บทที่หก

สายเลือดโอเมก้า... และที่แย่ที่สุดคือข้าไม่ได้กลิ่นหมาป่าของนางเลย พ่อของนางรู้ดีว่ากำลังทำอะไรตอนที่ขายนางให้ข้า “โธ่เว้ย!” ข้าคำรามพลางเตะโต๊ะข้างเตียงกระเด็นจนพัง ไอ้แก่สารเลวนั่น กล้าดีมาหลอกข้า มันต้องชดใช้ด้วยชีวิต

“ทรงสร้างเรื่องให้ต้องเก็บกวาดอีกแล้วนะขอรับ นายท่าน... ขอบคุณเทพีจันทราที่มันยังพอทำความสะอาดได้” ข้าได้ยินเสียงลูคัสพูดขณะเดินเข้ามา ข้าพรวดพราดเข้าไปหาเขา จับไหล่แล้วเขย่าอย่างรุนแรง “ข้าเกือบจะฟาดโอเมก้าที่ไม่มีหมาป่าในตัวนะโว้ย ลูคัส! ข้าเกือบไปแล้ว เกือบจริงๆ แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นหลัก ประเด็นหลักคือนางเป็นคู่แท้ของข้า ข้าต้องคำสาปลูคัส บ้าฉิบ” เขาวางมือลงบนมือของข้า พยายามจะแกะออกแล้วพูดว่า “ข้าอยากจะพยายามคิดหาทางช่วยท่านอย่างมีสตินะขอรับ นายท่าน แต่ถ้าท่านยังเขย่าข้าไม่หยุดแบบนี้ ความคิดข้าคงได้กระเจิงไปหมด”

เขาทำให้ข้าสงบลงได้ แล้วยื่นวิสกี้ให้ข้าแก้วหนึ่งเพื่อระงับอารมณ์ แต่ในตอนนี้ สิ่งเดียวที่จะทำให้ข้าสงบได้คือเห็นเอเลน่าตาย หรือไม่ก็นอนเปลือยกายอยู่ใต้ร่างข้า ข้าตัดสินใจไม่ได้ด้วยซ้ำว่าต้องการอย่างไหน เขาหันไปมองหน้าต่างหลังจากส่งเครื่องดื่มให้ข้าแล้วพูดว่า “ท่านก็รู้ว่าท่านฆ่านางไม่ได้ ใช่ไหมขอรับ? นางเป็นคนเดียวที่จะให้กำเนิดทายาทแก่ท่านได้ เป็นคนที่เทพีจันทรากำหนดมาให้สืบเชื้อสายของท่าน” ข้าขบกรามแน่นด้วยความโกรธ ข้ารู้อยู่แล้ว ทำไมเทพีจันทราถึงได้เลือกคำสาปนี่มาเป็นคู่แท้ของข้าด้วยวะ?

ข้าลุกจากเตียงแล้วเดินไปหาเขา “แล้วแฝดคู่นั้นล่ะ ข้าลองทำคนใดคนหนึ่งให้ท้องอีกครั้งก็ได้นี่ อย่างที่เราพยายามกันมาตลอดไงลูคัส ข้าไม่ยอมหลับนอนกับโอเมก้าที่ไม่มีหมาป่าบ้าๆ นั่นหรอก” ข้ายิ่งโกรธและหงุดหงิดมากขึ้น ข้าเริ่มกระทืบเท้ากับพื้นอย่างขัดใจ เอามือขยี้ผมตัวเองนับครั้งไม่ถ้วน

เขาหันมาหาข้าแล้วพูดว่า “อย่าหลอกตัวเองเลย ลูเซียน มีเพียงเอเลน่าเท่านั้นที่สามารถให้กำเนิดทายาทแก่ท่านได้ นางเป็นคนเดียวที่มีพลังพอจะอุ้มท้องเชื้อสายของท่าน แต่ถ้าท่านยังอยากจะลองกับคู่แฝดนั่นต่อ ก็เชิญเลยขอรับ แต่โปรดรู้ไว้ด้วยว่านั่นคือเส้นทางที่ล้มเหลวและไม่ได้นำไปสู่อะไรเลย”

