บทที่ 3 ทดลองงาน
ผมยังนั่งจับของใช้ส่วนตัวเท่าที่จำเป็นลงในกระเป๋า รวมถึงตำราเรียนกับชีทบางส่วน เพราะยังไงแล้วผมคงจะไม่อยู่ที่นั่นนานนักหรอก พอเรื่องจำนองบ้านผ่านการอนุมัติผมก็จะได้เป็นอิสระ ที่เป็นห่วงตอนนี้ก็มีแค่พี่ไอเท่านั้นว่าจะอยู่ยังไงตัวคนเดียว แถมยังเจ็บอยู่ด้วย บางที่ผมอาจจะเลือกไม่เข้าเรียนบางวิชาเพื่อจะได้กลับมาดูแลพี่ไอได้
ผมเดินถือกระเป๋าออกมาจากห้อง ก่อนจะมาหยุดอยู่ตรงโซฟาที่พี่ไอนั่งรออยู่ ผมนั่งลงคุกเข่าอยู่ข้างๆ ในระหว่างที่ยังพอมีเวลาก่อนที่คนของไอ้มาร์คจะมารับ
“อุ่น พี่ขอโทษจริงๆ นะ” ผมได้แค่ยิ้ม ก่อนจะพ่นลมหายใจหนักๆ ออกมา
“พี่ไอ ถ้าเราหนีก็ไม่ได้อยู่ดีใช่ไหม?” ผมถามลอยๆ อย่างไม่ได้ต้องการคำตอบ เพราะรู้ดีอยู่แก่ใจว่ามันเป็นไปไม่ได้ ก่อนจะหันไปมองดูทุกมุมภายในบ้านเพราะผมกลัว ผมกลัวว่าผมจะไม่ได้กลับมาอยู่ที่นี่อีกแล้ว
“ถ้าเราหนี เราจะหนีไปไหนล่ะ อุ่นเองก็ยังเรียนไม่จบ แถมอิทธิพลของพวกนั้นก็ไม่ใช่สิ่งที่เราควรจะไปท้าทายด้วย” พูดถึงตรงนี้สีหน้าของพี่ไอก็ดูเศร้าอย่างเห็นได้ชัด แต่ก็นั่นแหละ สิ่งที่พี่ไอพูดมามันถูกต้องทั้งหมดและมันก็เป็นสิ่งที่ผมเองก็รู้ดีอยู่แล้ว
“พี่ไอ ถ้าไปแล้วอุ่นจะพยายามกลับมาหาพี่ไอบ่อยๆ นะ เงินนี้พีไอเก็บเอาไว้ซื้อข้าวกินนะ” ผมยื่นเงินสามพันให้กับพี่ไอ ส่วนตัวเองมีติดกระเป๋าตังแค่พันเดียวเท่านั้น ส่วนเงินสองแสนสามหมื่นบาท ผมเก็บไว้ในซองสีน้ำตาลอย่างดี
ไม่นานนักรถยนต์คันหรูสีดำสนิทก็ขับมาจอดที่หน้าบ้าน เท่ากับว่าเวลาของผมหมดลงแล้ว ผมลุกขึ้นแล้วหยิบกระเป๋าเดินไปที่ประตูเพราะไม่อยากให้ถูกใช้เป็นข้ออ้างในการเอาเปรียบได้อีก
ความเงาที่สะท้อนกับแสงอาทิตย์สีทองยามเย็นทำให้รถคันนี้ดูสวยขึ้นไปอีก แต่คงไม่ใช่กับคนที่กำลังเปิดประตูรถออกมา เพราะทันทีที่เห็นหน้ามันผมก็อยากจะพุ่งไปชกหน้าสักที แต่นั่นก็เป็นแค่เพียงความคิดในหัวเท่านั้น
“พร้อมจะไปกันแล้วใช่ไหม?” ไอ้มาร์คมันเป็นคนมารับผมเอง ไม่ใช่ลูกน้องอย่างที่มันบอกไว้ตั้งแต่แรก
“อ่ะ” ผมพยักหน้าแล้วยื่นซองสีน้ำตาลที่ถืออยู่ให้มัน
“อะไร?”มันรับไว้แต่ดูเหมือนมันจะไม่ค่อยใส่ใจซักเท่าไหร่
“เงินสองแสนสามหมื่นตามที่ตกลง”
“ไม่นับดูก่อนเหรอ?” ผมถามหลังจากที่มันโยนซองเงินที่ผมให้ไปที่เบาะหลัง
“ไม่มีใครกล้าโกงกูหรอก เพราะคนที่โกงกูมันตายหมดแล้ว” มันตอบแล้วหันไปมองดูกระเป๋าใบเล็กของผมที่ถืออยู่ “ของมีแค่นี้เหรอ?”
