บทที่สี่

มุมมองของลูเซียน

“ได้โปรดเถอะครับ อัลฟ่าลูเซียน!” นั่นคือคำพูดสุดท้ายที่มันกรีดร้องออกมาก่อนที่ข้าจะซัดหมัดสุดท้ายบดขยี้ศีรษะของมันจนแหลกละเอียด

วินาทีต่อมา เกเบรียลก้าวถอยหลังอย่างใจเย็นขณะที่เศษสมองและอวัยวะในหัวของมันระเบิดกระจาย ข้าถอยออกมาด้วยสีหน้ารังเกียจเต็มทน มองดูร่างของเจ้านอกคอกที่บัดนี้ไร้หัว โงนเงนอยู่บนเข่าอย่างหมดหนทาง ก่อนจะล้มฟุบลงกับพื้น

“จัดการเผาร่างมันซะ แล้วส่งเถ้ากระดูกไปให้อัลฟ่าของพวกมันในกล่องของขวัญสวยๆ” ข้ายกยิ้มมุมปาก พลางเช็ดเลือดออกจากคาง ขณะที่ยามในห้องแบกร่างไร้หัวของชายคนนั้นขึ้นพาดบ่า “ไอ้สารเลวนั่นจะได้คิดให้ดีก่อนจะส่งสายลับมาชอนไชในฝูงของข้าอีก ครั้งหน้า ข้าจะไปเด็ดหัวเมทของมันมาแทน”

“ขอรับ อัลฟ่า” ยามโค้งคำนับก่อนจะเดินออกจากห้องไป

ดวงตาสีเลือดของข้ากลับคืนสู่สีทองตามปกติ และกรงเล็บก็หดกลับเข้าไปในมือ ทันทีที่แกมม่าของข้า เกเบรียล ยื่นผ้าขนหนูมาให้เพื่อเช็ดแขนและลำคอที่เปรอะเปื้อนเลือดของเจ้านอกคอก

“บ้าเอ๊ย” ข้าโยนผ้าขนหนูลงพื้น “ข้าจะไปอาบน้ำ”

“ท่านจะไม่รอต้อนรับลูกสาวของอัลฟ่าหรือขอรับ ตอนนี้ลูคัสกำลังเดินทางมาพร้อมกับ…”

“เขารู้ว่าต้องทำอะไร เจ้าไม่ต้องกังวลไปหรอก เกเบรียล แล้วก็... ขอแก้ความเข้าใจหน่อยนะ” ข้าหยุดที่ประตูแล้วหันกลับไปมองเขานิดหน่อย รอยยิ้มของข้าเผยให้เห็นเขี้ยวอันแหลมคม “ตราบใดที่นางย่างเท้าเข้ามาในฝูงนี้ นางก็สิ้นสุดสถานะการเป็นลูกสาวของอัลฟ่า อันที่จริง นางไม่มีตำแหน่งอื่นใดนอกจากแม่พันธุ์ตามที่ระบุไว้ในสัญญา และนั่นคือตัวตนของนาง เข้าใจไหม”

ข้ามองเห็นความหวาดหวั่นฉายวาบในดวงตาของเขาเมื่อเห็นเขี้ยวของข้าขณะที่เขาก้มศีรษะลง “ขอรับ อัลฟ่า”

ข้าเลียริมฝีปากเมื่อนึกถึงการมีผู้หญิงในอ้อมแขนเพื่อค้างคืนด้วยหลังจากวันที่แสนเคร่งเครียด ข้าแทบจะรู้สึกได้ถึงมือตัวเองที่บีบรอบคอของนางราวกับคีมเหล็ก ขณะที่ข้าบังคับให้นางรับท่อนเอ็นของข้าเข้าไปอย่างเด็กดี หวังว่าข้าจะไม่เสียการควบคุมหมาป่าในตัวแล้วฆ่านางทิ้งเสียก่อนที่นางจะทำให้ข้าพอใจในคืนนี้