ข้าไล่ลูคัสไป แล้วให้เขาไปตามเอ็ดวิน่า หนึ่งในคู่แฝดมา ข้าต้องการปลดปล่อยความตึงเครียดที่รู้สึกอยู่ และข้าต้องการระบายอารมณ์ สภาเคยเตือนข้าให้เลิกใช้พวกยามเป็นที่ระบายอารมณ์ ดังนั้นเอ็ดวิน่าจึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดของข้า นางรับข้าไหวเสมอไม่ว่าข้าจะรุนแรงหรือเชื่องช้า และข้าก็ไม่เคยเชื่องช้าเลยสักครั้ง ข้าไม่เคยสนใจว่านางจะรู้สึกอย่างไรหรือต้องการอะไร นางเป็นของข้า จะใช้ยังไงก็ได้ตามใจชอบ และนางก็ไม่เคยปริปากบ่น นางเข้าใจดีว่าหน้าที่ของนางคือการมอบความสุขให้ข้า และนางก็ทำตามนั้นเสมอมา

ข้าฝังลึกอยู่ในกายของเอ็ดวิน่า แต่มันให้ความรู้สึกที่ต่างออกไป มันรู้สึกผิด ที่จริงแล้วตอนนี้มันกลับอ่อนปวกเปียก ข้าจึงถอนตัวออกมาแล้วสั่งให้นางออกไป นางพยายามจะอ้อนวอนหรือทำความเข้าใจว่าทำไม แต่ข้าตวาดไล่นางไป หมัดของข้ากำแน่นอยู่ข้างลำตัวด้วยความโกรธ เรื่องแบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ทั้งหมดเป็นเพราะเอเลน่า นางเข้ามารุกรานในความคิดของข้าจนข้าคิดอะไรไม่ออก

ในหัวข้ามีแต่เรื่องของนาง และมันทำให้ข้าฉุนขาด พอคิดถึงนางและเรื่องเลวร้ายสารพัดที่ข้าจะทำกับนางได้ ความคิดนั้นกลับทำให้ข้าแข็งขืนขึ้นมาอีกครั้ง ข้าสบถอย่างหัวเสีย ข้าตัดสินใจว่าจะไปลากนางกลับมาที่ห้อง

ข้าเข้าไปในตัวนางไม่ได้ แต่ข้ารู้วิธีที่จะปลดปล่อยกับนาง และข้ากำลังจะทำมัน แต่ลึกๆ แล้วมีบางอย่างคอยบอกข้าว่ามันผิด ถึงแม้นางจะทำให้ข้าปลดปล่อยด้วยวิธีอื่นได้ แต่มันก็ไม่มีวันพอจนกว่าข้าจะได้ฝังลึกเข้าไปในกายของนาง

ข้าสั่งให้ยามคนหนึ่งไปตามนางมาทันทีเพราะข้าหมดความอดทนและใกล้จะระเบิดเต็มที ไม่กี่นาทีต่อมา เขากลับมารายงานว่านางไม่ได้อยู่ในห้อง

“ก็ไปหาให้ทั่วทุกที่แล้วลากตัวนางมาให้ข้าสิวะ ก่อนที่ข้าจะไปรื้อหน้าแกใหม่ ไอ้โง่” ข้าตวาดใส่เขาขณะที่เขาวิ่งออกไปทำตามคำสั่ง

ข้าเริ่มรู้สึกไม่สบายใจ จึงออกจากห้องแล้วตรงไปตามหานางด้วยตัวเอง เพราะไอ้โง่ที่ข้าส่งไปยังไม่กลับมา ข้าค้นทั้งในห้องนอน ระเบียง สวน ทุกหนทุกแห่งแต่ก็ไม่เจอนาง เห็นได้ชัดว่านางหนีไปแล้ว เป็นไปได้อย่างไร? นางผ่านพวกยามไปได้อย่างไร? ขาวิ่งออกไปที่โถงทางเดินแล้วเริ่มตะโกนเรียกชื่อลูคัสลั่น

เขาวิ่งมาหาข้าแล้วถามว่าเกิดอะไรขึ้น ข้าจึงบอกเขาไปว่าเอเลน่าหนีไปแล้ว ข้ามั่นใจ แต่ทางเดียวที่จะพิสูจน์ให้แน่ชัดคือต้องตามกลิ่นวานิลลาของเธอที่ยังอบอวลอยู่ในโถงทางเดินไป ต้องขอบคุณพระแม่เจ้าที่ประทานจมูกอันไวเป็นพิเศษมาให้ข้า

