบกร้าน

เด็กสาวจ้องมองเข้าไปในดวงตาสีดำของหญิงชรา มันดำมืดดั่งความตาย เป็นห้วงลึกไร้ก้นบึ้งแห่งประสบการณ์และความลับ ทั้งเชื้อเชิญให้เธอมองลึกลงไปในสิ่งที่มันรู้ แต่ในขณะเดียวกันก็เตือนให้ถอยห่างจากสิ่งที่เธออาจจะได้พบ ดวงตาของนางบอกเล่าเรื่องราวว่านางแก่กล้าด้วยประสบการณ์เพียงใด

นางมองไปรอบห้องและสายตาจับจ้องอยู่ที่หลังประตูชั่วครู่ เด็กสาวมองตามสายตาของนางไปและรู้สึกถึงความเย็นเยียบของห้องแล่นปราดขึ้นมาตามแนวกระดูกสันหลังจนขนลุกซู่

“หนูเป็นอะไรไปคะ” ในที่สุดเด็กสาวก็รวบรวมความกล้าถามออกไปด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา แม้จะรู้สึกแสบร้อนในลำคอราวกับไฟแผดเผา ราวกับล่วงรู้ถึงสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นกับร่างกายของเด็กสาว หญิงชราจึงเอื้อมมือไปหยิบถ้วยน้ำที่วางอยู่ข้างเตียง

นางจ่อถ้วยน้ำเข้ากับริมฝีปากที่แห้งผากของเด็กสาว และเธอก็ดื่มน้ำอย่างกระหาย รับเอาน้ำทุกหยาดหยดที่ช่วยฟื้นกำลังราวกับว่าการดำรงอยู่ของเธอขึ้นอยู่กับมัน

“เจ้ากำลังเข้าสู่ ‘การตื่นขึ้น’ เด็กน้อย”

มันไม่ใช่แค่การตื่นนอนธรรมดา แต่เหมือนเป็นการ ‘ตื่น’ ที่โหดร้ายทารุณมากกว่า เด็กสาวมีคำถามมากมาย เริ่มต้นจากนาฬิกาข้างเตียง

“วันนี้วันอะไรคะ” เธอมองกลับไปที่นาฬิกาซึ่งมุมซ้ายแสดงวันที่ ไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้า

“วันจันทร์”

“ไม่จริง...” เธอไม่อยากจะเชื่อ

เธอนอนหลับไปสี่วันเต็ม!

สิ่งสุดท้ายที่เธอจำได้คือการเข้านอนในคืนวันพฤหัสบดีหลังจากปวดท้องประจำเดือนอย่างรุนแรง—หรืออย่างน้อยเธอก็คิดเช่นนั้น แต่แล้วเธอก็มาอยู่ที่นี่ในวันจันทร์โดยไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับวันศุกร์ เสาร์ หรืออาทิตย์เลย

“ข้ารู้ว่าเจ้ามีคำถาม แต่เจ้าควรสงบสติอารมณ์ลงก่อนที่ข้าจะตอบ” หญิงชรากล่าวอย่างปลอบโยนเมื่อเห็นแววตาที่ตื่นตระหนกสับสนของเด็กสาว

“หนู...” ถ้อยคำขาดหายไปขณะที่เธอพูดติดอ่างอย่างไม่มีเหตุผล เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่ากำลังจะพูดอะไร

ความรู้สึกร้อนรุ่มในร่างกายกลับมาพร้อมกับความเจ็บปวดแปลบปลาบ ทำให้เธออยากจะถอดชุดนอนทิ้ง

หญิงชราขยับเข้ามาข้างๆ อ่านความคิดของเธอได้อีกครั้ง และลงมือช่วยเธอถอดเสื้อผ้าออก

แขนขาของเธอไร้ประโยชน์โดยสิ้นเชิง

เธอมองลงไปยังร่างเปลือยเปล่าของตนเอง มันคือร่างกายของเธอ ตั้งแต่นิ้วโป้งเท้าขวาที่คดงอไปจนถึงปานที่กระจายอยู่บนต้นขาที่ซีดเผือด

แต่เธอกลับไม่รู้สึกว่ามันเป็นของตัวเองอีกต่อไป

“คุณยายคะ หนูเป็นอะไรไป” เธอถามอีกครั้ง ไม่มีเรี่ยวแรงพอจะหยุดยั้งความคิดที่หมุนวนอยู่ในหัว

เธอคงยังไม่ตายใช่ไหม

แล้วคนประหลาดอย่างเธอจะรู้ได้อย่างไรว่าตัวเองตายแล้ว

“ไม่มีอะไรผิดปกติหรอก เด็กน้อยสุดที่รักของข้า เจ้าเพียงแค่ได้รับ ‘สาร’ ฉบับแรกหลังจากการตื่นขึ้นของเจ้า”

คำนั้นอีกแล้ว และหญิงชรากำลังพูดเรื่องสารอะไรกัน

เธอหวังว่าตัวเองจะรู้สึกได้ถึงเสียงหัวใจที่เต้นตุบตับหรือชีพจรที่เต้นรัว อะไรก็ได้ที่จะบอกว่าเธอยังไม่ตาย การมีอยู่ของหญิงชราไม่ได้ช่วยอะไรเธอเลย เพราะสภาพของนางเองก็เหมือนใกล้จะลงโลงอยู่แล้ว

เธอต้องการคำตอบสำหรับคำถามที่เธอเองก็ยังไม่รู้ด้วยซ้ำ

ด้วยมือที่สั่นเทาตามวัยชรา นางจึงหาผ้ามาคลุมร่างเปลือยของเด็กสาวแล้วขยับไปนั่งข้างๆ เริ่มเล่ารายละเอียด... รายละเอียดอันน่าสะเทือนใจที่จะเปลี่ยนชีวิตของเด็กสาวไปตลอดกาล

บทถัดไป