“คืนนี้ข้าจะยุ่ง เพราะฉะนั้นไม่ว่าข้าจะมีตารางงานอะไร ให้เลื่อนไปเป็นพรุ่งนี้เช้าทั้งหมด”

“ขอรับ อัลฟ่า”

พูดจบข้าก็หันหลังเดินจากไป

ข้ายังคงเดือดดาลกับเรื่องเมื่อครู่ แต่เมื่อรู้ว่ามีค่ำคืนที่น่าตั้งตารออยู่เบื้องหน้า ข้าจึงปัดความโกรธนั้นทิ้งไปก่อน

ไอน้ำบางส่วนลอยเข้ามาในห้องขณะที่ข้าเดินออกจากห้องน้ำโดยมีเพียงผ้าขนหนูพันรอบเอว ก็ได้ยินเสียงเคาะประตู จากจุดที่ข้ายืนอยู่ กลิ่นวานิลลาหอมหวานยั่วน้ำลายก็แทรกซึมเข้ามาในโพรงจมูก ส่วนล่างของข้าร้อนรุ่มไปด้วยความปรารถนา ดวงตาของข้าสลับเปลี่ยนระหว่างสีแดงกับสีทองอย่างควบคุมไม่ได้

นางนั่นเอง

เมทของข้า

แม่พันธุ์

“เข้ามา” ข้าคำรามเสียงห้าว และเมื่อสิ้นเสียงคำสั่ง ข้าก็มองเห็นผู้หญิงคนหนึ่งผลักประตูเข้ามาก่อนจะก้าวเข้ามาอย่างลังเล ดวงตาของนางจับจ้องอยู่ที่พื้น ตัวสั่นอย่างเห็นได้ชัด ราวกับเพิ่งเดินเข้ามาในทุ่งกับระเบิด

ผู้หญิงคนนี้คงจะสูงกว่าหมาป่าตัวเมียส่วนใหญ่โดยเฉลี่ย แต่เมื่อเทียบกับความสูงของข้าแล้ว นางกลับดูตัวเล็กไปถนัดตา ทว่าสะโพกของนางกลับตรงกันข้าม มันผายกว้างและดูอวบอิ่มน่าลิ้มลอง ข้ารู้สึกคันไม้คันมืออยากจะคว้ามันไว้ หน้าอกของนางใหญ่และตั้งชูชัน และจากจุดที่ข้ายืนอยู่ ดวงตาของข้าก็เป็นประกายเมื่อเห็นยอดถันสีลูกพีชของนางที่แข็งเป็นไตและดูน่าอร่อย

ผิวของนางขาวเนียนไร้ที่ติ และนางมีผมสีดำขลับที่ทิ้งตัวเป็นลอนสลวยลงมาถึงเอว แบบที่ข้าชอบพอดิบพอดี

ข้าตวัดสายตาขึ้นเมื่อตระหนักว่านางยังไม่ได้ปิดประตู ข้าถอนหายใจเบาๆ แล้วเคลื่อนตัวไปที่ประตูอย่างรวดเร็วก่อนจะปิดมันลง

นางคงไม่ทันสังเกตตอนที่ข้าพุ่งผ่านตัวนางไปปิดประตู แต่ดูเหมือนนางจะมีปฏิกิริยาแปลกๆ เมื่อได้ยินเสียงประตูปิดลงด้านหลัง

แทนนางจะกระโดดหนีจากประตู นางกลับกระโจนเข้าหาต้นเสียงที่ทำให้ประตูนั้นปิดลง ซึ่งก็คือข้า

ร่างกายของนางสัมผัสกับข้าแวบหนึ่ง ปลุกความหิวกระหายที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ขึ้นมาในตัวข้า ก่อนที่นางจะหันกลับมา และข้าก็ได้สบกับดวงตาสีเขียวมรกตที่งดงามที่สุดเท่าที่เคยเห็นมา

ทว่าบัดนี้ดวงตาคู่นั้นกลับเบิกกว้างและแข็งทื่อราวกับถูกสาปเมื่อสบเข้ากับตาของข้า ก่อนที่นางจะถอยห่างออกไปพลางมองมาอย่างระแวดระวัง