ข้าตามกลิ่นหอมของเธอไป แม้มันจะเจือไปด้วยกลิ่นน่าสะอิดสะเอียนบางอย่าง ข้าก็ยังคงแกะรอยได้ และรอยนั้นก็นำไปสู่ประตูรั้ว ข้าถามยามที่เฝ้าประตูว่ามีใครออกไปข้างนอกหรือไม่ พวกเขายอมรับว่ามีคนออกไปเมื่อราวๆ ยี่สิบนาทีที่แล้ว แต่คนคนนั้นยังไม่กลับมา

ข้าคำรามอย่างเดือดดาลแล้วแปลงร่างเป็นหมาป่า วิ่งทะยานเข้าไปในป่าโดยมีลูคัสตามติดอยู่ข้างหลัง ข้าไม่จำเป็นต้องคอยดมกลิ่นตามหาเธออีกต่อไปก็รู้ได้ว่าเธอกำลังมุ่งหน้าไปยังเขตแดน ข้าวิ่งราวกับหมาป่าคลั่งไปยังเขตแดน

ในหัวของข้ามีแต่เรื่องเมทของข้าเท่านั้น พวกโร้กกำลังคลุ้มคลั่งอย่างหนักในช่วงสองสามวันนี้ และพวกมันก็ไม่ลังเลที่จะสังหารใครก็ตามที่สัมผัสได้ว่ามาจากฝูงของข้า ความกลัวที่จะสูญเสียเธอไปยิ่งโหมกระพือความโกรธของข้า “นางจะมุ่งหน้าไปที่ไหนกัน” ข้าถามตัวเองขณะที่วิ่งเร็วขึ้น และในไม่ช้าข้าก็ได้คำตอบจากเสียงสายน้ำที่ไหลเชี่ยว

ยิ่งเข้าไปใกล้ เสียงนั้นก็ยิ่งดังขึ้น เช่นเดียวกับกลิ่นเหม็นสาบของพวกโร้กและกลิ่นวานิลลาหอมหวาน และอีกอย่างหนึ่ง...กลิ่นเลือด บ้าเอ๊ย เลือดของเธอ ข้าเร่งฝีเท้าจนกระทั่งมองเห็นพวกมัน ทั้งหมดกำลังรุมล้อมเธออยู่ และข้าเห็นเธอกำลังดิ้นรนต่อสู้ ถ้าเพียงแต่เธอมีร่างหมาป่าบ้าๆ นั่นสักตัว

ข้าพุ่งเข้าใส่พวกมันและโร้กตัวแรกก็ล้มลงทันทีที่ข้ากัดเข้าที่คอของมันแล้วกระชากออก ลูคัสตามมาสมทบ และในเวลาไม่ถึงนาที เราก็สังหารพวกโร้กได้ทั้งหมด

ข้ารีบตรงไปหาเธอ เธอกำลังพยายามจะลุกขึ้นนั่ง ร่างกายเต็มไปด้วยรอยกัดและรอยเล็บข่วน เมื่อข้าเงยหน้ามองเธอ แววตาของเธอก็เต็มไปด้วยความหวาดกลัว เธอสมควรแล้วที่จะกลัว เพราะเธอขัดขืนคำสั่งข้าและหนีไป ข้าเดินเข้าไปหาเธอช้าๆ ยื่นจมูกเข้าไปใกล้ใบหน้าของเธอพร้อมกับขู่คำรามในลำคอ ตั้งใจให้เสียงนั้นฟังดูราวกับว่าข้าต้องการจะฉีกเธอเป็นชิ้นๆ “คิดบ้าอะไรของเธอถึงได้วิ่งออกมานอกเขตแดนตามลำพังฮะ ยัยโง่เอ๊ย” ข้าขู่คำราม ก่อนที่เธอจะทันได้ตอบ ข้าก็พูดต่อ “เธอหนีไปโดยไม่สนใจอะไรเลย ไม่สนใจแม้กระทั่งชีวิตตัวเอง ทำให้ตัวเองต้องตกอยู่ในอันตรายและเกือบจะถูกฆ่าตายอยู่แล้ว ยัยหมูป่าบ้าบิ่น” ข้าขู่คำรามใส่เธอเป็นครั้งสุดท้าย

