บทที่ 2 แรกพบ
ปีเตอร์เมื่อได้ยินก็ละสายตาจากตุ๊กตาพวงกุญแจในมือมองมาที่เอียน ผู้จัดการที่กำลังเดินมานั่งที่เก้าอี้ที่ว่างใกล้ๆ อย่างคุ้นเคยโดยไม่จำเป็นต้องเชิญ
“ นีน่า นักเรียนไทยที่มาทำงานพาร์ทไทม์ที่นี่ เธอมีหน้าที่ดูแลพวกคุณและทุกอย่างในสตูดิโอแห่งนี้ สงสัยคงมีเรียนคิดว่าพรุ่งนี้คงได้เจอกัน แล้วจะมาแนะนำให้พวกคุณรู้จัก” เมื่อได้รับคำตอบทุกคนต่างก็พยักหน้าเป็นที่รับรู้ และคุยกันในเรื่องการทัวร์คอนเสิร์ตที่ผ่านมาเป็นปกติ และเป็นที่รู้และเข้าใจว่าหนึ่งในนั้นจะมีผู้ฟังที่ดี นานๆจะมีคำพูดออกมาเมื่อจำเป็นต้องแสดงความเห็นความคิดและตอบคำถามต่อผู้ร่วมงานที่เปรียบเสมือนพี่น้อง ที่รู้จักและร่วมงานกันมากว่าแปดปีแล้ว
“อยู่ไหนเนี่ย!....” หนูนาบ่นพร้อมกับก้มๆเงยๆ และสลับนอนราบไปกับพื้น ซึ่งเธอกำลังหาพวงกุญแจที่คิดว่าน่าจะทำร่วงในห้องพักสตูดิโอแห่งนี้แถวบริเวณโซฟาที่เธอวางเป้ก่อนออกจากห้องไปตอนเที่ยงของวันนี้ เมื่อเธอหมดคราสเรียน ตั้งใจจะไปแจ้งต่อสเตฟานคุณลุงใจดีชาวอิตาเลี่ยนที่รับเธอเข้าทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟก่อนหน้านี้ เพราะเธอไม่สามารถมาทำได้อีกสักพัก เพราะเมื่อกลุ่มศิลปินกลับมาจากทัวร์คอนเสิร์ต นอกจากเวลาที่เธอไปเรียนเวลาที่เหลือเธอต้องมาอยู่ที่สตูดิโอเพื่อทำหน้าที่ที่ได้รับว่าจ้างไว้ ตามที่ได้ตกลงกับคุณเอียนไว้ก่อนหน้านี้
“ทำไงดี...ถ้าหาไม่เจอ แล้วคืนนี้จะนอนที่ไหนละเนี่ย!!! นี่ก็จะสามทุ่มแล้ว ถ้าต้องไปติดต่อเจ้าของหอพักตอนนี้ มันไม่ควรเลย!!!!” หนูนาหาจนทั่วแล้วก็ไม่เจอ ได้แต่นั่งขาพับอยู่กับพื้นบ่นกับตัวเอง เพราะตอนนี้เธอทั้งเหนื่อยและง่วงมากๆ วันนี้เธอต้องตื่นมาตั้งแต่เช้า เพื่อมาปฎิบัติภาระกิจประจำของวันนี้...
ขณะที่กำลังกลุ้ม สายตาก็มองไปรอบๆก็คิดได้ว่า ตั้งแต่เธอเข้ามา ก็ไม่เจอใครในนี้ เพราะตามที่ได้รับแจ้งจากคุณเอียน กลุ่มศิลปินจะมีการทำงานกันทั้งคืน เพราะเวลาส่วนใหญ่ถ้าพวกเขาไม่ออกทัวร์คอนเสิร์ตหรือมีการถ่ายทำนอกสถานที่ ทุกคนก็จะใช้เวลาอยู่ในห้องนี้เพื่อทำงานเพลงกัน แต่วันนี้!ตอนที่เธอกลับเข้ามาในสตูดิโออีกครั้งอย่างไม่ตั้งใจ เพื่อมาหาพวงกุญแจหอพักเธอกลับไม่พบใคร
“ขอนอนที่นี่แล้วกันนะ!!!...สำหรับคืนนี้” เมื่อคิดได้ดังนั้นโซฟาข้างตัวก็ขอเป็นที่พนักเพื่อที่จะไปเฝ้าพระอินทร์แล้วกัน
ถึงแม้ห้องพักสตูดิโอแห่งนี้ จะมีห้องนอนเพื่อเป็นที่พักของกลุ่มศิลปิน ยามอ่อนเพลียจากการทำงานพวกเขาสามารถนอนพักผ่อนที่นี่ได้เลย แต่หนูนาก็ไม่คิดจะไปนอนในนั้น เพราะมันไม่สมควรอย่างยิ่ง สำหรับเธอคิดอย่างนั้น
