บทที่ 3 แก้แค้น

คฤหาสน์จักราวุธ

“คุณพ่อคะ เห็นข่าวที่ลุงกำพลฆ่าตัวตายหรือยังคะ มันเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า หรือว่าแค่ข่าวลือที่พวกในเน็ตมันเต้าข่าวขึ้นมาคะ” กุหลาบแก้วสีหน้าสลดลง เธอวางมือถือลงไปกับโต๊ะพร้อมกับชี้ให้ท่านดูข่าวที่กำลังปรากฏอยู่ในนั้น

“มันทำตัวของมันเอง” เสี่ยอิทธิพลเลือกใช้คำพูดแบบนี้

ท่านนั่งตาแดงพร้อมกับพ่นลมหายใจออกมาแรง ๆ

“คุณพ่อคะ เราไม่ได้ทำเกินไปใช่ไหมคะ” หญิงสาวยังมีคำถามติดอยู่ในใจตั้งแต่ศาลตัดสินให้คดีเป็นที่สิ้นสุด เธอนั่งลงไปข้าง ๆ คุณพ่อที่สีหน้าเคร่งเครียด

“นิ้งก็รู้ว่าหลักฐานมันแน่นหนา ศาลท่านก็เห็นต้องกับเรา เราชนะคดีนะลูก มันเป็นเรื่องของธุรกิจ ไอ้โต๊ะมันโกงเราไป มันก็ต้องยอมรับ มันเป็นเรื่องที่ยอมความกันไม่ได้หรอก อีกอย่าง เรื่องมันผ่านมาแล้ว ทุกอย่างคือ... จบ”

“แล้วเราจะต้องทำยังไงต่อไปคะ เรื่องเรียกร้องจัดการให้ฝ่ายนั้นจ่ายมา หรือบังคับให้เป็นไปตามคำสั่งของศาล มันน่ายุ่งยากมาก ๆ เหมือนกันนะคะ”

“นิ้งไม่ต้องรออะไรทั้งนั้นลูก เรื่องแบบนี้เรารอไม่ได้ ต้องรีบดำเนินการ และจัดการทุกอย่างให้จบให้เร็วที่สุด พ่อไม่อยากให้คาราคาซังอีกแล้ว เดินหน้าเลยลูก ให้วิษรุจช่วยด้วยอีกแรง”

“ค่ะ” หญิงสาวรับคำ

เสี่ยอิทธิพลขอตัว บ่นว่าปวดหัว เขาก็คงรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่เหมือนกันที่เรื่องราวมันจบลงแบบนี้ กำพลฆ่าตัวตายตัดช่องน้อยแต่พอตัว หนีไปใช้ชีวิตหลังม่านสีดำเสียแล้ว

ใบหน้าของอิทธิพลหม่นเศร้าอย่างเห็นได้ชัด แต่มันเป็นเรื่องที่จะแก้ไขไม่ได้อีกแล้ว

กุหลาบแก้วมองตามหลังคุณพ่อไป เธอเข้าใจเขาดีที่สุด ท่านคงเสียใจอยู่ไม่น้อย เพราะทั้งสองเป็นเพื่อนรักกันมาก่อน เธอยกมือถือขึ้นมากดหาใครบางคน

“พี่รุจคะ ว่างไหมคะ นิ้งมีเรื่องงานจะปรึกษา”

“ได้สิครับ เจอกันที่ไหนครับ”

สามเดือนต่อมา

บนเวทีที่งานเลี้ยงประจำปีของบริษัทอิทธิพลอินโนเวชันจำกัด

“ยินดีต้อนรับแขกผู้มีเกียรติทุกท่าน กระผมยินดีเป็นอย่างมากที่บริษัทของเราเดินหน้ามาไกลได้ถึงเพียงนี้ และที่น่ายินดีเป็นที่สุด คือ ผลประกอบการของบริษัทเป็นไปได้ตามเป้าหมายและมากกว่าที่คาดการเอาไว้ถึงสามสิบเปอร์เซ็นต์ทั้งนี้และทั้งนั้นต้องขอขอบคุณผู้บริหารทุกท่านและพนักงานทุกคนที่ร่วมมือร่วมใจกันเป็นหนึ่งเดียว ทำให้ผลสัมฤทธิ์ที่เกิดขึ้นมากเกินความคาดหวัง และสร้างความสำเร็จให้กับองค์กรของเราได้อย่างมากมาย...