“ใช่ ผมไม่ได้คิดว่าจะอยู่ที่นั่นนาน”
“กูคิดว่ามึงไม่มีสิทธิ์ที่จะเป็นคนบอกได้นะว่าจะอยู่ที่นั่นนานหรือไม่นาน” ประโยคนี้มันพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉยและท่าทางที่เปลี่ยนไป ดูจริงจังและแสดงถึงอำนาจที่มีที่พร้อมจะกดทับให้ผมแบนติดดินได้
“.....” ผมยืนตัวแข็งทื่อด้วยความกลัว ก่อนที่ท่าทางของมันจะเปลี่ยนกลับไปเป็นเหมือนตอนแรกที่มาถึง
“ช่างเถอะ! แต่กูไม่ซื้อให้ใหม่หรอกนะ มีแค่ไหนก็ใช้แค่นั้น”
“ไม่ได้ขอให้ซื้อให้”
“หึหึ ไอ้ไอ มึงควรจะหัดเข้มแข็งให้ได้แบบน้องมึงบ้างนะ ไม่ใช่อะไรก็รอให้แต่คนอื่นเขาช่วย”
ผมไม่เห็นว่าพี่ไอเดินออกมา เพิ่งจะรู้ก็ตอนที่ไอ้มาร์คมันพูดกับพี่ไอนั่นแหละ พอผมหันกลับไปดูก็เห็นพี่ไอยืนตัวสั่นหน้าซีดพิงขอบประตู ผมเลยส่ายหน้าให้พี่ไอรู้ว่าผมไม่เป็นไร
“ไปกันเถอะ ผมเหนื่อยแล้ว” ผมพูดตัดบทแล้วก็ออกเดินนำหน้าไอ้มาร์คออกไป ด้วยท่าทางเข้มแข็ง แต่ข้างในตัวผมหัวใจมันแทบจะเต้นออกมาจนจะทะลุหน้าอกอยู่แล้ว
พอไปถึงรถด้วยความเคยชินที่ต้องนั่งแท็กซี่ ผมเลยเปิดประตูรถด้านหลังแล้วก็หย่อนตัวลงไปนั่งก่อนจะปิดประตู แต่ทว่ามันก็ถูกกระชากเปิดออกมาอีกครั้ง
“มึงคิดว่ากูเป็นคนขับรถให้มึงรึไงถึงเสือกย้ายก้นมานั่งข้างหลัง” มันพูดพร้อมกับกระชากข้อมือของผมอย่างแรง
“โอ๊ย!! มันเจ็บนะ!! พูดดีๆ ก็ได้ไม่ใช่เหรอ.. ครับ” ผมตะโกนใส่หน้ามันด้วยความลืมตัว ก่อนจะลดระดับเสียงลงมาแล้วเต็มหางเสียงเข้าไปด้วย เมื่อโดนสายตาคมมองดุใส่
ไอ้มาร์คพ่นลมหายใจหนักๆ แล้วเดินไปนั่งที่ตำแหน่งขับรถ ก่อนจะมันจะลดกระจกรถลงมาพ่นคำใส่ผมอีกครั้ง
“แล้วมึงจะยืนอยู่ตรงนั้นอีกนานไหม หรือต้องให้กูไปเปิดประตูรถให้!” ผมไม่จำเป็นต้องให้คนอย่างมันพูดซ้ำ เพราะแต่ละคำพูดของมันแสดงถึงความดิบเถื่อนไร้การศึกษาสิ้นดี
ผมเดินไปเปิดประตูรถด้านข้างคนขับก่อนจะหย่อนตัวเองนั่งลง ซึ่งมันก็ไม่ได้รอให้ผมเปิดประตูสนิทมันก็กระทืบเท้าเหยียบคันเร่งออกไปทันที ผมที่ตัวส่ายโคลงเคลงต้องรีบคว้าหาเข็มขัดนิรภัยมาคาดหลังจากที่ปิดประตูรถได้แล้ว