ข้าเห็นความหวาดกลัวในแววตาของนางและเหยียดยิ้มอย่างพึงพอใจ ข้าดำรงอยู่ได้ด้วยการเสพความกลัวของผู้คน และกลิ่นกายของนางก็ช่างอบอวลไปด้วยความรู้สึกนั้น

ข้าสูดลมหายใจเข้าช้าๆ อีกครั้ง พลางทอดสายตาไล่ลงไปตามเรือนร่างของนาง สำรวจตั้งแต่ทรวงอกอวบอิ่มที่ตั้งชัน เอวคอดกิ่ว สะโพกผาย ไปจนถึงเรียวขาที่เหยียดตรง ก่อนจะตวัดสายตากลับขึ้นไปมองใบหน้าของนางอีกครั้ง

“ไม่เลว” ข้าเอ่ยชมอย่างพึงพอใจ แววตาฉายแววขบขัน

“ถอดเสื้อผ้าซะ!” น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยอำนาจของข้าทำให้นางตัวสั่นสะท้าน นางถอยหลังไปอีกก้าว แต่ข้าขมวดคิ้วมุ่นเมื่อเห็นนางมีเพียงท่าทีลังเลแต่กลับไม่ขยับตัวทำตามคำสั่ง

ความอดรนทนไม่ได้พลุ่งพล่านอยู่ในสายเลือด ข้าสาวเท้าเข้าประชิดตัวก่อนจะบีบคางของนางอย่างแรง บังคับให้ดวงตาของนางจ้องลึกเข้ามาในตาของข้า ในที่สุดข้าก็ได้เห็นอารมณ์ที่ซุกซ่อนอยู่ภายใต้ ทั้งความเกลียดชังและโกรธแค้น และมันกลับยิ่งกระตุ้นให้ข้าตื่นเต้นมากขึ้นไปอีก

หากเป็นคนอื่น ข้าคงควักลูกตาของพวกมันออกมาแล้ว แต่การถูกจ้องมองด้วยความเกลียดชังจากดวงตาสีเขียวมรกตเจิดจรัสราวกับอัญมณีคู่นั้น กลับทำให้ข้าหลงใหลยิ่งกว่า

“ข้ามั่นใจว่าพวกสาวใช้คงบอกเจ้าแล้วว่าข้าจะเป็นอย่างไรเมื่อต้องพูดซ้ำสอง พวกที่กำลังจะอดตายอยู่ในคุกใต้ดินน่าจะเป็นคนที่บอกเรื่องนี้กับเจ้าได้ดีกว่า” ข้าสะบัดมือนางออกอย่างแรงและมองดูนางล้มลงบนเตียงอย่างสมใจ ทรวงอกของนางกระเพื่อมไหวอย่างหนักก่อนที่นางจะลุกขึ้นนั่ง เส้นผมปรกลงมาปิดใบหน้าและดวงตาขณะที่นางจ้องข้าเขม็ง

แต่ข้าเห็นได้ว่าความกลัวที่ฝังลึกทำให้นางไม่กล้าต่อปากต่อคำกับข้า

“ข้าจะพูดแค่ครั้งนี้ครั้งเดียว เพราะข้าอยากจะอัดหีของเจ้าใจจะขาด ถ้ารู้ว่าอะไรดีต่อตัวเอง ก็อย่าทำให้ข้าโมโห... เจ้าหญิง”

“ข้าชื่อ… อ๊ะ!” ข้ารวบผมของนางขึ้นเป็นหางม้าแล้วกระชากขึ้น จนนางต้องชันเข่าขึ้นบนเตียง หันหน้ามาหาข้า ใบหน้าบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด

“ข้าสนหรือว่าเจ้าชื่ออะไร? ชื่อเดียวที่เราสองคนจำเป็นต้องรู้คือลูเซียน เพราะนั่นคือชื่อเดียวที่เจ้าจะกรีดร้องตลอดคืนนี้... เข้าใจไหม?”

