บทที่ 5 น้องชายกระหายรัก (2) จบตอน
“หยุดก่อนเลยนะ” พอเห็นว่าผมเริ่มเข้ามาประชิดตัว พี่หมี่ที่เสียเปรียบเพราะเธอตัวเล็กกว่าก็เลยพยายามดันแผงอกผมออกไป “เหมือนน้องขาลจะลืมไปว่าที่นี่คือโรงพยาบาล”
“ผมไม่สน” ผมสวนกลับทันที ก่อนที่จะเบี่ยงหน้าไปกระซิบข้างกกหูขาว “ผมอยาก ที่มาหาพี่ก็เพราะอยาก”
“... แต่พี่ยังไม่พร้อมนะ” เธอเม้มริมฝีปากแน่นเมื่อผมใช้ฝ่ามือหนาเกลี่ยปอยผมยาวๆ สีชมพูอ่อนที่ปรกหน้าเธอจนเห็นพวงแก้มนวลเชื่อมต่อไปจนถึงใบหูที่ขึ้นสีจัดจากสิ่งที่ผมทำ ผมเลยขบหูเธอเบาๆ “อ๊ะ ขาล ฟังพี่ด้วย”
แปลกดี ปากห้ามผมแทบตาย แต่กลับไม่ผลักผมออกสักที
พี่หมี่กำลังท้าทายผมอ้อมๆ โดยที่เธอเองก็ไม่รู้ตัว
“เมื่อคืนผมยังไม่เสร็จ พี่ก็ไม่เสร็จไม่ใช่เหรอ” ผมพูดเย้าแหย่ข้างกกหูตอนที่ดึงเส้นผมหอมๆ ของเธอมาสูดดมอย่างหลงใหล ไม่ว่าจะเป็นกลิ่นกายสาว หรือแม้แต่เส้นผม ก็หอมหมดจดไปซะทุกส่วนจริงๆ
“แต่ที่นี่มันโรงพยาบาล อีกอย่างขาลก็ไม่ได้ล็อกประตูด้วยนะคะ”
“ไม่มีใครเข้ามาหรอกครับพี่หมี่”
“ขาล เมื่อคืนที่พี่พลั้งเกือบมีอะไรกับเรา พี่เมานะ แล้วพี่ก็ไม่... อื้อ” พอเห็นว่าพี่หมี่เริ่มตั้งท่าที่จะปฏิเสธเรื่องเมื่อคืนขึ้นมาเพราะเถียงสู้ผมไม่ได้ ทั้งที่เธอก็รู้อยู่แก่ใจว่าพวกเรากลับไปเป็นเหมือนเดิมไม่ได้อีกแล้ว ผมในวันนี้ไม่ใช่ขาลผู้ภักดีและเว้นระยะห่าง ในเมื่อพี่หมี่ยั่วยวน ผมก็จะไม่หยุด
ผมดูดปลายลิ้นที่หอมหวานของเธอจนเกิดเสียงภายในห้องพักของแพทย์ที่เงียบสงัด พี่หมี่พยายามทุบอกผมที่ตัวใหญ่กว่ามาก แต่แรงเธอกลับไม่ทำให้ผมสะเทือน กลับกัน ผมจูบเธอแรงขึ้น หนักขึ้น และดูดดื่มขึ้นมากกว่าเดิมจนคนตัวเล็กหอบหายใจชิดริมฝีปากของผม
“แฮ่ก... อื้อ” เธอโดนผมจูบอีกรอบเพราะใบหน้ายั่วๆ นั่น มือแกร่งเริ่มปลดกระดุมเม็ดบนของเสื้อกาวน์ออก ในขณะที่พี่หมี่พยายามดิ้นทุรนทุรายในอ้อมแขนของผม “อ๊ะ ขาล”
“ทำไมชอบปฏิเสธผม” ผมกระซิบชิดพวงแก้มที่ขึ้นสีแดงฝาดของเธอโดยไม่ต้องการคำตอบ กดจูบมันหนักๆ ในขณะที่มือหนาก็บีบเคล้นหน้าอกทรงโตที่ซ่อนความเซ็กซี่เหลือร้ายนั่นไว้ใต้เสื้อกาวน์สีขาวและชุดแซก “พี่ปฏิเสธผมมากี่ร้อยครั้งแล้ว พี่หมี่”
“อื้อ ขาล พี่เจ็บ” เธอเบ้หน้าที่ขึ้นสีแดงจัดนั่นเมื่อผมใช้แผ่นอกและตัวใหญ่ๆ ดันร่างบางจนบั้นท้ายกลมกลึงชนกับโต๊ะทำงานที่อยู่ด้านหลัง เธอจนมุมอยู่ตรงนั้น ในขณะที่มืออีกข้างที่ยังว่างของผมก็เชยคางเธอขึ้นมา
“แต่ใจผมมันด้านพอ ผมไม่ยอมแพ้หรอกครับ”
“...”