ตลอดเวลามีเพียงเสียงเครื่องยนต์เบาๆ เท่านั้นที่เล็ดลอดออกมาทำลายความเงียบที่อึดอัดภายในรถ และแล้ว
“ช่วยกูหน่อย” คำพูดที่เหมือนพูดลอยๆ จนผมต้องหันไปมองหน้ามันว่ามันต้องการให้ผมช่วยอะไร ก่อนที่ผมเพิ่งจะเข้าใจความหมายของมันในตอนที่มือข้างหนึ่งของมันเลื่อนมาปลดเข็มขัดกางเกงออกแล้วรูดซิปกางเกงลงมา
ผมตัวแข็งทื่อและรู้สึกถึงความร้อนวูบวาบทั่วใบหน้า ก่อนจะรีบเบือนหน้าหนีแทบจะในทันทีที่มันเกี่ยวขอบกางเกงในลงจนตัวตนของมันโผล่ออกมา
มันต่างกับของผมมาก ไม่ว่าจะเป็นขนาด สี หรือแม้แต่เส้นเลือดปูดโปนที่พันอยู่รอบๆ
“จัดการมันด้วยปากของมึง” ผมถึงกับตัวชาวาบทันทีที่มันออกคำสั่งให้ผมทำอะไรบ้าๆ แบบนั้น
“.....” ผมคิดอะไรไม่ออกว่าควรต้องทำยังไงให้รอดพ้นจากสถานการณ์บ้าๆ นี้
“กูไม่ใช่คนที่ชอบพูดอะไรซ้ำๆ อีกอย่างมึงก็ไม่ใช่คนหูหนวก เพราะฉะนั้นมึงควรทำตามที่กูสั่งเดี๋ยวนี้” คำพูดที่เรียบนิ่งของมันฉายภาพความเป็นมาเฟียออกมาอย่างชัดเจนที่พร้อมจะสั่งฆ่าคนได้โดยไม่รู้สึกผิดสักนิด
รถถูกหักเลี้ยวไปจอดที่ข้างทางซึ่งเป็นป่าที่ไม่มีรถผ่านไปผ่านมา ก่อนที่มันจะหันหน้ามามองผมด้วยสายตาดุดัน
“สรุปมึงจะทำหรือไม่ทำ ถ้าไม่ทำมึงก็ลงจากรถแล้วเตรียมตัวไปเก็บศพพี่มึงได้เลย ส่วนเงินมึงก็เอาคืนไปเพราะกูไม่ชอบเอาเปรียบใคร” ในขณะที่ไอ้มาร์คมันพูด มือของมันก็หยิบโทรศัพท์เพื่อค้นหาเลขหมายปลายทางซึ่งผมแน่ใจว่ามันต้องเป็นเบอร์ของหนึ่งในลูกน้องมันแน่ๆ
ผมคงหมดเวลาฝืนรักษาศักดิ์ศรีไว้ได้อีกแล้ว ผมจึงก้มลงไปใช้ริมฝีปากถูไถไปกับท่อนเอ็นของมัน กลิ่นคาวแต่ไม่อับชื้นลอยเข้ามาในจมูก ซึ่งผมบอกไม่ถูกว่ากลิ่มมันเหมือนอะไรเพียงแค่มันไม่ได้เหม็นเท่านั้นเอง
“ไอ้ทีมึง อะ อืม พวกมึงสแตนบายไว้ รอคำสั่งกู” มันกดวางสายไปแล้ว ก่อนจะโยนมือถือไปไว้ที่หน้าคอนโซลรถ จากนั้นผมก็รู้สึกเจ็บเพราะถูกมันเอามือมากำผมของผมไว้แล้วออกแรงดึงหัวผมให้เงยหน้าขึ้นมา
“ที่มึงทำเมื่อกี้มันไม่ได้ทำให้กูรู้สึกเสียวเลยสักนิด”
“กะ ก็ผมทำไม่เป็น”
“กูรู้แล้ว”
“งั้นผมไม่ต้องทำแล้วใช่ไหมครับ?”