เธอมองข้า แววตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและตกตะลึง แล้วตอบว่า “ข้าไม่อยากให้ท่านฆ่าข้า ข้าไม่อยากตาย ข้าแค่อยากจะมีชีวิตรอด” ข้ามองลึกเข้าไปในดวงตาของเธอ ร่างกายเธอกำลังสั่นเทาด้วยความกลัว และดวงตาก็คลอไปด้วยน้ำตา ข้ารู้สึกผิดวูบหนึ่งที่ตวาดใส่เธอ ข้าสลัดความรู้สึกนั้นทิ้งอย่างรวดเร็ว หันหลังให้แล้วพูดว่า “ลุกขึ้น เราจะกลับบ้านกัน”

ใช่แล้ว บ้านของข้าก็คือบ้านของเธอนับจากนี้ และมันรู้สึกถูกต้องเหลือเกินที่ได้พูดออกไป ข้ากำลังจะพาเธอกลับบ้านและจะบ่นว่าเธอเพิ่มอีกสักหน่อย ข้าได้ยินเสียงฝีเท้าของเธอเดินตามหลังมาพร้อมกับเสียงสูดจมูก นี่เธอกำลังร้องไห้หรือ “หยุดคร่ำครวญได้แล้วลีน่า มันหนวกหู” ข้าพูดกับเธอ พลางนึกขึ้นได้ว่าข้าเพิ่งตั้งชื่อเล่นให้เธอ ข้าเกลียดชื่อเล่นชะมัด แล้วทำไมข้าถึงมาทำอะไรแบบนี้ตอนนี้

ข้าได้ยินเธอตอบ “ข้าไม่ได้คร่ำครวญนะ เจ้า...เจ้า...” ข้าหยุดกึกกลางคันและพูดแทรกขึ้นโดยไม่หันกลับไปมอง “ข้าทำไมรึ ลีน่า” ข้าเรียกชื่อเล่นนั้นอีกครั้ง และสิ่งต่อมาที่เธอพูดก็คือ “เจ้าหมาป่าใจร้ายตัวใหญ่”

“เมื่อกี๊นางเรียกข้าว่าหมาป่าใจร้ายตัวใหญ่งั้นรึ” ข้าถามลูคัส ก่อนที่ข้าจะทันได้หันไปเผชิญหน้ากับเธอ เธอก็วิ่งแซงจากข้างหลังข้าไปข้างหน้าพร้อมกับหัวเราะร่า เธอกำลังหัวเราะ และเสียงหัวเราะนั้นช่างไพเราะราวกับเสียงดนตรีสำหรับข้า เธอวิ่งและหัวเราะต่อไป พร้อมกับร้องตะโกนเป็นทำนองว่า “เจ้าหมาป่าใจร้ายตัวใหญ่”

เรากลับมาถึงบ้านและข้าสั่งให้สาวใช้ทำความสะอาดให้เธอ ส่วนข้าก็เข้าไปในห้องของตัวเอง ข้าเดินเข้าไปในห้องอาบน้ำและยืนอยู่ใต้ฝักบัวอุ่นๆ ปล่อยให้สายน้ำชะล้างความสกปรกออกไป รวมถึงความคิดสกปรกเกี่ยวกับเอเลน่าที่อัดแน่นอยู่ในหัวของข้าด้วย

ข้ากำลังแต่งตัวเพื่อจะไปหาเอเลน่าตอนที่ลูคัสมาบอกว่าข้าต้องไปจัดการเรื่องที่หมู่บ้านของฝูง ข้าบอกให้เขาไปเตรียมรถและรอข้าที่นั่น

ข้าไปที่ห้องของเอเลน่าและแจ้งบทลงโทษของเธอให้ทราบ นั่นคือเธอจะถูกขังไว้ที่ชั้นของข้าโดยไม่มีอาหารหรือน้ำจนกว่าข้าจะกลับมา แววตาตื่นตระหนกสุดขีดบนใบหน้าของเธอ ทำให้ข้าแข็งขืนขึ้นมา ตอนนี้เธอคงได้รู้แล้วว่าอย่าได้คิดมาล้ำเส้นข้าอีก

บทก่อนหน้า
บทถัดไป