“เมื่อคืนสำหรับพี่หมี่อาจเป็นเรื่องพลาด แต่สำหรับผม” ผมกดเสียงเน้นย้ำในประโยคท้าย ถึงความเรียลลิสติกในใจผม “มันคือของจริง”
“แฮ่ก...”
“ผมจะไม่ให้พี่ไปให้ครั้งแรกกับใคร นอกจากผมคนเดียว”
[จบพาร์ท : ขาล]
ฉันใจสั่น ยิ่งใจสั่นมากขึ้นเมื่อน้องขาลมีท่าทางจริงจัง
เมื่อเช้า ฉันตื่นมาด้วยความทรงจำที่ยากจะลืม ทั้งสัมผัสร้อนแรง ทั้งความเสียวสะท้านเมื่อคืนที่ขาลปรนเปรอให้ มันยังติดอยู่ในใจฉัน ตั้งแต่ตื่นนอนจนเข้ามาทำงานที่โรงพยาบาลของคุณพ่อ
ฉันเป็นแพทย์หญิงดีเด่นในช่วงอายุยี่สิบห้าปี แต่เชื่อมั้ยว่าฉันกลับยังคงเวอร์จิ้นทั้งๆ ที่อายุขนาดนี้แล้ว และที่น่าตกใจกว่าก็คือในวันที่ตัวเองอกหักและอยากมีเซ็กซ์กับใครสักคน ก็ดันไปเผลอพลั้งปากสัญญาว่าจะเสียพรหมจรรย์แรกให้กับผู้ชายที่มองว่าเป็นน้องชายมาตลอด
ขาลในช่วงก่อนหน้านั้นแวะเวียนมาหาฉันบ่อยๆ และแสดงออกว่าชอบฉัน แต่เขาไม่เคยเข้ามาประชิดตัวและรุกรานแบบวันนี้ เขาเปลี่ยนไปหลังจากเมื่อคืน ขาลรุกไล่ฉันอย่างหนักหน่วง เหมือนเส้นด้ายที่กั้นระหว่างเราได้ขาดไปเพราะความคิดชั่ววูบของฉันเมื่อคืนนี้
ก็แค่ต้องการในบางครั้ง แล้วขาลก็ดันเป็นคนๆ นั้นที่เข้ามาถูกจังหวะพอดีเท่านั้นเอง
มันคือความพลั้งเผลอของฉัน
แม้จะรู้สึกโชคดีที่ไม่เผลอตัวเผลอใจตกเป็นของน้องชายสมัยเด็ก แต่ในขณะเดียวกันก็เหมือนฉันให้ความหวังน้องขาลไปแล้วเต็มๆ เปา
ฉันอยากจะปฏิเสธแบบจริงจัง ฉันอยากจะพูดออกมาตรงๆ ว่า ฉันมองเห็นขาลเป็นแค่น้องชายเท่านั้น
แต่ปากกับร่างกายกลับไม่ต่อต้านเขา
จนร่างของฉันถูกเด็กหนุ่มยกขึ้นไปนั่งบนโต๊ะ ให้หน้าอกฉันอยู่เกือบประชิดใบหน้าของขาล แต่เพราะเขาตัวใหญ่มาก ก็เลยต้องค้อมหัวลงมา ทรงผมมัดจุกครึ่งหัวไม่ทำให้ขาลดูฮอตน้อยลงเลย
ใช่ เพราะฉันรู้ว่าน้องขาลหน้าตาดี ร่างกายกำยำล่ำสัน และร้อนแรงแค่ไหน เพราะรู้ว่าขาลเป็นแบบนี้ในสายตาผู้หญิงคนอื่น ในใจลึกๆ ก็เลยอยากจะตกเป็นของเขา