“แกร็ก...” ขณะที่หนูนาเข้าสู่ห้วงนิทราไปแล้ว ก็มีเสียงลูกบิดประตูผลักเข้ามาปีเตอร์มองเข้ามาในห้องที่มืด เพราะนี้เป็นเวลาเกือบสี่ทุ่มหลังจากที่ออกไปฉลองกับกลุ่มเพื่อนๆ เพราะวันนี้เป็นวันที่แปด ตุลาคม วันคล้ายวันเกิดอายุครบยี่สิบเก้าปี ทั้งผู้จัดการและเพื่อนๆต่างร่วมฉลองกันเป็นปกติเหมือนกันทุกคน แต่ครั้งนี้เขากลับขอตัวกลับก่อน เนื่องจากมีเหตุผลที่ตัวเองก็ไม่เข้าใจ ซึ่งมันเกี่ยวข้องกับพวงกุญแจที่เก็บได้เมื่อตอนเที่ยง
ปีเตอร์มองเข้ามาในความมืดด้วยสีหน้าที่ผิดหวัง และขณะกำลังจะถอยพร้อมปิดประตู ก็ต้องชะงัก! เพราะได้ยินเสียงบางอย่างซึ่งเป็นจังหวะที่หนูนากำลังพลิกตัว ปีเตอร์เพ่งสายตาไปที่บริเวณโซฟาก็เห็นบางอย่าง จึงเปิดไฟดวงเล็กเพียงหนึ่งดวงและเดินเข้ามาข้างในอย่างช้าๆและเงียบๆ เพราะเขาค่อนข้างมั่นใจว่ามีใครบางคนกำลังใช้โซฟาที่เขาชอบนั่งใช้ความคิด เป็นที่พักผ่อนไปแล้วตอนนี้ ปีเตอร์ค่อยๆเดินไปนั่งชันเข่าและจ้องมองหญิงสาวที่เขามั่นใจว่าเป็นเจ้าของพวงกุญแจ เพราะเธอมีผมที่หยิกยาวเป็นลอนแบบธรรมชาติคล้ายตุ๊กตาพวงกุญแจ หน้าผากนูน คิ้วเข้มหนาได้รูปอย่างเป็นธรรมชาติ ขนตายาวงอนยามที่หลับสนิท จมูกเชิดนิดๆแสดงถึงว่าเจ้าของเป็นคนดื้อเล็กๆ ปากอิ่มได้รูป เป็นผู้หญิงที่รูปหน้าสวยคมแบบคนเอเชียโดยแท้ผิวสีน้ำผึ้งเนียนละเอียด ปีเตอร์ไล่สายตาไปเรื่อยๆรูปร่างที่อยู่ภายใต้เสื้อโค้ชที่ตอนนี้มีหน้าที่อีกอย่างคือเป็นผ้าห่มคลุมลร่างเล็กบอบบางเกือบมิดชิด...
“ทำไมหัวใจต้องเต้นแรงแบบนี้” ปีเตอร์บ่นกับตัวเองขณะจ้องมองพิจารณาหญิงสาวตรงหน้า “ถ้าให้นอนตรงนี้ คงน่าสงสารแย่” เมื่อคิดได้ดังนั้น ปีเตอร์ค่อยๆเข้าไป และค่อยๆช้อนตัวเธออย่างระมัดระวังอย่างอ่อนโยน ขณะที่กำลังช้อนตัวเธอขึ้นเข้าสู่วงแขน เขาก็ต้องกลั้นใจ!! เพราะเกรงว่าเธอจะตื่นเมื่อเธอขยับตัวปีเตอร์หยุดการเคลื่อนไหวโดยทันที แต่แล้วเมื่อมั่นใจว่าเธอคงหลับสนิท ขณะที่อุ้มเธอนั้นสายตาก็ไม่ได้ละจากใบหน้าคมหวานเลย และสายตาก็มาหยุดที่ริมฝีปากอิ่ม แอบคิดว่าจะนุ่มและหวานแค่ไหนนะถ้าได้สัมผัส เมื่อมาถึงห้องนอนในสตูดิโอก็ค่อยๆบรรจงวางเธอลงอย่างเบามือพร้อมลากผ้าห่มคลุมกายให้ และนั่งมองหน้าที่ตอนนี้หลับอย่างสบายโดยไม่รู้ตัวว่าถูกจ้องมอง
ปีเตอร์ค่อยๆก้มหน้าเข้าไปใกล้อย่างเคลิบเคลิ้มและลืมตัวจุมพิตที่หน้าผากนูน ดวงตาที่ปิดสนิท จมูกที่รั้น และริมฝีปากอิ่มอย่างลืมตัว และต้องกลั้นใจอีกครั้งเมื่อเธอขยับตัวอีกครั้ง เขาต้องค่อยๆถอยออกห่างร่างบางอย่างเสียดาย และเดินออกจากห้องไปอย่างเงียบๆ ไม่อยากรบกวนเวลาบรรทมของ “นางฟ้าของเขา”
“เอ๊ะ!!!…”
