บทที่ 4 งานเลี้ยง2/2

“หนิงหลินเจ้ามาได้เสียที”เหยาลี่เซียนเอ่ยเรียกสหายคนสนิทเมื่อเห็นหน้า

เหยาลี่เซียนถึงจะเป็นองค์หญิงที่มีสตรีมากมายอยากเป็นสหาย แต่คนที่นางนับเป็นสหายสนิทนั้นก็มีเพียงฟางหนิงหลินเท่านั้น เพราะนางเติบโตมาด้วยการถูกตามใจตั้งแต่เล็ก ไม่ว่านางทำอันใดก็ไม่เคยถูกขัดใจมาก่อน แต่เมื่อมาเจอกับฟางหนิงหลินที่กล้าพูดกับนางตรงไปตรงมา ทำให้นางรู้สึกไม่เคยพบใครที่จริงใจกับนางเช่นนี้ นางจึงชอบที่จะพูดคุยกับฟางหนิงหลิน เมื่อวันเวลาผ่านไปจึงกลายเป็นความสนิทและผูกพันราวพี่น้อง

เสียงดีอกดีใจขององค์หญิงเหยาลี่เซียนทำให้ทุกคนหันมอง ยิ่งทำให้ฟางหนิงหลินที่เดินมากลายเป็นจุดเด่นมากขึ้นไปอีก แน่นอนแม้แต่องค์ชายทั้งสามที่นั่งดื่มสุราอยู่กับเหล่าสหายก็หันมามองเช่นกัน

เหยาลี่เซียนเดินมาจับมือของฟางหนิงหลินและพาเดินไปยังที่เสด็จพี่ของนางนั่งอยู่ เพื่อเปิดโอกาสให้สหายคนสนิทได้มีโอกาสพูดคุยกับบุรุษที่เฝ้าคะนึงหามาหลายเดือน แต่เหยาลี่เซียนกลับต้องประหลาดใจเมื่อสิ่งที่นางคิดไว้ไม่เป็นดั่งคาด นางคิดว่าฟางหนิงหลินจะต้องรู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก แต่สีหน้าของสหายกลับไม่เป็นเช่นนั้น

เพียงฟางหนิงหลินได้เห็นใบหน้าของเหยาหวังเหว่ย ในใจของนางก็รู้สึกเจ็บปวดขึ้นมาทันที ถึงนั่นจะเป็นความฝันแต่สิ่งที่นางได้รับจากเขาเมื่อทบทวนดูแล้วก็ไม่ต่างจากความฝันนั้นเลยสักส่วน ทุกครั้งที่เขาเห็นหน้าของนางก็มักจะเมินเฉยสีหน้าราวไม่รู้ร้อนรู้หนาวอันใด ไม่ว่านางจะมอบสิ่งใดให้เขาก็เพียงแค่รับเอาไว้แต่หาเคยยินดีหรือกล่าวชมอันใดไม่ เหมือนรับไว้เพียงเพื่อตัดความรำคาญเท่านั้น

ไม่เพียงแค่เหยาลี่เซียนที่ประหลาดใจ แต่คนที่นั่งอยู่ทั้ง5คนนั้นก็ต่างรู้สึกว่าฟางหนิงหลินดูแปลกไปเช่นกัน ทุกคนรู้ดีว่าเมื่อฟางหนิงหลินเห็นเหยาหวังเหว่ยสีหน้าของนางจะยิ้มแย้มเบิกบานราวกับดอกทานตะวันที่บานสะพรั่ง แววตาทอประกายราวแสงดาวระยิบระยับ นางจะจ้องมองเหยาหวังเหว่ยอย่างไม่วางตา และทำราวกับคนที่อยู่รอบกายเป็นเพียงอากาศ แต่บัดนี้ใบหน้าของนางกลับไม่มีรอยยิ้มประดับอยู่เลย สีหน้าของนางหดหู่ สายตาของนางมองต่ำราวกับไม่อยากเห็นหน้าผู้ใด สีหน้าท่าทางเปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคน

“หลินเอ๋อร์ เจ้าไม่สบายอย่างนั้นหรือ” สวีจื้อซานเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง เมื่อเห็นท่าทางของนางดูซึมเศร้าไม่ร่าเริง

สวีจื้อซานเปรียบเสมือนพี่ชายของฟางหนิงหลิน เพราะเขาเห็นนางมาตั้งแต่แรกเกิด จวนของทั้งคู่อยู่ติดกันอีกทั้งบิดาของทั้งสองคนนั้นยังเป็นศิษย์ร่วมอาจารย์เดียวกัน ความผูกพันของทั้งสองจึงแน่นแฟ้น บิดาของเขาเป็นเสนาบดีสำนักตรวจการส่วนเขาเป็นองครักษ์

ที่สวีจื้อซานได้มานั่งร่วมโต๊ะกับเหล่าองค์ชาย เพราะเขานั้นเคยเป็นสหายร่วมเรียนกับองค์ชายทั้งสามมาก่อน และเขายังสนิทกับเหยาซีฮันมากเป็นพิเศษอีกด้วย