ฉันมันก็แค่ผู้ใหญ่ที่อยากรู้อยากลองเหมือนเด็กสาววัยแรกรุ่น
จนขาลเริ่มเอื้อมมาปลดซิปจากชุดแซกข้างหลัง ซึ่งเขาดูช่ำชองและรู้จุดที่จะถอดชุดแบบนี้ออกในทันที ทั้งๆ ที่ขาลก็แค่เด็กอายุยี่สิบเอ็ดที่ไม่น่าจะมีประสบการณ์มากมายขนาดนั้น
ฉันกัดริมฝีปากแน่น มือที่ทึ้งเสื้อช็อปสีเลือดหมูของขาลจิกมันแน่นขึ้น ในขณะที่เสื้อกาวน์ของฉันตกไหล่ไปกองอยู่บนพื้นโต๊ะ และซิปข้างหลังก็ถูกรูดลงไปถึงกลางหลัง
คนตัวใหญ่ปลดชุดแซกแขนกุดของฉันออกจนเห็นลาดไหล่ขาวนวล เขากลืนน้ำลายลงคอ ในขณะที่จะโน้มใบหน้าเข้ามาพรมจูบไปตามลาดไหล่ของฉันที่นั่งตัวแข็ง
ทำไมไม่ห้ามเขาล่ะ ทำไมไม่ผลักออก?
ได้แต่ถามตัวเองแบบนี้ แต่ก็ไม่ได้คำตอบอะไร นอกจากความรู้สึกแสบเล็กๆ เพราะขาลกำลังดูดเม้มที่ไหปลาร้าเหมือนคนที่กำลังมัวเมากับของหวาน
“ผมชอบพี่จัง พี่หมี่” จนเขากระซิบชิดลาดไหล่เปลือยเปล่าของฉัน พร้อมๆ กับปลายนิ้วสากที่เริ่มเกี่ยวสายชั้นในของฉันจนตกลงไปที่แขน
“...”
“ชอบจนแทบบ้าเลย”
ตึกตัก
หัวใจฉันเต้นแรงเมื่อได้ยินคำบอกชอบจากร่างสูงใหญ่ที่พยายามทำลายความสัมพันธ์ที่มีช่องว่างของเราลง ฉันเคยคิดว่าขาลคือเด็กน้อยที่เชื่องและไม่มีประสบการณ์ เขาก็แค่เด็กวัยรุ่นเลือดร้อนทั่วไป
แต่พอฉันพลาดพลั้งเปิดทางให้เขาไปครั้งเดียวเท่านั้น ก็เหมือนกับว่าขาลพร้อมที่จะพุ่งตรงเข้ามาแบบไม่คิดชีวิต
ฉันได้รู้ธาตุแท้ของน้องชายข้างบ้านวันนี้เอง ว่าเขาไม่ใช่สุนัขที่เชื่องและเชื่อฟังคน แต่จริงๆ แล้วเขาคือหมาล่าเนื้อที่รอเจ้าของตายใจ และพร้อมที่จะเข้ามาขย้ำอย่างรุนแรงได้ทุกเมื่อ
ฉันได้ทำลายเส้นกั้นระหว่างเราไปแล้ว และน้องขาลคงจะไม่หยุดอยู่แค่นี้ จนกว่าจะได้เวอร์จิ้นของฉันไปครอง
แล้ว... ถ้าเกิดน้องขาลได้ไป แล้วเขาทิ้งฉันล่ะ?