มีอีกเรื่องหนึ่งที่น่ายินดีที่สุดสำหรับพวกเราในไตรมาสที่สองนี้ บริษัทของเราสามารถเรียกร้องสิทธิ์และสะสางปัญหาเก่าเก็บมาได้มากถึงหนึ่งพันเจ็ดร้อยล้านบาท เรื่องนี้จะไม่เกิดผลลัพธ์ดี ๆ ขึ้นมาอย่างแน่นอน หากไม่ได้ลูกสาวของผม ซึ่งเธอเป็นความภาคภูมิใจของผมที่สุด กุหลาบแก้ว จักราวุธ”

คุณอิทธิพลผายมือของเขาไปยังลูกสาวคนสวยที่ลุกขึ้นยืนจากที่นั่งอย่างสง่า เธอหันทั้งตัวไปโค้งคำนับให้กับทุกคนด้วยความนอบน้อม ใบหน้าที่สวยวับฉาบไปด้วยรอยยิ้มแห่งความยินดี

พนักงานและแขกผู้มีเกียรติต่างพากันปรบมือให้เสียงดังเซ็งแซ่ และมีบางคนถึงกับเอ่ยปากชื่นชมในความสวยสง่าของเธอด้วย

“กุหลาบแก้วลูกสาวของผม เธอเป็นทนายความที่เก่งที่สุด หาตัวจับยาก ในตอนนี้ กุหลาบแก้วและทีมงานทนายความทั้งหมดได้ช่วยกันในเรื่องของเอกสารและรวบรวมหลักฐานต่าง ๆ ได้อย่างรอบคอบ จนทำให้บริษัทของเราเรียกร้องความเสียหายที่เคยเกิดกลับคืนมาได้เกือบทั้งหมด ขอเสียงปรบมือดัง ๆ ให้กับทนายความคนเก่งของเราอีกครั้งหนึ่งนะครับ ลูกสาวของผมเองครับ”

เสี่ยอิทธิพลพูดขึ้นด้วยความภาคภูมิใจในตัวลูกสาวคนเดียวของเขา

วิษรุจ ทนายรุ่นพี่ และเป็นคู่หูของเธอ ลุกขึ้นยืนเคียงข้าง สองคนสบตากันและมีแววยินดีปรีดาอยู่ในแววตาของทั้งคู่

ในอีกมุมหนึ่งของห้อง สายตาที่เต็มไปด้วยความร้อนรุ่มที่สุมอยู่ในหัวอก ชายหนุ่มจ้องมองใบหน้าของสองพ่อลูกด้วยความเกลียดชัง เหมือนจะให้มันฝังแน่นอยู่ในนั้นไม่มีวันจาง

พวกแกจะได้หน้าชื่นตาบานแบบนี้ไปอีกไม่นานหรอก เขาระเบิดความในใจออกมา

“คุณพ่อคะนิ้งขอตัวกลับก่อนนะคะ เห็นคุณพ่อกำลังสนุกอยู่เลย”

เสี่ยอิทธิพลถือแก้วไวน์อยู่ในมือ กำลังทักทายแขกผู้หลักผู้ใหญ่ไปเรื่อย ๆ

“อ้าว... นิ้งจะรีบไปไหนรึลูก”

“คุณพ่อคะ ลืมแล้วหรือคะ พรุ่งนี้หนูต้องไปเที่ยวยุโรปนะคะ” เธอบอกเรื่องตาราง         ทริปท่องเที่ยวยุโรปสามเดือนกับท่านล่วงหน้าแล้ว หากทำคดีของเสี่ยกำพลจบ เธอขอเวลาเป็นส่วนตัวและท่านก็อนุญาต

“พ่อไม่ลืมหรอกลูก แล้วหนูจะให้ใครขับรถไปส่ง ฮึ”

“ไม่ต้องเป็นห่วงค่ะ ไว้เจอกันอีกสามเดือนนะคะคุณพ่อ”

เธอเอ่ยปากลาคุณพ่อตรงนั้น พร้อมกับหอมแก้มของท่านฟอดใหญ่

ท่านได้แต่พยักหน้า ยิ้มปากกว้าง

“เที่ยวให้สนุกนะลูก”

“ค่ะ บ๊ายบายนะคะพ่อ” หญิงสาวโบกมือลา

เสี่ยอิทธิพลส่งยิ้มล่ำลา แล้วเดินกลับเข้าไปพูดคุยกับแขกต่อ

หญิงสาวก้าวขาด้วยความลำบากเพราะกระโปรงที่ยาวกรุยกรายและค่อนข้างแคบ มุ่งหน้าตรงไปยังลิฟต์เพื่อไปยังลานจอดรถที่อยู่ชั้นใต้ดินของโรงแรมแห่งนี้ เธอเดินไปอย่างช้า ๆ ไม่ได้รีบเร่งอะไร ตอนนี้ในหัวก็รู้สึกมึน ๆ นิดหน่อย เพราะดื่มไวน์เข้าไปหลายแก้ว เธอหยุดยืนข้างรถของตัวเอง ใช้มือควานหากุญแจรถออกมาจากกระเป๋าถือใบน้อย ๆ นั้น

ขณะที่กำลังกดเปิดรถ

“อุ๊บ...” มีเสียงอุทานออกมาจากปากของเธอ

บทก่อนหน้า
บทถัดไป