“หึหึ กูแค่พูดว่ากูรู้แล้ว แต่ไม่ได้บอกว่าไม่ต้องทำแล้ว” มันแสยะยิ้มอย่างน่ารังเกียจ น้ำตาผมเริ่มไหลซึมออกมาแล้ว ผมไม่อาจที่จะทนเก็บกดมันได้อีกต่อไป เพราะวันนี้ศักดิ์ศรีความเป็นคนของผมมันลดต่ำลงทุกทีตั้งแต่ที่ก้าวขึ้นรถคันนี้มา
“มะ หมายความว่า”
“หยุดร้องไห้ซะ แล้วก็ทำตามที่กูบอก ถ้ามึงยังอยากให้ข้อตกลงระหว่างเรายังเหมือนเดิม” คำขู่ที่ได้ผลของมันทำให้ผมต้องรีบกลั้นน้ำตาเอาไว้
“โอ๊ย!!” ผมร้องด้วยความเจ็บเพราะไม่ทันได้ตั้งตัวก็ถูกมันออกแรงกดหัวผมให้ก้มลงไปจนหน้าผมห่างจากตัวตนของมันไม่ถึงห้าเซน
“อย่างแรกมึงต้องรูดมันเบาๆ”
“.....” ผมขอเวลาทำใจ เพราะสิ่งที่จะเกิดขึ้นนั้นผมตงไม่มีเวลาจะทำไจอีกแล้ว
“ทำสิ! เพราะถ้ากูหมดอารมณ์ก่อนที่มึงจะทำ พี่มึงก็จะหมดลมหายใจเหมือนกัน”
“คะ ครับ” ผมต้องอดทนเข้าไว้ เพราะไม่อย่างนั้นทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำมาทั้งหมดมันก็เท่ากับศูนย์
ผมเอื้อมไปจับท่อนเอ็นที่อยู่ตรงหน้า ก่อนจะขยับมือรูดขึ้นลงช้าๆ อย่างที่มันต้องการ ผมก็รับรู้ได้ถึงการขยายตัวของไอ้สิ่งนี้ที่กำลังเพิ่มขึ้นจนมือของผมแทบจะกำมันไว้ไม่รอบ ความร้อนถูกแผ่ซ่านออกมาราวกับว่ามันเป็นเหล็กที่กำลังถูกเผาไฟ ทั้งที่อากาศภายในรถเย็นมาก มันเป็นทั้งความตื่นเต้นและน่าอายที่ต้องมาทำอะไรแบบนี้ให้กับคนที่ผมเกลียดที่สุด
“อืม เบาๆ ใช่แล้ว อ่า มือมึงโคตรนุ่ม”
“ทีนี้ค่อยๆ เอาลิ้นมึงเลียที่ส่วนหัวให้กูก่อน.. เร็ว!!”
“โอ๊ย!” มันออกแรงกดหัวของผมอีกครั้งเพราะไม่พอใจที่ผมยังไม่ทำตามคำสั่ง ผมจึงหลับตาลงเพื่อที่จะไม่ได้รับรู้ ก่อนจะแลบลิ้นออกมาเลียลงไปบนส่วนหัวที่ร้อนระอุและเต็มไปด้วยน้ำลื่นๆ และกลิ่นคาว
“ใช้ลิ้นมึงแหย่เข้าไปในรูตรงกลาง” เสียงสั่งของมันดุปนกระเส่า ก่อนที่ผมจะจำใจทำตามที่มันสั่งโดยไม่ขัดขืน เพราะชีวิตของพี่ไอสำคัญกว่า
“อ่า อืม ดีมาก เป็นงานเร็วดีนี่ คราวนี้กลับมาเลียตรงหัวหยักให้กู อ่า แบบนั้นแหละ ลิ้นมึงโคตรนุ่มเลย อ่า” มันบิดตัวเล็กน้อยเหมือนกำลังเสียว เสียงครางในลำคอดังมาเป็นระยะ”
ตอนนี้ทั้งน้ำลายตัวเองที่ผสมกับน้ำลื่นๆ จากตรงนั้นของมันถูกกักเก็บไว้จนเต็มปากเพราะผมไม่มีทางกลืนลงไปแน่ๆ ตอนนี้ผมอยากจะบ้วนมันทิ้งมากๆ แต่ก็ทำไม่ได้เพราะมันยังจับหัวผมอยู่
“พะ พอก่อนได้ไหม ปล่อยผมก่อน” ผมให้มันเลิกคิ้วมอง แต่ก็ยอมปล่อยผมตามที่ขอ ผมจึงรีบเปิดประตูรถออกไปคายทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ในปากออกจนหมด ก่อนที่ตัวผมจะถูกมันกระชากเสื้อดึงกลับเข้าไปในรถแล้วผมให้หันมาเผชิญหน้ากับมันแบบตรงๆ
“มึงรู้ไหมมีแต่คนอยากจะกลืนสิ่งที่มึงเพิ่งคายออกไปทั้งนั้น คราวหน้ากูไม่อนุญาตให้มึงคายออก เข้าใจไหม!!”