ฉันก็แค่ผู้หญิงที่ถูกครอบครัวสั่งสอนมาด้วยขนบธรรมเนียมเก่าๆ ที่ว่าเป็นผู้หญิงต้องรักนวลสงวนตัวและมีเซ็กซ์ในคืนแต่งงานเท่านั้น แน่นอนว่าฉันอึดอัดกับกฎเกณฑ์ที่พ่อให้ตั้งแต่เล็ก พอโตขึ้นมาเลยพยายามฉีกกฎด้วยการแต่งตัววาบหวิว ทำตัวเซ็กซี่ จนพ่อเหนื่อยจะว่าเพราะฉันก็โตแล้ว มีงานทำแล้ว แถมยังทำได้ดีด้วย
ฉันในตอนนี้เพอร์เฟ็คจนไม่ว่าใครก็ต้องการมีเซ็กซ์ด้วย
แต่ไม่รู้ทำไม ฉันกลับตื่นก่อนทุกที พอจะไปถึงจุดนั้น ฉันก็กลัว อยู่ดีๆ ขนบที่พ่อสอนสั่งกรอกหูอยู่ตั้งแต่เด็กก็ผุดขึ้นมา จนรู้สึกไม่อยากไปต่อ
ผู้ชายหลายๆ คนที่คุยไม่เข้าใจความคิดของฉัน แน่นอนว่าทุกคนมองฉันเป็นผู้หญิงที่ดูจะเจนจัด ขี้อ่อยและไม่ซิง แต่พอฉันแสดงออกว่าไม่เป็นงานจริงๆ พวกเขาก็ต่างบอกว่าผิดหวังและถอยห่างออกไป
ฉันอยู่ตรงนี้ด้วยความคาดหวังของใครหลายๆ คนว่าฉันต้องเป็นแบบนั้นแบบนี้ พวกเขาตัดสินฉันไปแล้ว และพอไม่เป็นอย่างที่หวัง พวกเขาก็ไม่ต้องการฉันอีกต่อไป
แต่น้องขาลไม่เป็นแบบนั้น
เขาดูเหมือนจะคาดหวัง แต่กลับกันก็พยายามเข้าใจ แต่ขาลไม่เคยตัดสินฉัน เขาเรียนรู้จากสิ่งที่ฉันแสดงออก และพุ่งตรงเข้ามาในแบบของตัวเอง เป็นครั้งแรกที่เจอผู้ชายที่พอรู้ว่าฉันไม่เป็นแบบที่คิด แต่กลับไม่หยุด รุกเข้ามาหนักกว่าเดิมด้วยซ้ำ
แต่... ฉันเป็นผู้หญิงหัวดื้อ ฉันคิดกับขาลเป็นแค่น้องเท่านั้น
มันยากนะ ที่จะเปลี่ยนความคิด ทั้งๆ ที่รู้อยู่แก่ใจว่าขาลเป็นผู้ชายที่ฉันมองหาอยู่
ฉันไม่อยากจริงจังกับใคร ก็แค่อยากรู้เรื่องเซ็กซ์เท่านั้น ฉันกลัวความสัมพันธ์ กลัวความเจ็บปวด กลัววันที่ตัวเองต้องเอาใจไปผูกไว้ที่ปลายเท้าของใครแล้วโดนเขาขยี้ทิ้งเหมือนหลายปีที่ผ่านมา กลัวไปหมด
“... ขาลก็รู้ว่าพี่ไม่อยากจริงจัง” ฉันโพล่งขึ้นมาในระหว่างที่ถูกถอดชั้นในออกจนหน้าอกขาวผ่องสล้างออกมาสัมผัสกับอากาศภายนอก คนตัวโตชะงักไปเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะกระตุกยิ้ม
“ใช่ ผมรู้”
“พี่ก็แค่... อยากเข้าใจเรื่องเซ็กซ์ แต่ไม่ต้องการความสัมพันธ์ที่จริงจัง”
“ครับ”
“ถ้าขาลคาดหวังความสัมพันธ์จริงจังจากพี่ พี่คงไม่ใช่คนนั้นที่ขาลมองหานะคะ” จนสุดท้ายฉันก็กลั้นใจพูดมันออกไป ทั้งๆ ที่ฉันชอบสัมผัสของขาล ชอบความร้อนแรงของน้องชายสมัยเด็กมาก และขาลก็มีนิสัยที่ตรงใจฉันหลายอย่าง
แต่มันก็แค่ความหลงใหลในรสสัมผัส ฉันไม่ได้รู้สึกอะไรกับขาลเลยสักนิด
“แล้วใครบอกพี่ว่าผมต้องการความสัมพันธ์ที่จริงจัง?” จนร่างสูงย้อนกลับมาคำหนึ่ง มันทำให้ฉันหน้าชาเพราะไปไม่เป็น “ตั้งแต่ที่รู้ว่าชอบพี่ ผมไม่เคยคาดหวังอะไรทั้งนั้น ผมอยู่ด้วยศรัทธา และจะจบมันด้วยศรัทธา”
“...”