“อ๋อ! ข้าไม่เป็นไร” ฟางหนิงหลินหันไปตามเสียงที่คุ้นเคยพร้อมเอ่ยตอบก่อนที่จะส่งยิ้มให้สวีจื้อซาน

ทุกคนที่นั่งอยู่เผลอเลิกคิ้วด้วยสีหน้าประหลาดใจออกมาโดยไม่รู้ตัว เมื่อได้เห็นสายตาและสีหน้าที่ฟางหนิงหลินใช้มองสวีจื้อซาน สีหน้าของนางเบิกบานขึ้นมาทันที

ฟางหนิงหลินรู้สึกได้ถึงความผิดปกติของสายตาคู่อื่น ๆที่มองมายังนาง ทำให้นางนึกขึ้นได้ว่าตนนั้นได้แสดงท่าทีแปลก ๆออกไป นางจึงได้เอ่ยเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศที่น่าอึดอัดในตอนนี้

“หม่อมฉันขอยินดีกับองค์ชายใหญ่ที่ได้เป็นองค์รัชทายาท ยินดีกับองค์ชายรองที่ได้เป็นชินอ๋อง และยินดีกับองค์ชายสามที่ได้เป็นจวิ้นอ๋องด้วยนะเพคะ”

องค์รัชทายาทเหยาซีฮันพยักหน้าตอบรับพร้อมยิ้มให้นางอย่างอ่อนโยน ส่วนองค์ชายสามเหยาซิงอีส่งเสียง ‘อืม’ สั้น ๆในลำคอ แต่สีหน้าและสายตาของเขาที่แสดงออกมานั้น ไม่ต้องอธิบายอันใดก็พอจะทำให้คนที่เห็นรู้ได้ว่าองค์ชายสามไม่ชอบฟางหนิงหลิน ส่วนเหยาหวังเหว่ยนั้นไม่ได้เอ่ยอันใด มีเพียงสายตาดุดันที่มองมายังนางราวกับไม่พอใจ

“หม่อมฉันไม่อยู่รบกวนแล้วเพคะ” ฟางหนิงหลินเอ่ยออกมาทันที เมื่อเหลือบตาไปเห็นสายตาของเหยาหวังเหว่ย

“เดี๋ยวก่อน เจ้าไม่เห็นข้าหรือว่าไม่อยากแสดงความยินดีกับข้าอย่างนั้นหรือ” เสิ่นหลิวหยางเอ่ยเสียงแข็ง

เสียงของเขากระตุ้นความทรงจำในฝันของนาง ตัวนางสั่นเทาขึ้นมาทันทีที่ได้ยินเสียงของเขา นางพยายามปลอบใจตนเอง ‘มันเป็นเพียงความฝันหนึ่งตื่นเท่านั้น หาใช่เรื่องจริงไม่’ นางระบายลมหายใจเข้าออกอยู่ครู่หนึ่ง จึงมองใบหน้าของเขาก่อนเอ่ย

“ข้าน้อยยินดีกับแม่ทัพเสิ่นด้วยเจ้าค่ะที่ได้เลื่อนตำแหน่ง”

เพียงกล่าวจบฟางหนิงหลินก็ไม่คิดจะยืนฟังคำตอบ หรือดูการตอบสนองใด ๆของเสิ่นหลิวหยาง  นางย่อตัวทำความเคารพองค์ชายทั้งสามแล้วหันมาหาเหยาลี่เซียนที่ยืนอยู่ด้านข้างก่อนที่จะคล้องแขนสหาย และพาเหยาลี่เซียนเดินออกมา ทำให้เสิ่นหลิวหยางที่ไม่พอใจนางเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ยิ่งไม่พอใจในตัวนางมากขึ้น

เหยาลี่เซียนเหลือบมองใบหน้าของฟางหนิงหลินอยู่หลายครา ถึงจะรู้สึกแปลกใจในท่าทีที่เปลี่ยนไปของสหาย แต่ก็ไม่คิดจะเอ่ยถามเพราะคิดว่าสถานที่ที่มีคนมากมายเช่นนี้ไม่ควรเอ่ยเรื่องราวภายในใจออกมา องค์หญิงเหยาลี่เซียนจึงไม่คิดคาดคั้นถาม นางเพียงรอให้ถึงเวลางานเลี้ยงเลิกแล้วค่อยถามสหาย

เหยาลี่เซียนพาฟางหนิงหลินไปนั่งกับสตรีคนอื่น ๆเมื่อมาถึงนางก็ทักทายทุกคนที่นั่งอยู่ตามมารยาท หนึ่งในสตรีที่นั่งอยู่นั้นก็มีเจียงเจียวซินนั่งอยู่ด้วย

“หนิงหลินวันนี้เจ้าดูสวยแปลกตากว่าทุกครั้งยิ่งนัก” เจียงเจียวซินเอ่ยทักฟางหนิงหลิน

[1] ไท่จื่อ = องค์รัชทายาท

บทก่อนหน้า
บทถัดไป