“ตะ แต่มันสกปรกนี่หน่า”
“หีหี แค่อย่าคายมันอีกก็พอ” พูดจบมันก็กดหัวผมลงไปอีกครั้ง
“โอ๊ย!”
“คราวนี้อมมันให้กูแล้วอย่าให้ฟันมึงโดนหัวกูด้วย”
ผมหลับตาอีกครั้ง ก่อนจะอ้าปากครอบท่อนเอ็นร้อนของมันลงไปโดยไม่จำเป็นต้องให้มันพูดซ้ำ และผมตั้งใจที่จะทำตามมันบอกทุกอย่างเพื่อที่เรื่องบ้าๆ มันจะได้จบสักที
“ห่อปากให้รัดพอดีกับของกู” ผมหดขนาดปากลงเล็กน้อยเพราะท่อนเอ็นที่ขยายตัวของมันในตอนแรกก็ใหญ่จนเกือบจะคับปากผมอยู่แล้ว
“ขยับปากมึงขึ้นลงสิ อ่า ใช่แล้ว อ่า เร็วขึ้นกว่านี้”
“อืม ออกแรงดูดมันด้วย ซี๊ดดด!”
“อ่า ตอนที่มึงเชื่องๆ นี่ก็น่ารักดีนะ ซี๊ดดด!” ผมไม่แน่ใจหรอกว่านี่เป็นคำชมหรือเปล่า แต่ที่รู้คือเป็นประโยคที่ฟังดูอ่อนโยนที่สุดของมันแล้ว
ผมที่ขยับหัวอยู่ได้สักระยะไอ้มาร์คก็เอามือข้างที่ว่างอยู่มาช่วยกันจับล็อกหัวผมเอาไว้อยู่กับที่ ก่อนที่มันจะเป็นคนขยับสะโพกเข้าใส่หน้าของผมแทน
อุก อุก!
ตอนนี้น้ำลายผมไหลจากมุมปากลงไปเปียกกางเกงของมันเป็นวงกว้างแล้ว ไอ้มาร์คมันก็ยังไม่ยอมหยุดกลับกันมันยิ่งเร่งจังหวะให้เร็วขึ้น
หน้าของมันแหงนเชิด ปากก็เอาแต่ส่งเสียงครางเป็นจังหวะที่สอดรับกับสะโพกที่ขยับ แต่แล้วผมก็ไม่รู้ว่ามันเกิดบ้าอะไรขึ้นมาถึงได้กระแทกส่งท่อนเอ็นทั้งหมดเข้ามาในปากผมแถมยังกดหัวผมไว้ไม่ให้ขยับหนีอีกด้วย
นานเท่าไหร่ไม่รู้ รู้แต่ว่าตอนนี้ผมเริ่มหายใจไม่ออก จนต้องดิ้นให้หลุดตามสัญชาตญาณการเอาตัวรอด ก่อนที่มันจะได้สติแล้วปล่อยให้ผมเป็นอิสระ
“แค่กๆๆ นี่คือตั้งใจจะฆ่ากันใช่ไหม?” ผมที่สำลักจนน้ำหูน้ำตาไหล เผลอตะโกนใส่หน้ามันอย่างลืมตัว
“งั้นครั้งหน้ากูจะระวังละกัน ทำต่อไปได้แล้ว”
“คุณนี่มัน.. เฮ้อ!” ถึงจะโกรธแค่ไหนแต่เพราะทำอะไรไม่ได้ ผมเลยถอนหายใจอีกครั้งและกลับไปทำต่อให้มันเสร็จๆ ไป
“อืม ดีมาก อ่า” มันจับหัวผมทันทีที่ผมอ้าปากครอบท่อนเอ็นที่เปียกชุ่มไปด้วยน้ำลายของผม ก่อนที่มันจะขยับหัวผมขึ้นลงตามใจชอบหากแต่คราวนี้มันอ่อนโยนกับผมมากขึ้น