“ผมไม่ได้ขออะไรพี่มากไปกว่าครั้งแรกของพี่” เขาเน้นย้ำถึงความต้องการที่ฉันพอจะจำได้ว่าเขาขอฉันแค่นั้นมาตั้งแต่ต้น เพิ่งมาฉุกคิดนี่เองว่าขาลไม่ได้ขออะไรฉันเลยนอกจากขอเวอร์จิ้นของฉันให้กับเขา “แต่ผมจะไม่บังคับหรอก ถ้าพี่อยากให้ผมแค่แตะต้อง แต่ไม่สอดใส่ ผมก็ทำได้เหมือนกัน”
“...”
“ผมบอกแล้วไงพี่หมี่” เขาเอนใบหน้าลงมากระซิบชิดริมฝีปากของฉันที่นั่งตกตะลึง ปลายนิ้วสากอ้อยอิ่งอยู่ตรงหน้ายอดทับทิมสีอ่อนจนรู้สึกวาบหวิว “ไม่ว่าจะของเล่นหรือคู่ขา ผมเป็นให้พี่ได้ทุกอย่าง”
“...”
“พี่จะให้ผมเป็นหมาอย่างที่พี่ชอบให้ผมเป็นก็ได้” เขาพูดพร้อมกับแลบลิ้นเลียริมฝีปากหยักลึกที่แห้งผาก “กดผมให้รู้สึกต้อยต่ำ จะให้ผมเลียรองเท้าพี่ ผมจะทำให้ทุกอย่างเลย”
ให้ตายเถอะ
ดูวิปริตสิ้นดี แต่ทำไมชอบจังเลยนะ
“งั้น...” ฉันคลี่ยิ้มหวานออกมาทันที กรีดปลายนิ้วไล้ลงไปตามความนูนของหน้าอกที่ขาวจัด แววตาคมกริบสีเงินเข้มมองตามปลายนิ้วของฉัน จนมันมาหยุดที่ยอดอก “ชอบหน้าอกพี่มั้ยคะ”
“ชอบมาก” เขาตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงแหบพร่า ลูกกระเดือกสั่นขึ้นลงเมื่อเห็นว่าฉันเริ่มยั่วยวน หลังจากที่ขาลพูดว่าจะยอมเป็นสุนัขของฉัน
ขาลก็แค่เด็กอายุยี่สิบเอ็ด แต่กลับปลุกเร้าความต้องการสุดแปลกของฉันขึ้นมาในแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ทำให้ฉันรู้สึกว่าฉันก็แค่คนเพอร์เฟ็คที่มีความต้องการดำมืดเหมือนกับคนอื่นๆ
“งั้นก็ดูดสิ ดูดเหมือนลูกหมาที่กำลังดูดขวดนมน่ะ”
เด็กผู้ชายหุ่นล่ำสุดฮอตที่ยอมเป็นได้แม้กระทั่งหมาของฉัน คิดว่าใครจะปล่อยไปง่ายๆ ล่ะ จริงมั้ย?