นางคำรามในลำคอ ได้แต่ดึงมือของข้าที่กำผมของนางไว้ ใบหน้าเคร่งขรึมจากการขมวดคิ้ว

ข้ากำผมของนางแน่นขึ้นอีก และนางก็ร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด

“เจ้ากำลังทำให้ข้าต้องพูดซ้ำนะ เจ้าหญิง”

“ข้าเข้าใจแล้ว…”

ข้าจ้องนางเขม็ง และนางก็สบถในใจก่อนจะเอ่ยชื่อออกมาลอดไรฟัน “ลูเซียน”

“ดี... เราเริ่มมีพัฒนาการที่ดีแล้ว” ข้าปล่อยมือจากผมนาง “ทีนี้ก็ถอดเสื้อผ้าซะ เจ้าหญิง”

นางแยกเขี้ยวอย่างไม่พอใจก่อนจะใช้มือที่สั่นเทาค่อยๆ ปลดชุดของตน ในไม่กี่วินาที ชุดก็ร่วงลงไปกองอยู่รอบหัวเข่า และดวงตาของข้าก็เป็นประกายด้วยความชื่นชมในทรวงอกอวบกลมที่ตั้งชัน ยอดถันสีลูกพีชราวกับกำลังจ้องมองมาที่ข้า

ข้าเกลียดกลิ่นวานิลลา แต่กลิ่นที่มาจากตัวนางช่างหอมหวานและแปลกประหลาด... เย้ายวนจนมิอาจต้านทาน ข้าอยากจะลิ้มลองรสชาติของนางนัก ว่าจะหอมหวานเหมือนกลิ่นกายหรือไม่

ข้ามองสีหน้าของนางที่เปลี่ยนเป็นเขินอายขณะหลบสายตาข้า และมันก็ชัดเจนแล้วว่าทำไมนางถึงลังเลในตอนแรก

“อ๊ะ!” นางร้องลั่นเมื่อข้าผลักนางให้หงายหลังลงบนเตียง คร่อมทับร่างของนางไว้ ใช้มือข้างหนึ่งรวบข้อมือทั้งสองของนางไว้เหนือศีรษะ ส่วนมืออีกข้างสอดเข้าไปหว่างขา “ที่แท้เจ้าหญิงน้อยของข้าก็เป็นสาวพรหมจรรย์ร่านสวาทนี่เอง หืม?”

“ลูเซียน... อย่า...” ใบหน้าของนางซับสีเลือดขณะที่ข้าค่อยๆ ลูบไล้มือลงไปตามต้นขา หยอกเย้าเนินสวาทของนางด้วยปลายนิ้ว

“ข้ารู้ว่าเจ้ากำลังสุขสมกับมันยิ่งกว่าข้าเสียอีก ปกติข้าแค่เอากับผู้หญิงของข้า แต่สำหรับเจ้า... เจ้าหญิงของข้า ข้าจะยอมเป็นกรณีพิเศษและสำรวจร่างกายของเจ้าในคืนนี้...” นางครางออกมาอีกครั้ง ตัวสั่นสะท้านอยู่ใต้ร่างของข้าขณะที่ข้าโน้มตัวลงไปจูบยอดถันของนาง ครอบครองมันด้วยริมฝีปากและดูดดึง

ทันใดนั้น หมาป่าในตัวข้าก็คำรามลั่น ข้าไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น แต่กลิ่นวานิลลาหอมหวานพลันจางหายไป และในทันทีทันใดนั้นเอง กลิ่นอื่นก็เข้ามาแทนที่

กลิ่นเลือดของนาง

ข้าผละออกจากร่างนาง จ้องมองเรือนร่างของนางเขม็ง ก่อนจะสบเข้ากับดวงตาที่เบิกกว้างและแข็งทื่อของนางด้วยแววตาที่กระหายเลือดของข้า “เจ้า... เจ้าเป็นโอเมก้างั้นรึ?!”

บทก่อนหน้า
บทถัดไป