แต่ไม่นานมันก็เริ่มอีกแล้ว หัวของผมถูกมันโยกเร็วขึ้นและแรงขึ้น ตอนนี้ผมรู้สึกปวดกรามมากๆ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้
“อ่า อืม กู จะเสร็จแล้ว อ่า” สิ้นเสียงครางของไอ้มาร์ค ผมก็รู้สึกถึงของเหลวบางอย่างที่มันอุ่นลื่น มีกลิ่นคาวที่รุนแรงและเค็มอยู่เต็มในช่องปาก ผมไม่ใช่เด็กที่จะไร้เดียงสาขนาดนี้ไม่รู้ว่ามันคือน้ำรักของไอ้มาร์คที่มันปล่อยใส่ปากผม ที่สำคัญผมไม่มีสิทธิ์คายออกมาด้วยเพราะมือของมันมาจับที่ปากผมไว้ไม่ให้บ้วนทิ้ง
“กลืนเข้าไป” มันสั่งโดยมันจับให้ผมเงยหน้าขึ้นมองหลังคารถก่อนจะบังคับให้ผมกลืนสิ่งอุบาทว์นี้ลงไป ด้วยเรี่ยวแรงที่มีน้อยกว่า แถมไพ่ตายที่มันถือไว้มากกว่า คือชีวิตพี่ไอ สุดท้ายผมก็ต้องกลั้นใจกลืนลงคออย่างลำบาก
น้ำตาของผมไหลออกมาโดยไม่รู้ตัวเพียงไม่ถึงสองชั่วโมงแรกที่อยู่กับมัน ผมก็ต้องมาทำอะไรๆ ที่อุบาทว์ขนาดนี้ จนผมรู้สึกเกลียดและขยะแขยงปากตัวเองที่สุด
“อ้าปากให้กูดูซิ” ผมไม่ได้ตั้งใจจะอ้าปากให้มันดูแต่เพราะถูกมันเอามือมาบีบปากไว้จนเจ็บมันเลยอ้าออกมาเอง
“เก่งดีนี่ กินหมดด้วย แบบนี้ถึงค่อยสมกับการเป็นเด็กของกูหน่อย ครั้งนี้กูถือว่ามึงผ่านทดลองงาน”
ผมที่อยากจะเบือนหน้าหนีเพราะคำพูดของมันแต่ก็ทำไม่ได้เพราะมือมันยังจับคางผมไว้อยู่ จากนั้นมันก็เอานิ้วโป้งมาปาดคราบน้ำรักที่หลงเหลืออยู่ตามมุมปากของผม ก่อนที่มันจะปล่อยมือและเอานิ้วนั้นกลับไปดูดราวกับว่าเป็นของอร่อย
“ถ้าไม่อยากโดนอีก ก็รีบเก็บกวาดของกูให้เรียบร้อย” มันพูดพร้อมกับใช้สายตามองสิ่งที่มันต้องการให้เก็บกวาด ก่อนที่ผมจะจับม่อนเอ็นที่ยังไม่สงบดีนักกลับเข้าไปอยู่ที่เดิมพร้อมกับรูดซิปกางเกงขึ้นจัดการเข็มขัดจนเหมือนเดิม โดยที่มันออกรถไปตั้งแต่ที่เพิ่งเริ่มเก็บกวาดแล้ว
รถยนต์คันหรูยังคงวิ่งไปตามถนนเรื่อยๆ เพื่อมุ่งหน้าสู่บ้านของมัน ซึ่งผมไม่ได้สนใจอะไรอีกแล้ว นอกจากเบนหน้าหันไปทอดสายตาไปยังเงาสีดำด้านข้างของรถ เพื่อใช้ความคิดว่าชีวิตผมนับจากนี้จะเป็นยังไง พ่อครับ แม่ครับ ช่วยผมด้วยนะครับ
